พม. แถลงข่าวการแสดงพลัง “ร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ” พร้อมเปิดตัวการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ “ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นในครอบครัว”


          วันนี้ (28 ม.ค. 62) เวลา 13.30 น. พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในการแถลงข่าวการแสดงพลัง “ร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในรอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ”



และเปิดตัวการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ “ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นในครอบครัว” โดยมีนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมด้วย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เข้าร่วมงาน   ณ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ





          พลเอก อนันตพร กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ เป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจ พม. โพลศูนย์สำรวจความคิดเห็นทางสังคม โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ซึ่งสำรวจระหว่างเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2561 พบว่า ประเภทของการกระทำความรุนแรงอันดับหนึ่ง คือ การถูกทำร้ายทางร่างกาย รองลงมาคือ การล่วงละเมิดทางเพศ และการทำร้ายทางจิตใจ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลความรุนแรงในครอบครัว ตามระบบฐานข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ภายใต้ www.violence.in.th ของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) พบว่า ในปี 2561 มีการทำร้ายร่างกาย เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 59  รองลงมา คือ การดุด่า ดูถูก คิดเป็นร้อยละ 18 และการกล่าววาจา หยาบคาย/ตะคอก/ประจาน/ขู่/บังคับ คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวทั้งหมด


          พลเอก อนันตพร กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย สค. ได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2561 ได้จัดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ ด้วยการรณรงค์ยุติความรุนแรงฯ เพื่อสร้างกระแสสังคมให้เกิดความตระหนักต่อปัญหาและนำไปสู่การรวมพลังของทุกภาคส่วนในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัวและความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ ภายใต้แนวคิด


“He For She : ปรับพฤติกรรม เปลี่ยนความคิด ยุติความรุนแรง” 

มุ่งส่งเสริมผู้ชายให้มีบทบาทและส่วนร่วมในการยุติความรุนแรงฯ นอกจากนี้ ยังร่วมกับสวนดุสิตโพลล์ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ “ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นจากบุคคลในครอบครัว” และได้มีการนำผลความคิดเห็นมาจัดประกวดการ์ตูนคาแรคเตอร์ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นในครอบครัว เพื่อใช้สำหรับเป็นสื่อในการรณรงค์สร้างความตระหนักต่อปัญหาความรุนแรงฯ และส่งเสริมให้มีการแสดงพฤติกรรมที่ดีเพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดี ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ สำหรับในปี 2562 กระทรวง พม. โดย สค. มีแผนจะขับเคลื่อนการรณรงค์ยุติความรุนแรงฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งการดำเนินงานในระยะต่อไปจะเป็นการสร้างกระแสสังคมเกี่ยวกับการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ “ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นในครอบครัว” โดยจะนำการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ดังกล่าวไปผลิตเป็นสื่อเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะชน อาทิ สื่อวีดิโอการ์ตูนภาพเคลื่อนไหว สื่อสติกเกอร์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อตั้งประชาสัมพันธ์ Standy ธงประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ผ่านสื่อในทุกช่องทาง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ วิทยุ สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook Line Youtube Instagram เป็นต้น รวมทั้งนำไปประชาสัมพันธ์ในงานต่างๆของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม.


          พลเอก อนันตพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การ์ตูนคาร์แรคเตอร์ สื่อสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างสัมพันธภาพของครอบครัว ในการรณรงค์ยุติความรุนแรงฯ โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ช่องทาง ร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ แสดงออกด้วยการ “ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรง” และเพื่อเสริมสร้างความตระหนักต่อสังคม และส่งเสริมให้เกิดภาคีเครือข่าย ในการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง



 ซึ่งกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย  กิจกรรมการเขียนข้อความเกี่ยวกับ “ท่าทางที่อยากเห็น ในครอบครัว” ลงบนบอร์ด White Ribbon การแสดงละครใบ้ การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการณรงค์ยุติความรุนแรง ในการแสดงพลัง “ร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ” กิจกรรมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยุติความรุนแรง ด้วยการลงชื่อและข้อความในการร่วมรณรงค์ผ่าน QR Code หรือเว็บไซต์ http://plan.dwf.go.th/public/campaign.do และการเปิดตัวการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ “ท่าทางที่อยากเห็น และไม่อยากเห็นในครอบครัว” จำนวน 6 แบบ ได้แก่ 1) ครอบครัวแสนดี 2) ครอบครัวสุขสันต์ 3) ครอบครัวยิ้มสยาม 4)น้องอุ่นใจ 5)ครอบครัวตัว บ. และ 6) คุณแม่หวานใจกับเด็กชายก้อนเมฆ



          “ทั้งนี้ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระทรวง พม. ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ http://plan.dwf.go.th/public/campaign.do เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเสียง ในการ “ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว และความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ” หากประชาชนพบเห็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงหรือประสบปัญหาทางสังคม สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง ซึ่งกระทรวง พม. พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป” พลเอก อนันตพร กล่าวในตอนท้าย






Share:

เปิดรอบแรกแข่งกินขนมจีบ “กินจุ กินไว” สุดคึกคัก “กระบี่ติ่มซำ” ท้านักกินทั่วทิศ สายแข็งห้ามพลาด!


ย้ำแนวคิด “เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” ธุรกิจอาหารเช้าเมืองกระบี่คึกคัก “กระบี่ติ่มซำ” เปิดกิจกรรมสร้างสีสันวัฒนธรรมการกินแบบฉบับถิ่นใต้ “กินจุ กินไว ลุ้นไป ฮอกไกโด”  ชวนนักกินทั่วสารทิศร่วมแข่งขัน หนุนท่องเที่ยวกระบี่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมตอบแทนลูกค้า ในโอกาส 13 ปีแห่งความสำเร็จ ยกระดับร้านติ่มซำแบบชาวบ้านสู่โรงงานผลิต หวังขยายแบรนด์ “กระบี่ติ่มซำ” ไปทั่วประเทศ


นางพรเพ็ญ เวทย์วัฒนะ เจ้าของร้าน “กระบี่ติ่มซำ” เปิดเผยว่า กระบี่ติ่มซำ เป็นร้านอาหารเช้าที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ได้รับการตอบรับที่ดีตลอดมา จากสาขาเล็กๆ ที่มีเพียง 12 โต๊ะ มาเป็น 5 สาขา โดยมีสาขาแฟรนไชส์ 2 สาขา และ  สาขาใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2562 “กระบี่ติ่มซำ ไสไทย” นับเป็นสาขาที่ 5


ตั้งอยู่ที่ ม.4 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างอ่าวนาง  “ด้วยความเป็นคนรักในเรื่องการทำงานอาหาร และเรียนด้านคหกรรมมา เราจึงตัดสินใจทำร้านอาหารเช้า เป็นร้านเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัว เพราะลูกค้าร้านอาหารเช้าในตัวเมืองกระบี่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มเดิม คุณภาพของอาหาร และ การบริการ เป็นเรื่องสำคัญมาก จากจุดนั้นทำให้เราเติบโตมาถึงวันนี้ และเป็นแรงผลักดันให้เดินหน้าเพื่อขยายสาขาและเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมการกินและการท่องเที่ยวกระบี่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”


“กระบี่ติ่มซำ ไสไทย” 

นับเป็นร้านสาขาขนาดใหญ่  ที่เป็นทั้งหน้าร้านและโรงงานผลิตขนาดย่อม สามารถรองรับลูกค้าได้ 150-200 คน เปิดให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งนับเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำเจ้าแรกในจังหวัดกระบี่ ค่าบริการท่านละ 159 บาท สามารถรับประทานได้ทั้งเมนูติ่มซำกว่า 60 ชนิด และเมนูอาหารคาว-หวาน ที่หมุนเวียนในทุกวัน อาทิ ขนมจีนน้ำยา ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ เกาเหลา เกี๊ยวน้ำ ฯลฯ พร้อมเครื่องดื่มฟรี รับประทานได้โดยไม่จำกัดเวลา โดยจุดเด่นของการรับประทานติ่มซำแบบบุฟเฟ่ต์ คือการเลือกเมนูได้หลากหลายตามใจชอบ และมีหม้อนึ่งติ่มซำประจำโต๊ะของตัวเอง พร้อมหม้อร้อนที่คงความร้อนของอาหารให้ยังคงอยู่


“หลังจากธุรกิจของเราเริ่มเติบโต และเริ่มมีแฟรนไชส์ที่รักในธุรกิจอาหารเข้ามาเป็นพันธมิตร เราจึงเล็งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะมีโรงงานผลิตเล็กๆ โดยลงทุนเครื่องจักรผลิตขนมจีบ ราคา 8 แสนบาท ปัจจุบันผลิตขนมจีบและใส้สำหรับติ่มซำวันละเป็นหมื่นชิ้น ทำให้เรามีความได้เปรียบด้านวัตถุดิบ เพราะนอกจากขนมจีบแล้ว เรายังผลิตแผ่นเกี๊ยวเอง เพราะเราต้องการแผ่นเกี๊ยวแท้ที่ผลิตจากไข่ ให้ความนุ่มหอมได้มากกว่าแผ่นเกี๊ยวแบบแป้ง เราทำขนมปังเอง ทำซาลาเปาเอง โดยสร้างสรรค์เป็นซาลาเปากว่า 10 แบบ ทั้ง ซาลาเปาไส้ฟังทอง ถั่วแดง ทรงเครื่อง ลาวาไข่เค็ม และที่เป็นไฮไลท์คือ ซาลาเปาไส้มะพร้าวอ่อน ส่วนเมนูเด็ดลูกค้าชื่นชอบมากคือ จ๊อปู ที่เน้นเครื่องแน่นเต็มคำ จนหลายคนบอกว่าราคานี้ แค่มากินจ๊อปูก็คุ้มแล้ว”


นางพรเพ็ญ กล่าวต่อว่า การเป็นผู้ผลิต ทำให้ “กระบี่ติ่มซำ ไสไทย” มีความได้เปรียบในการบริหารต้นทุน แม้ว่าการให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ในราคาเพียง 159 บาท อาจจะมีกำไรไม่มากนัก แต่ทางร้านหวังให้กระบี่ติ่มซำเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะสาขานี้สามารถรองรับทัวร์ที่มาจากทั่วสารทิศทั้งคนไทยและต่างชาติ ลูกค้าสามารถนั่งรับประทานอาหารและชมการผลิตขนมจีบในห้องกระจกได้ด้วย  และที่ไม่มีการจำกัดเวลาของบุฟเฟ่ต์ เนื่องจากพบว่า พฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารเช้าและเที่ยง จะมีความเร่งรีบ ไม่ได้นั่งนานเหมือนการรับประทานอาหารเย็นหรืออาหารค่ำอยู่แล้ว


นอกจากนั้น “กระบี่ติ่มซำ ไสไทย” ยังให้ความสำคัญด้านสุขภาพ โดยติ่มซำของที่นี่ ไม่มีการผสมสารกันบูด เนื่องจากสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตามต้องการ ทำให้สินค้าหมุนเวียนได้ไว ทำให้ลูกค้ามั่นใจในสุขภาพ รวมทั้งอาหารที่ไม่มีสารกันบูด จะให้รสชาติที่สดใหม่กว่าอีกด้วย โดยสาขานี้จะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 05.30-15.00 น.

ล่าสุด “กระบี่ติ่มซำ” ได้จัดกิจกรรม “กินจุ กินไว ลุ้นไป ฮอกไกโด” เชิญชวนผู้รักการกินเข้าร่วมสนุกกับกิจกรรมแข่งกินขนมจีบ โดยมีการแข่งขันรอบแรกไปแล้วในวันที่ 19 มกราคม 2562 และจะทำการรับสมัครและคัดเลือกจนครบ 10 ครั้ง ไปจนถึงเดือนกันยายน จนได้ผู้ชนะเลิศ เพื่อรับรางวัล ทริปตะลุยหิมะฮอกไกโด 4 คืน 5 วัน จำนวน 4 รางวัล และรางวัลที่ 2 ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กระบี่-เชียงใหม่ พร้อมที่พัก 1 คืน จำนวน 4 รางวัล รางวัลที่ 3 ตั๋วที่พักกระบี่ 1 คืน และรับประทานฟรีบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ 5 ครั้ง จำนวน 4 รางวัล

“เราชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น เวลาไปแล้วก็มักจะนึกว่า อยากให้คนที่เรารัก รวมทั้งลูกค้าที่อุดหนุนเรามานานได้มาเที่ยวด้วยกัน นอกจากนั้นเราก็อยากให้ลูกค้าใหม่ได้เข้ามาลองชิม ซึ่งปัจจุบันลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาลองกินบุฟเฟ่ต์เขาก็ชอบ เพราะเป็นอาหารที่อุ่นร้อนตลอด เขาได้นั่งนึ่งเอง เขาเห็นถึงความสด ความปลอดภัยของอาหาร เราจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้เป็นการขอบคุณลูกค้าแล้ว ยังนับเป็นสีสันใหม่ๆ ของเมืองกระบี่ ที่จะทำให้คนได้เข้ามาสัมผัสมากขึ้น”


สำหรับแผนทางธุรกิจ ในปีนี้จะมีกิจกรรมแข่งกินขนมจีบไปจนถึง เดือนกันยายน 2562 ซึ่งเป็นการเริ่มสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ “กระบี่ติ่มซำ” ในวงกว้าง และปีหน้าจะทำการลงทุนเครื่องผลิตซาลาเปา ส่วนปีต่อไป จะทำการลงทุนในส่วนของเครื่องผลิตเส้น พร้อมกับการมองหาพันธมิตรในการขยายสาขา โดยหวังว่าจะมีร้าน “กระบี่ติ่มซำ” อยู่ในทั่วประเทศ แต่จะเริ่มในทำเลที่มองเห็นศักยภาพ เช่น เชียงใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการตั้งศูนย์ผลิตของกระบี่ติ่มซำในภาคเหนือ

“เราคาดหวังว่า กิจกรรมนี้จะมีการตอบรับที่ดี เพื่อส่งเสริมให้เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวประจำปีของเมืองกระบี่ ที่สามารถผูกโยงแหล่งท่องเที่ยวในตัวจังหวัดได้อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวลานปูดำ เขาขบาบน้ำ ถนนคนเดิน ท่าปอมคลองสองน้ำ และอีกมากมาย ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า กระบี่ ไม่ได้มีแค่ทะเล และเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก จากหลากหลายแง่มุมของวัฒนธรรมรวมทั้งเรื่องของการกิน”

สำหรับบรรยากาศในการแข่งขัน “กินจุ กินไว ลุ้นไป ฮอกไกโด” รอบแรก เป็นไปอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้เข้าชม โดยครั้งนี้ได้ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพื่อทำการเข้าแข่งขันกับผู้เข้ารอบต่อไป  แบ่งเป็น 2 สาย มีการแข่งกันจนครบ 10 ครั้ง แล้วนำผู้ชนะของแต่ละสายมาหาผู้ชนะเลิศ จนได้ผู้ชนะเลิศสายละ 2 ท่าน (ชาย-หญิง) นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน เพื่อชิงรางวัลทุนการศึกษาด้วย

ผู้ที่สนใจ เข้าร่วมสมัครกิจกรรม “กินจุ กินไว ลุ้นไป ฮอกไกโด” คุณสมบัติผู้สมัคร ประกอบด้วย สัญชาติไทย, อายุ 15 ปีขึ้นไป, ไม่มีโรคประจำตัวที่กระทบต่อการแข่งขัน โดยจะทำการแข่งขันตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน ณ ร้านกระบี่ติ่มซำ ไสไทย ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ติดตามกิจกรรมและสอบถามรายละเอียดได้ที่ FACEBOOK : กระบี่ติ่มซำ ไสไทย โทร : 086 - 2888865 , 081 - 9707073

หมายเหตุ : ส่วนผสมของขนมจีบ มีหมูและกุ้ง


สมัครโดยตัวเองได้ที่ร้านกระบี่ติ่มซำ

สาขา 1 เยื้องโรงพยาบาลกระบี่ โทร.075-623127
สาขา 2 เยื้องวิทยาลัยสารพัดช่างกระบี่ โทร.075-600799
สาขา 3 วัดถ้ำเสือ
สาขา 4 เหนือคลอง โทร.080-7193643
สาขา 5 ต.ไสไทย โทร.075-700549
Share:

“บุฟเฟต์มื้อพิเศษ” สำหรับคนพิเศษ ที่ห้องอาหารดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ


หากท่านมองหา  “บุฟเฟต์มื้อพิเศษ”  สำหรับช่วงเวลาดีๆ ช่วงเวลาที่คุณอยากแบ่งปันให้กับคนในครอบครัว หรือ คนพิเศษ  Insightout Story  ขอแนะนำ บุฟเฟต์นานาชาติที่ ห้องอาหาร ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์  ถ.รัชดาภิเษก  รับรองไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอนค่ะ


ห้องอาหาร ตั้งอยู่ชั้นล็อบบี้ เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยอาหารนานาชาติหลากหลายทั้งเอเชีย ยุโรป รวมถึงอาหารไทย ในรูปแบบบุฟเฟต์ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ หรือจะสั่งอาหารตามเมนูก็มีให้เลือกมากมาย  ห้องอาหารกว้างขวาง ให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติค ภายในห้องอาหารสามารถรองรับลูกค้าประมาณ 300 คน


อาหารแนะนำพิเศษมื้อกลางวัน

บริการรวมในบุฟเฟต์นานาชาติ 

ท่านละ 680 บาท++


ทั้งอาหารจานหลัก เช่น ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ข้าวขาหมู ส้มตำ-ไก่ย่าง พาสต้า เป็นต้น อาหารหวาน วันจันทร์ – ข้าวเกรียบปากหม้อ วันอังคารและศุกร์ - กาลอจี๊ ซึ่งหาทานได้ยากในปัจจุบัน วันพุธและเสาร์ - ขนมครกชาววัง วันพฤหัสบดีและอาทิตย์ – กล้วย/เผือก/มันทอด 


มื้อค่ำที่นอกจากจะมี

อาหารนานาชาติแล้ว

ยังเพิ่มมุม “ซีฟู้ดไนท์”


บริการรวมในบุฟเฟต์ 

ท่านละ 780 บาท++

ด้วยก้ามปูอลาสกา หอยนางรม กั้งกระดาน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ เป็นต้น







พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดซี๊ดซ้าด รสแซบ มุม “ข้าวต้มรอบดึก” บริการทั้งข้าวต้มแดง ข้าวต้มขาว ข้าวต้มเผือก ข้าวต้มปลากะพง และเครื่องเคียงกับข้าวมากมายให้เลือกอิ่มอร่อย มุมนี้รับรองถ้วยเดียวไม่เพียงพอ  Insighout Story  ซดจนหมดถ้วย ต้องมีต่อถ้วยที่ 2 นะค่ะ



รวมทั้ง “มุม Carving Station 7 วัน 7 อย่าง” ชวนให้ชิมทุกวัน ไม่ซ้ำ ไม่อั้น ไม่จำกัดเวลาดังนี้

วันจันทร์ - ปลาแซลมอนอบนึ่งมะนาว
วันอังคาร - ซี่โครงแกะอบโรสแมรี่
วันพุธ – หมูคุโรบูตะอบคาจูนสมุนไพร
วันพฤหัสบดี - เนื้อวัวริบอายอบสมุนไพรไทม์
วันศุกร์ – บาร์บีคิวเนื้อและไส้กรอกต่างๆ ย่าง
วันเสาร์ – ปลากะพงอบไวน์ขาว
และ วันอาทิตย์ – หมูกรอบตุ๋นและอบหนังกรอบกับซอสฮอยซิน




ในวันที่ Insightout Story มาทานนั้นเป็น วันพฤหัสบดี เป็นเมนู เนื้อวัวริบอายอบสมุนไพรไทม์  ชมรมคนรักเนื้อ...รับรองฟินแน่นอน


อีกจานที่ดู Street Food แต่ไม่ธรรมดา เพราะเป็น "ข้าวขาหมู"  สูตรอร่อยขั้นเทพ ต้องลองนะค่ะที่นี้ตุ่นจนได้ที่ ไข่ต้มต้องดำนะค่ะ ถึงว่าเด็ด



เชฟสิทธิกร วันกนกกุล "เชฟเล็ก"

ดูแลห้องอาหารรวมของโรงแรม  มีประสบการณ์ในการทำอาหาร และดูแลห้องอาหารโรงแรมชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศมานานกว่า 20 ปี   กล่าวกับเราว่า "ทางโรงแรมคัดสรร วัตถุดิบที่ดี สดใหม่เสมอ  มีความสุขทุกครั้งที่ลูกค้าพึงพอใจ ในรสชาติอาหาร และการบริการของโรงแรม"


และนำเสนอเมนูเด็ดอีกเมนู  คือ "ผัดไทยกุ้งสด"  ที่ลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมสั่ง แต่จะไม่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ ต้องแยกสั่งเป็นเมนู อลาคลาส งานนี้ แม่ครัวไทยมือหนึ่ง  มาเสริฟเองเลย



อีกเมนูที่เป็นสูตรเด็ด  "กล้วยทอด เผือกทอด"  สูตรพิเศษเฉพาะของโรงแรมมีที่เดียว ซึ่งได้ลิ้มลองแล้ว  กรอบนอก นุ่มใน หวานมันอร่อย รสชาติเฉพาะตัวจริง ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ ต้องมาลองเองค่ะ  แต่ละวัน เมนูขนมไทยก็จะเปลี่ยนไปเช่นกันค่ะ


นอกจากที่กล่าวมา ก้อมาอาหารอีกมากมาย ก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ อาหารญี่ปุ่น ปลาแซลมอล มุมสปาเกตตี้ มุมขนมก้อจัดเต็ม ของหวาน เค้ก เครปส้มทำกันสดๆ ฟองดูว์ ขนมไทย ฯลฯ


โปรโมชั่นพิเศษ!!

“มา 4 จ่าย 3” ยกเว้นมื้อค่ำวันศุกร์-เสาร์ วันนักขัตฤกษ์ และวันหยุดต่อเนื่อง
“ลด 25% เมื่อมาฉลองวันเกิด” รับสิทธิ์ได้ 1 ครั้งภายในเดือนเกิดเท่านั้น เพียงแสดงบัตรประชาชน โดยจองผ่าน www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop




ส่วน “ล็อบสเตอร์ เลิฟเวอร์” 

ไม่ควรพลาดเมนูเด็ด !!!

“ล็อบสเตอร์ย่างซอสเนยกระเทียม”

 เพียงตัวละ 950 บาท++ เท่านั้น





โปรโมชั่นสุดคุ้ม!! 

บุฟเฟต์นานาชาติรวมซีฟู้ดไนท์พร้อม “ล็อบสเตอร์ย่างซอสเนยกระเทียม” 1 ตัว เพียง 1,400 บาท++ (จากปกติ 1,730 บาท++)
สั่งเครื่องดื่ม “น้ำอัดลมแบบดื่มไม่อั้น” เพียงท่านละ 60 บาท++ ได้ทั้งมื้อกลางวันและค่ำ

บุฟเฟต์นานาชาติ ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ เปิดบริการเวลา 11.30 – 14.30 น. สำหรับมื้อกลางวัน ส่วนมื้อค่ำเปิดเวลา 18.00 – 23.00 น. มีห้องวีไอพีสำหรับลูกค้า 20 ท่าน จำนวน 2 ห้องไว้บริการเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย


พิเศษ!! 

เทศกาลตรุษจีน

 มีแจกซองอั่งเปาเพื่อนลุ้นรับส่วนลด 30%

เทศกาลวาเลนไทน์  

จะมีเป็น Special Set menu สำหรับ 2 ท่าน 
พร้อมดอกกุหลาบ หากอยากมีเซอร์ไพรซ์
สำหรับคนพิเศษ ขอเชิญมาฉลองได้ที่นี่ค่ะ


เทศกาลแห่งความสุข  เทศกาลแห่งความรัก หรืองานฉลองใดๆ 

พบกันที่ ห้องอาหาร ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช๊อฟ  ทั้งรสชาติอาหารที่หลากหลาย และบรรยากาศที่แสนโรแมนติค  การเดินทางสะดวก  มีที่จอดรถเพียงพอ สำหรับผู้ที่ขับรถส่วนตัวมาค่ะ   หรือเดินทางโดย รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีห้วยขวาง ทางออกที่ 3 ได้เลยค่ะแนะนำว่าควรสำรองที่นั่งก่อนนะค่ะ



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0-2276-4567 ต่อ 8413-4   
เวปไซด์  
http://www.emeraldhotel.com











Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก