"TK.Wedding Showcase" เปิดตัวครั้งแรกผลตอบรับเกินคาด

ครั้งแรก คนแห่เข้าชมงานเกินเป้าที่ตั้งไว้ ผู้เข้าชมงานชื่นชอบในธีม Greenery สวย สะอาดตาพร้อมย้ำ ครั้งหน้ายิ่งใหญ่กว่าเดิม 


คุณธีระพัฒน์ พันธุ์เสงี่ยมรองประธานกรรมการ โรงแรม ทีเค พาเลซแอนด์ คอนเวนชั่น กล่าวถึงการจัดงาน "TK Wedding Showcase" ว่าการจัดงาน Wedding ระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกของโรงแรม ซึ่งเราไม่เคยจัดมาก่อน และการที่เรากล้าที่จะจัดเพราะเราเห็นถึงความพร้อมของโรงแรมสถานที่ทีมงานเรามีความพร้อม

 ข้อมูลเพิ่มเติม www.tkpalace.com
Share:

กรม พส. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริหารจัดการเครือข่าย อพม. น้อย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ห้องไฮเดรนเยีย ๒ โรงแรมทีเค พาเลส แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการบริหารจัดการเครือข่าย อพม.น้อย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ให้สามารถสร้างและขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการสร้างความร่วมมือ ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน/องค์กร/เครือข่าย ในการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เป็นเครือข่ายที่เป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนงานสวัสดิการสังคมในพื้นที่
ผู้เข้าอบรมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ๗๗ จังหวัด และส่วนกลาง รวม ๑๕๗ คน โดยได้รับความรู้ความเข้าใจในทฤษฎีและกระบวนการทำงาน การพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การบริหารจัดการเครือข่าย อาสาสมัคร เน้นสถานการณ์และเหตุการณ์จริงในการทำงานโครงการอาสาสมัคร (volunteer journey) การสร้างแผนดำเนินงาน (Development Action Planning) ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณะวิทยากรจากองค์กรหน่วยอาสาสมัครอังกฤษ Voluntary Service Overseas (VSO) เป็นผู้มีความรู้  ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอาสาสมัครทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 
ในโอกาสนี้ อพส. ได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ ต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายกับองค์กรในการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาสังคม จำเป็นต้องมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ร่วมกัน ก่อให้เกิดความหลากหลายหรือแนวคิดใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ตรงตามเป้าประสงค์ขององค์กร รวมทั้งต้องมีการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ท้ายสุดได้เน้นย้ำให้ผู้เข้าอบรมนำความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเครือข่าย นำไปปรับใช้ในการสร้างความร่วมมือและขยายเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนงานและพัฒนาเครือข่ายโดยเฉพาะเครือข่าย อพม.น้อย ให้เป็นกลไกในการช่วยพัฒนาสังคมได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายต่อไป
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและพร้อมบูรณาการร่วมมือกับเครือข่าย เป็นกลไกสำคัญในพื้นที่ ในการขับเคลื่อนภารกิจกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในรูปแบบประชารัฐ พัฒนาสังคมไปสู่สังคมที่น่าอยู่ ยั่งยืนต่อไปนางนภา กล่าวในตอนท้าย

Share:

พิธีลงนามสัญญา Master Licensee “คุมะมง (Kumamon)” ประเทศไทย ระหว่าง ADK Emotions Inc. และ บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล

“คุมะมง (Kumamon)” 

มาสคอตตัวแทนจังหวัดคุมาโมโตะ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011  โดย อิคุโอะ คาบาชิมะ ผู้ว่าราชการจังหวัดคุมาโมโตะ ในโอกาสเปิดเส้นทางใหม่ของรถไฟชินคังเซ็นเส้นทางสายภูมิภาคคิวชู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น  เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และไม่นาน คุมะมง ก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว พร้อมเพลงเต้นประจำตัวที่ชื่อว่า “คุมะมงไทโซ”  หรือเพลงกายบริหารคุมะมงกับท่าเต้นที่น่ารักและทำตามง่าย  จึงทำให้ท่าคุมะมงไทโซ กลายเป็นเพลงเต้นสุดฮิตในญี่ปุ่นไปแล้วในตอนนี้
“คุมะมง (Kumamon)” ถูกออกแบบให้มีหน้าตายิ้มเป็นมิตรตลอดเวลา เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดคุมาโมโตะคอยต้อนรับ และมอบความสุขให้ผู้คนที่มาเยือน โดยแก้มสีแดงบนใบหน้านั้นคือสัญลักษณ์แทนจังหวัดคุมาโมโตะ เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งไฟ เพราะมีภูเขาไฟ Aso ที่ยังคงปะทุอยู่
จากคาแรคเตอร์ที่เป็นมิตร และความน่ารักที่ครองใจชาวญี่ปุ่นของคุมะมง จึงทำให้ บุญเกียรติ โชควัฒนาประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์  (Boonkiet Chokwatana Chairman, I.C.C. International PLC.)ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ากว่า 200 แบรนด์ชั้นนำ ทำการเซ็นสัญญารับสิทธิ์ดูแลลิขสิทธ์คาแรคเตอร์  “คุมะมง (Kumamon)”  ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Master Licensee) ภายใต้การดูแลของ  วิริทธิ์พล ชัยถาวรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่าย (Viritpol Chaithavornsathien Vice President, I.C.C. International PLC.)  เพื่อดูแลการนำคาแรคเตอร์ไปใช้ผลิตเป็นสินค้าทุกชนิด รวมถึงการนำคาแรคเตอร์ไปใช้บนสื่อต่างๆ ทั้ง ออนไลน์ และ ออฟไลน์ จาก ทาคาฮิโระ โนดะ ประธานบริษัท เอดีเค อีโมชั่น จำกัด (Mr.Takahiro Noda President, ADK Emotions Inc.) เจ้าของลิขสิทธิ์ผู้ดูแลการนำกราฟฟิคคุมะมงไปใช้งานทั่วโลก (Licensor)
โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก ชิโระ ซาโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (Shiro Sadoshima Ambassador, Embassy of Japan in Thailand), อิคุโอะ คาบาชิมะ ผู้ว่าราชการจังหวัดคุมาโมโตะ  (Ikuo Kabashima Governor, Kumamoto Prefecture, Japan)และบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ (Boonsithi Chokwatana  Chairman of SAHA GROUP)ร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2562 (ภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ 2019) เวลา 13.00 – 14.15 น. ณ ห้อง Silk 3 ชั้น 2 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

Share:

วง different คว้าชนะเลิศ โครงการพัฒนาผู้แสดงความสามารถ แชมป์คนแรกจาก พส.

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2562 เวลา 13.30 น. นายชูรินทร์ ขวัญทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานในพิธีปิดการอบรมผู้แสดงความสามารถในที่สาธารณะอย่างมืออาชีพ รุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 และ รุ่นที่ 4 รวมทั้งมอบโล่รางวัลให้กับผู้แสดงความสามารถที่ชนะเลิศในการประกวดแข่งขันผู้แสดงความสามารถในที่สาธารณะระดับประเทศ ณ โรงแรมอะเดรียติค พลาเลช กรุงเทพมหานคร
นายชูรินทร์ กล่าวว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดโครงการพัฒนาผู้แสดงความสามารถในที่สาธารณะ (Smart on Street) จำนวน 4 รุ่น รุ่นละ 50 คน รวมทั้งสิ้น 200 คน โดยอบรมรุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 3 - 7 มิถุนายน 2562 ณ โรงแรมฟาวน์เท่นทรี รีสอร์ท จังหวัดนครราชสีมา และรุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 เมื่อวันที่ 24 - 28 มิถุนายน 2562  ณ โรงแรมอะเดรียติค พลาเลช กรุงเทพมหานคร กิจกรรมการอบรม ประกอบด้วย การเสริมสร้างทักษะผู้แสดงความสามารถด้านดนตรี  การเสริมสร้างความสัมพันธ์และการเข้าสังคม การใช้ Social media การบริหารการเงิน และช่องทางการประกอบอาชีพ การค้นหาคุณค่าของตนเอง ข้อจำกัดในชีวิต การเสริมสร้างทักษะด้านการแสดง  เสริมพลัง ผู้แสดงความสามารถสู่การเป็นผู้แสดงความสามารถมืออาชีพ และการสร้างแรงบันดาลใจ แก่ผู้แสดงความสามารถ ซึ่งได้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขามาเป็นวิทยากร อาทิ ครูแอน นันทนา บุญหลง อ.เสกสรร เทพจันทร์ตา  คุณโอปอล์ ตันตยานุสรณ์ เป็นต้น 
โดยได้มีการคัดเลือกผู้แสดงความสามารถที่มีความสามารถโดดเด่น รุ่นละ 5 ชุดการแสดง จำนวน 20 ชุดการแสดง เพื่อเข้าแข่งขันในระดับประเทศ อบรมให้ความรู้ฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้น เพื่อพัฒนาศักยภาพ และยกระดับผู้แสดงความสามารถสู่การเป็นมืออาชีพ สร้างความภาคภูมิใจ มีแรงจูงใจในการประกอบอาชีพ ก่อให้เกิดรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว สร้างการยอมรับในกลุ่มผู้แสดงความสามารถและประชาชนทั่วไป เพื่อให้มีช่องทางและโอกาสในการแสดงมากขึ้น 
นายชูรินทร์ กล่าวต่อไปว่า การจัดการประกวดครั้งนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้แสดงความสามารถ สร้างความตระหนักให้สังคมเกิดการรับรู้และยอมรับผู้แสดงความสามารถ โดยสร้างเจตคติการให้ด้วยความพึงพอใจจากการเห็นคุณค่าและศักยภาพของผู้แสดงความสามารถ ไม่ใช่เพราะความสงสาร ตลอดจนได้มีการประกวดผู้แสดงความสามารถ ที่มีความสามารถโดดเด่น เข้ารับโล่รางวัลระดับประเทศ จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ 
 รางวัลที่ 1  วง different จากจังหวัดนครราชสีมา 
 รางวัลที่ 2  พี่เกาเหลา กรุงเทพมหานคร
 รางวัลที่ 3  น้องเสือ บีบอย กรุงเทพมหานคร
 รางวัลที่ 4  การแสดงละคร ผู้พิการทางสติปัญญา จังหวัดเชียงใหม่  
 รางวัลที่ 5 การแสดงดนตรีและร้องเพลง จากจังหวัดชลบุรี
ซึ่งรางวัลดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องหมายการันตีความสามารถให้กับผู้แสดงความสามารถ แต่เป็นสิ่งที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้มุ่งหวังในการสานฝัน เติมพลัง ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจ ในการพัฒนา ผู้แสดงข้างถนน...สู่ผู้แสดงมืออาชีพ (Smart on street) อันสะท้อนให้เห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 ที่ต้องการ “ให้ผู้ประสบปัญหาทางสังคม มีอาชีพ มีรายได้ ไม่ให้ออกมาทำการขอทาน” และที่สำคัญคือ “การแยกผู้แสดงความสามารถออกจากผู้ทำการขอทาน”ได้อย่างเป็นผลสำเร็จ 
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วน ในการพัฒนาศักยภาพสานฝัน เสริมพลัง และยกระดับผู้แสดงความสามารถ สู่การเป็นผู้แสดงมืออาชีพ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะทำบัตรผู้แสดงความสามารถ สามารถติดต่อที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิภาคติดต่อที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด และสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.smartonstreet.com นายชูรินทร์ กล่าวตอนท้าย
Share:

ทีม Mythology of Siam จากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ กวาด 3 รางวัล บนเวที สหกรุ๊ป แบงค็อก ยัง ดีไซเนอร์ อวอร์ด 2019


ดีไซน์เนอร์เจนใหม่จัดเต็ม 70 ชุด ธีม Thai Ness สุดปัง ในโครงการ SAHA GROUP BANGKOK YOUNG DESIGNER AWARDS 2019  บนเวทีสหกรุ๊ป แบงค็อก ยัง ดีไซเนอร์ อวอร์ด 2019  ล่าสุดประกาศผลเวทียังดีไซน์เนอร์  ทีม Mythology of Siam จากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ คว้ารางวัลชนะเลิศ และ The best makeup awards พร้อมด้วยรางวัลเครื่องแต่งกายสตรี
สำหรับโครงการ SAHA GROUP BANGKOK YOUNG DESIGNER AWARDS 2019 (สหกรุ๊ป แบงค็อก ยัง ดีไซเนอร์ อวอร์ด 2019) เดินทางมาถึงปีที่ 18 กับเวทีที่เปิดโอกาสเพื่อเฟ้นหาดีไซน์เนอร์เจนเนอร์เรชั่นใหม่กับกิจกรรมการประกวดแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Thai Ness (ไทยเหนด) ปลุกทุกสตรีทแฟชั่น ด้วยความเป็นไทยในหัวใจคุณ” โดยมี ดร. ศิรินา โชควัฒนา ปวโรฬารวิทยา ประธานกลุ่ม บูติคนิวซิตี้ฯ พร้อมผู้บริหารเครือสหพัฒน์  ให้เกียรติมอบรางวัลในโครงการประกวดออกแบบเครื่องแต่งกาย ณ ไบเทคบางนา จัดโดยเครือสหพัฒน์   และในปีนี้ยังคงมุ่งส่งเสริม สนับสนุนให้นักออกแบบหน้าใหม่ นิสิต-นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่หลงรักงานแฟชั่น อายุ18-25 ปี จับคู่ทีมละ 2 คน เข้ามาร่วมกิจกรรมและสร้างอินสไปเรชั่น พร้อมแสดงศักยภาพในการสร้างสรรค์ นำเสนอมุมมอง ไอเดียและตัวตนผ่านกระแสแฟชั่นไทยที่กำลังได้รับความนิยมกับผลงานในสไตล์สตรีทแฟชั่น เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าเราคือ Thainess โดยเน้นสไตล์ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็น   เทรนด์แฟชั่นแบบใหม่ ที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมชิงเงินรางวัลและบินลัดฟ้าสู่กรุงโตเกียว ชมแฟชั่นโชว์สุดตระการตาของ Bunka Fashion Collage ที่ญี่ปุ่น และรับคอร์สเรียนจากโรงเรียนบุนกะแฟชั่นในไทย พร้อมรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 550,000  บาท ที่สำคัญยังดีไซเนอร์ที่ผ่านโครงการฯ นี้ มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทในเครือสหพัฒน์อีกด้วย โดยมี 5 รางวัล ดังนี้

• รางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยม รับเงินสด 100,000 บาท รวมถึงแพ็กเก็จท่องแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมโล่รางวัลและใบประกาศ
• รางวัลดีเด่นประเภทเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าเด็ก ได้รับเงินสดรางวัลละ 30,000 บาทพร้อมโล่รางวัลและใบประกาศ
• รางวัล The Best Make Up Award  ได้รับเงินสด 15,000 บาท โล่พร้อมใบประกาศ
• รางวัลชมเชย ได้รับเงินสด รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมใบประกาศ
• ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้ง 8 ทีม ได้รับคอร์สดีไซน์จากโรงเรียนบุนกะแฟชั่น มูลค่า 8,000 บาท  และประกาศนียบัตรรับรองความสามารถจากโครงการฯ

สำหรับการแข่งขันในปีนี้ผู้เข้าแข่งขันร่วมส่งผลงานเข้ามากันอย่างดุเดือด โดยมี 8 ทีมสุดท้ายเป็นนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ที่ผ่านเข้าสู่ “รอบชิงชนะเลิศ” สร้างผลงานตอบโจทย์ พร้อมดึงไอเดียสร้างสรรค์ออกมาเป็นสไตล์ “Thai Ness (ไทยเหนด) ที่สะท้อนตัวตนได้เข้าตากรรมการมากที่สุด ซึ่งน้องๆ ทุกทีมได้จัดเตรียมผลงานกว่า 70 ชุดที่ได้รับทุนตัดเย็บชุดจริงในสไตล์สตรีทแฟชั่นที่ทันสมัยแต่ใส่ได้จริง เพื่อจัดแสดงแฟชั่นโชว์แบบเต็มคอลเลคชั่นต่อหน้าบุคลากรด้านแฟชั่นมืออาชีพ ที่ให้เกียรติมาเป็นคณะกรรมการตัดสิน ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับการออกแบบและผู้บริหารด้านธุรกิจสิ่งทอ ผ่านการแสดงแบบของเหล่าโมเดลทั้งชาย หญิง และเด็กที่หลากหลายคาแร็กเตอร์

ล่าสุดประกาศผลเวทียังดีไซน์เนอร์  ทีม Mythology of Siam จากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ คว้ารางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยม และเงินสด 100,000 บาท รวมถึงแพ็กเก็จท่องแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมโล่รางวัลและใบประกาศ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล The Best Makeup Awards พร้อมด้วยรางวัลเครื่องแต่งกายสตรี สำหรับทีม 6 Mythology of Siam เจ้าของผลงาน Mythology of amazing Siam โดยมีนายจิณณวัตร ละครชัย – นางสาวกานต์ธิดา ประทุมนันท์  จากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์  ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Mathology of amazing siam เป็นคอนเซ็ปต์แคชชวลซึ่งมีความเป็นสตรีท แต่เป็น street allegiant ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะของไทย (รัชกาลที่10) ในงาน “อุ่นไอรักคลายความหนาว” จึงเกิดเป็นที่มาของการออกแบบคอลเลคชั่นนี้ โดยมีแนวคิดในการหยิบยกงานศิลปะแขนงต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน  และนำเอาการปักแบบโขนโบราณด้วยดิ้นเงินดิ้นทองมาปักประยุกต์ให้มีความนำสมัย ชวนมองมากขึ้น ออกแบบลวดลายให้สอดคล้องแต่ดูใหม่ และยังคงเอกลักษณ์การปักแบบโบราณ ซึ่งลวดลายของเรานั้นจะบอกเล่าเรื่องราวผ่านบทกลอน กาพย์ เห่เรือให้ได้รับความรู้สึกของบรรยากาศความเป็นกลิ่นอายของประเพณีและวัฒนธรรมของไทย

สำหรับรางวัลดีเด่นประเภทเสื้อผ้าผู้ชาย ทีม MITNICE กับผลงาน Avant Giant โดยนางสาวธันยกานต์ มหาพล – นางสาวปาลิตา พันธ์แสง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาในชุดโอเวอร์ไซส์ที่ถอดฟอร์มมาจากโครงร่างของยักษ์ ผสมผสานกับโครงชุดแบบ street wear โดย collection นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้ง ในการออกแบบ ได้ดึง element จากสถาปัตยกรรมในบริเวณวัดและปฏิมากรรมเลื่องชื่ออย่างยักษ์สหัสเดชะและทศกัณฐ์ที่ยืนเฝ้าบริเวณประตูซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถ มาปรับใช้และลดทอนความเป็นไทยให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงโครงชุดที่นำ street wear มาผสมผสานให้เข้ากับชุดไทยสมัยอยุธยา ผลงาน collection นี้ มีความโดดเด่นทั้งในด้านของโครงชุด  สี  และลายปริ้น ซึ่งผสมผสานได้อย่างลงตัวผ่านคอนเซ็ปต์ชุด  Street playful contemporary ได้รับเงินสดรางวัลละ 30,000 บาทพร้อมโล่รางวัลและใบประกาศ

สำหรับรางวัลดีเด่นประเภทเสื้อผ้าเด็ก ทีม nanno  ผลงาน Wat Pho (วัดโพธิ์) โดยนายอานนท์ ยามา – นายประพนธ์ ชนะพล ม.ราชมงคลศรีวิชัย มาในแนวความคิดได้มาจากการท่องเที่ยววิถีไทย หรือ Discover Thainess ซึ่งเป็นสถานที่ที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มีความเป็นไทยและคงหนีไม่พ้นวัด จึงได้นำแรงบันดาลใจมาจากวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์มาออกแบบเป็นชุดแนว street ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสมัยนี้  โดยนำมาออกแบบให้น่าสนใจ สวมใส่ได้จริง และแปลกใหม่มากขึ้น

8 ทีมสุดท้าย เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ


ทีม 1 BOCE 
ผลงาน contemporary BENJARONG
นางสาวสุรนุช คงพิริยะมณี - นายธนัท จึงประเสริฐ ม.ธรรมศาสตร์ ได้นำแนวคิดจากความสวยงามของลวดลายเครื่องเบญจรงค์มาออกแบบผ่านโครงชุดในช่วงยุค 80  กับคอนเซ็ปต์ Contemporary Benjarong ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานศิลป์ชั้นสูง เครื่องเบญจรงค์ ที่มีการพัฒนาความสวยงามมาตลอด ในทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน จึงได้นำอัตลักษณ์ลวดลายเบญจรงค์ของไทย มาดัดแปลงให้ดูโมเดิร์นและจัดวางลงในเสื้อผ้า โดยยังใช้เทคนิคอื่น ทั้งการเย็บรูด ปัก  อัดพลีทให้เสื้อผ้าดูมีมิติ และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ทีม 2 Double NN 
ผลงาน Gather the best of Thai Craft
นางสาวกานต์ธิดา จรณะ – นางสาวรัสยา อภัยนิจ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Gather the best of Thai Craft  คอนเซ็ปต์ชุดที่ได้รับเเรงบันดาลใจมาจากงาน Craft ของไทย ซึ่งมีเเนวคิดที่ต้องการนำหัตถกรรมที่สวยงามของไทยมาปรับประยุกต์ให้มีความทันสมัย เเละใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันเป็นการนำเสนอ product ของไทยที่ผ่านชุดที่ได้ออกเเบบ และได้คัดสรรหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจคือ ชัยภูมิ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังทางการย้อมสีผ้าแบบธรรมชาติ  เเละมีงานถักที่ประณีตสวยงาม จึงนำมาปรับใช้ให้ดูโมเดิร์นเเละมีความทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน


ทีม 3 DELICATE  
ผลงาน DELICATE
นางสาวชนาภา ลดาวงศ์สุนทร – นางสาวณิชา ลาภอดิศร  โรงเรียนบุนกะแฟชั่นความอ่อนหวาน  ความประณีตของชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นแรงบันดาลใจ ในการนำมาประยุกต์ใช้และวางคอนเซ็ปต์ชุดให้เข้ากับความเท่ของ street fashion โดยมีแนวคิดที่ว่า "softness is not weakness. it takes courage to stay delicate in a world this cruel."  ความอ่อนหวานไม่ใช่ความอ่อนแอ และมันยากในการที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งจะคงความละเอียดอ่อนของตนเองเอาไว้

ทีม 4  MITNICE 
ผลงาน Avant Giant
นางสาวธันยกานต์ มหาพล – นางสาวปาลิตา พันธ์แสง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชุดโอเวอร์ไซส์ที่ถอดฟอร์มมาจากโครงร่างของยักษ์ ผสมผสานกับโครงชุดแบบ street wear โดย collection นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้ง ในการออกแบบ ได้ดึง element จากสถาปัตยกรรมในบริเวณวัดและปฏิมากรรมเลื่องชื่ออย่างยักษ์สหัสเดชะและทศกัณฐ์ที่ยืนเฝ้าบริเวณประตูซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถ มาปรับใช้และลดทอนความเป็นไทยให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงโครงชุดที่นำ street wear มาผสมผสานให้เข้ากับชุดไทยสมัยอยุธยา ผลงาน collection นี้ มีความโดดเด่นทั้งในด้านของโครงชุด  สี  และลายปริ้น ซึ่งผสมผสานได้อย่างลงตัวผ่านคอนเซ็ปต์ชุด  Street playful contemporary

ทีม 5 7 สี 7 ศอก 
ผลงาน 7 สี 7 ศอก 
นายศิริพิชัย สิงห์นี – นายอรรถวิโรจน์ ทองทิพย์ ม.ขอนแก่นความเชื่อความศรัทธาของคนไทยไม่ว่าจะมองไปที่ไหนจะเห็นพวงมาลัย 7 สี ผ้า 7สี ยาว 7 ศอก มัดผูกอยู่รอบตัว เราจึงมองเห็นความงามที่ถูกซ่อนอยู่ภายในความเชื่อ ความศรัทธา จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานชิ้นนี้ โดยมีแนวคิดในการนำโครงสร้างของชุดไทยสมัยนิยมมาผสมผสานกับการออกแบบเสื้อผ้าสมัยใหม่ ถ่ายทอดผ่านเทคนิคการร้อยมาลัย ศิลปะความงามของไทย รวมไปถึงการแต่งกายสีเสริมมงคลมาใช้และเพิ่มความสนุกสนานให้กับเสื้อผ้า ด้วยการเพิ่มลวดลายล็อตเตอร์รี่ เพื่อปลุกกระแสสตรีทแฟชั่นของไทยในสไตล์ไทยไทย

ทีม 6 Mythology of Siam 
ผลงาน Mythology of amazing Siam
นายจิณณวัตร ละครชัย – นางสาวกานต์ธิดา ประทุมนันท์  สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์
Mathology of amazing siam คอนเซ็ปต์ แคชชวลซึ่งมีความเป็นสตรีท แต่เป็น street allegiant ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะของไทย (รัชกาลที่10) ในงาน “อุ่นไอรักคลายความหนาว” จึงเกิดเป็นที่มาของการออกแบบคอลเลคชั่นนี้ โดยมีแนวคิดในการหยิบยกงานศิลปะแขนงต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน  และนำเอาการปักแบบโขนโบราณด้วยดิ้นเงินดิ้นทองมาปักประยุกต์ให้มีความนำสมัย ชวนมองมากขึ้น ออกแบบลวดลายให้สอดคล้องแต่ดูใหม่ และยังคงเอกลักษณ์การปักแบบโบราณ ซึ่งลวดลายของเรานั้นจะบอกเล่าเรื่องราวผ่านบทกลอน กาพย์ เห่เรือให้ได้รับความรู้สึกของบรรยากาศความเป็นกลิ่นอายของประเพณีและวัฒนธรรมของไทย

ทีม 7 Little girl 150 
ผลงาน Ta Khon (ตาโขน)
นางสาวพิชชาภา โชติสุวรรณกิจ – นางสาวศศิธร เอกสรกุล ม.ธรรมศาสตร์ได้แรงบันดาลใจจากผีตาโขน ซึ่งมีแนวคิดออกแบบ collection โดยการนำ movements, colorful, funny ของเทศกาลผีตาโขนมาเป็น key works ในการออกแบบ  โดยดึงเอกลักษณ์จากสีสันของเทศกาลมาใช้ให้ดูสนุกสนาน นำความเป็นไทยที่ได้จากเทศกาลและmaterial ความเป็นอีสานสู่การยกระดับความสากลมากขึ้น   โดยการใช้โครงชุดแนว street style เพื่อปรับให้เป็น ready to wear ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการนำเสนอเอกลักษณ์ทางภาคอีสาน โดยการใช้ผ้ามัดหมี่เสนอในรูปแบบ Thai street style 2019

ทีม 8  nanno  
ผลงาน Wat Pho (วัดโพธิ์)
นายอานนท์ ยามา – นายประพนธ์ ชนะพล ม.ราชมงคลศรีวิชัย แนวความคิดได้มาจากการท่องเที่ยววิถีไทย หรือ Discover Thainess ซึ่งเป็นสถานที่ที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มีความเป็นไทยและคงหนีไม่พ้นวัด จึงได้นำแรงบันดาลใจมาจากวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์มาออกแบบเป็นชุดแนว street ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสมัยนี้  โดยนำมาออกแบบให้น่าสนใจ สวมใส่ได้จริง และแปลกใหม่มากขึ้น


Share:

บมจ.ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จัดโครงการ “The Forgotten Show 2019 (เดอะ ฟอร์ก็อตเทน โชว์ 2019)” ขึ้น ในงานสหกรุ๊ป แฟร์ ครั้งที่ 23


นับเป็นความตั้งใจจริงของ บุญเกียรติ  โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  และ สมพล ชัยสิริโรจน์ ผู้จัดการโครงการ The Forgotten Show (เดอะ ฟอร์ก็อตเทน โชว์)ที่ต้องการจะส่งเสริมและพัฒนาผลงานการออกแบบเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ให้มีศักยภาพ คุณภาพ เพิ่มความโดดเด่น และมีนวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น
อีกทั้งยังต้องการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นมาอย่างยาวนาน  จึงได้ จัดโครงการ “The Forgotten Show 2019 (เดอะ ฟอร์ก็อตเทน โชว์ 2019)ขึ้น ในงานสหกรุ๊ป แฟร์ ครั้งที่ 23 และถือเป็นปีที่ 7 ของการจัดโครงการฯดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง  ด้วยการคัดเลือกแบรนด์ชั้นนำของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จำนวน ทั้งสิ้น 15 แบรนด์  ได้แก่ ELLE Boutique (แอล บูติค)/  ELLE Homme (แอล ออม)/  ELLE Kids (แอล คิดส์) / Excellency (เอ็กเซลเลนซี่)/ Enfant (อองฟรองต์) /  Guy Laroche (กี ลาโรช)/  Guy de Guy Laroche  (กี เดอ กีลาโรช)/ Guy Laroche Bag (กี ลาโรช แบค)/ Guy Laroche Inner (กี ลาโรช อินเนอร์)/How (ฮาว)/ iiMK (มิเชล ไคลน์)/ Maximus (แมกซิมัส)/ Mix Self (มิกซ์ เซลฟ์)/ Naturalizer  (แนทเธอร์ไลค์เซอร์) และ  Wacoal (วาโก้) มาแข่งขันกันเพื่อเข้ารับรางวัล  The Forgotten Show Award 2019  (เดอะ ฟอร์ ก็อตเทน โชว์ อวอร์ด 2019)
พร้อมจัดแสดงแฟชั่นโชว์  ภายใต้คอนเซปต์ มิลเลนเนียล (Milennials) ที่เน้นความทันสมัย เปรี้ยว เฉี่ยว แต่คงความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ไว้ เพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพด้านการเป็นผู้นำแฟชั่นอย่างแท้จริง  เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2562 เวลา 13.00-14.30 น.  ณ ห้อง Hall 100 (ฮอลล์ 100) ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
สำหรับคณะกรรมการตัดสินการประกวด The Forgotten Show Award 2019 ประกอบด้วย สมพล ชัยสิริโรจน์ กรรมการบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน พร้อมด้วยคณะกรรมการกิตติมศักดิ์อีก 4 ท่าน คือ ทิพย์ลดา เชาวนปรีชา นักธุรกิจหญิง ,พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ ช่างภาพแฟชั่น ,ลินดา เจริญลาภ เจ้าของแบรนด์ Lalalove และ Lalalove London และ อจิรภา ไมซิงเกอร์ เจ้าของตำแหน่ง THE FACE THAILAND คนแรกของเมืองไทย
โครงการ“The Forgotten Show 2019” เริ่มต้นขึ้นด้วยการแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นพิเศษ White Black & Gold (ขาว ดำ ทอง) ” ของ 8 แบรนด์ดัง ได้แก่ ARROW (แอร์โรว์) ,BSC Cool Metropolis  (บีเอสซี คูล เมโทรโพลิส),Excellency (เอ็กเซลเลนซี่), Enfant (อองฟรองต์), Dask (แดกซ์) ,Naturalizer (แนทเธอร์ไลค์เซอร์) , Louis Fontaine  (หลุยส์ ฟองท์เทน) และ Streamline (สตรีมไลน์) ซึ่งคอลเลคชั่นดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมปี 2560 โดยบริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้จัดงานแฟชั่นโชว์การกุศลกาล่าดินเนอร์  “White Black & Gold Charity Gala Dinner” เพื่อรวบรวมรายได้จากการจัดงานทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ ซึ่งการจัดงานครั้งนั้นได้เงินมอบให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ เกือบสี่ล้านบาทเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2561 “White Black & Gold (ขาว ดำ ทอง)” ของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ยังร่วมกับ มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา และบริษัทในเครือสหพัฒน์ สนับสนุนมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ เป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อดำเนินงาน ปรับปรุง พัฒนาโครงสร้างเชื่อมโยงระบบน้ำในพื้นที่ พร้อมระบบกระจายน้ำในแปลงเกษตร ผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ สอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศและรูปแบบการใช้น้ำ เตรียมความพร้อมของปัจจัยพื้นฐานการผลิต บริหารจัดการน้ำให้มีน้ำทำเกษตรกรรม สำหรับ 238 ครอบครัวในชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งการบริหารจัดการน้ำของมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ประกอบด้วย สองส่วนใหญ่ๆ คือ หนึ่งงานพัฒนาโครงสร้างน้ำ ได้แก่ งานขุดลองคลองส่งน้ำระยะทาง 1.720 กิโลเมตร พร้อมท่อลอด,อาคารบังคับน้ำ,รางรับน้ำและผนังยกระดับน้ำ สอง งานแปลงเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ ได้แก่ แปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน จำนวน 34ไร่
ปัจจุบันชุมชนเพชรน้ำหนึ่งมีผลผลิต 19 รายการได้แก่ ผักชี, คะน้าฮ่องกง,มะเขือเทศสวิทเชอรี่, มะเขือเทศสีดา เครื่องต้มยำ,มะเขือเปาะ, ผักชีล้อม, แตงกวาเล็ก, ตะไคร้, ผักบุ้งจีน, ชะอม, พริกขี้หนู, ผักกูด, มะเขือกรอบ, มะเขือพวง ,มะละกอดิบดำเนิน, มะละกอฮอร์แลนด์, ต้นอ่อนทานตะวัน, ต้นอ่อนผักบุ้ง ซึ่งผลผลิตทั้งหมดได้มีวางจำหน่ายในร้าน โกลเด้น เพลซ
ส่วนในปีนี้นอกเหนือจากการเดินแฟชั่นโชว์แล้ว บุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ยังได้จัดให้มีการแสดงนิทรรศการ คอลเลคชั่น “White Black & Gold (ขาว ดำ ทอง) ” ซึ่งเป็นสินค้าที่ทางบริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายหารายได้มอบให้กับโครงการบริหารการจัดการน้ำ ของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ฯ ภายใต้การดำเนินงาน ของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิฯ
รวมทั้งเครือสหพัฒน์ ยังได้ร่วมสนับสนุนการสร้างต้นแบบการจัดการน้ำแบบสระพวงคือ ใช้น้ำสระใหญ่เติมสระเล็ก และสร้างระบบกระจายน้ำแบบใช้น้ำน้อยในแปลงเกษตร อีกทั้งยังสร้างอาคารบรรจุ และเก็บรักษาผลผลิตผักผลไม้ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปลายปี 2562 นี้จากเดินแฟชั่นโชว์ “White Black & Gold (ขาว ดำ ทอง)” เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวการแสดงแฟชั่นโชว์รอบสุดท้าย ในโครงการ The Forgotten Show 2019 ของ 15 แบรนด์ดัง ที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย ELLE Boutique/  ELLE Homme/  ELLE Kids / Excellency / Enfant /  Guy Laroche /  Guy de Guy Laroche  / Guy Laroche Bag / Guy Laroche Inner/How / iiMK/ Maximus/ Mix Self/ Naturalizer  และ  Wacoal  นำทีมนางแบบนายแบบโดย ลูกเต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ นักร้องนักแสดงชื่อดัง ภายใต้คอนเซปต์ มิลเลนเนียล (Milennials)
ทั้งนี้ผู้ที่ชนะการประกวดและคว้ารางวัลชนะเลิศ The Best Forgotten Show Award 2019 ไปครองคือแบรนด์ Wacoal  ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท รองอันดับ 1 ได้แก่แบรนด์ ELLE Kids รับเงินรางวัล 20,000 บาท ,รองอันดับ 2 ได้แก่ แบรนด์ Excellency รับเงินรางวัล 10,000 บาท รางวัลชมเชย 3 รางวัลๆละ 5,000 บาท ได้แก่ แบรนด์ ELLE Boutique,แบรนด์ Enfant และ แบรนด์ ELLE Homme

Share:

ออเนอร์ แนะนำเทรนด์แฟชั่น ‘สีทูโทน’ Mix & Match ยังไงให้เป็นที่น่าชวนมอง!!

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 26 มิถุนายน 2562 – ต้องบอกก่อนเลยว่าช่วงนี้การแต่งกายในโทนสีเดียวดูเหมือนจะเอาท์ไปแล้ว และถ้าถามว่าเทรนด์ไหนมาแรงแซงโค้งที่สุดในชั่วโมงนี้ จะเป็นอะไรเลยไม่ได้นอกจาก “แฟชั่นสีทูโทน” แฟชั่นใหม่ของสายสตรองที่จะทำให้การแต่งตัวของคุณเป็นเรื่องที่สนุกและไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพียงแค่คุณแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ในแบบฉบับของสาวกสายทูโทน เพียงเท่านี้การแต่งตัวก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ไม่จืดชืดจำเจอีกต่อไป หากใครยังนึกภาพไม่ออกว่าจะแต่งตัวแบบแฟชั่นทูโทนได้อย่างไรให้ออกมาเก๋  วันนี้ออเนอร์มาแนะนำไอเดียง่ายๆสำหรับการแต่งตัวชิคๆมาฝากกัน !
เริ่มต้นกันที่เสื้อผ้าการแต่งกาย เพียงแค่คุณเลือกเสื้อผ้าสีสันสดใสมามิกซ์แอนด์แมชกัน เช่น สีม่วงและสีฟ้า หรือ สีเหลืองและสีรุ้ง เพียงเท่านี้คุณก็จะดูโดดเด่นอย่าน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนรับรองว่าใครๆ     ก็ต้องเหลียว! หรือ หากยึดจากทฤษฎีแม่สีเราก็มีตัวอย่างมาฝากกัน เช่น สีน้ำเงินสด จะแต่งเป็นเดรสสีพื้น   สีเดียวทั้งตัวหรือแมทช์กับสีเข้มอย่างสีดำหรือเทาก็ได้ จะช่วยให้ได้ลุคที่แซ่บฮ็อตสุดๆ ส่วนสาวกสายมุ้งมิ้งที่มีใจรักในสีชมพูก็สามารถแต่งคู่กับสีน้ำเงินเข้มหรือผ้ายีนส์ก้ได้ จะช่วยให้ได้ลุคหวานอมเปรี้ยวอย่างลงตัวสุดๆ ทั้งนี้หากคุณชอบโทนสีในแนวแบบ Tropical ให้ความสดใสซาบซ่าเหมือนสีพระอาทิตย์ ก็จัดไปสีส้มกับสีแดงประกอบกัน จัดจ้านที่สุดในย่านนี้ไปเลย!

นอกจากนี้ อีกคู่สีหนึ่งที่พลาดไม่ได้ นั่นก็คือการมิกซ์แม่สีอย่างสีฟ้าและสีเหลืองเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะในด้านเมคอัพหรือเสื้อผ้าก็ให้อารมณ์เผ็ดสะท้านถึงใจได้อย่างลงตัว และอาจเสริมลุคเบาๆด้วยเครื่องประดับ เช่น รองเท้าและกระเป๋าที่มีสีสันโดนเด่นให้ลุคเปรี้ยวเฉี่ยวอย่าบอกใคร!
ในส่วนของการแต่งหน้า สาวๆทราบกันไหมว่าการแต่งหน้าด้วยสีทูโทน อย่างเช่นการนำสีชมพู สีม่วง สีฟ้า และสีเหลืองมามิกซ์กัน แท้จริงแล้วไม่ได้น่ากลัวเสมอไป แต่คุณสามารถเลือกสีที่แตกต่างกันมามิกซ์แอนด์แมชกันให้เข้ากันได้อย่างลงตัวแบบน่าเหลือเชื่อ เช่น การนำสีม่วงมาผสมผสานไปกับสีฟ้าน้ำทะเล ให้ลุคสายตาอันลึกลับน่ามองชวนหลงใหลเป็นที่สุด! แต่แนะนำว่าหากทาดวงตาด้วยสีจัดๆต้องอย่าลืมทาปากสีแจ่มๆไปด้วย จะทำให้ใบหน้าของคุณดูสดใสกลมกลืนไปกับสีตาอย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อเครื่องแต่งกายพร้อม หน้าพร้อม จะขาดอีกอย่างไปไม่ได้ในการเสริมลุคทูโทนให้เก๋ไก๋ ได้แก่ การทำผมให้เป็นที่น่าจดจำด้วยการย้อมแบบสีทูโทนออมเบร (Two tone Ombre) นั่นก็คือ การทำสีผมไล่เฉดสีจากโทนสีเข้มไปสีอ่อนให้กลมกลืนกัน โดยเลือกจับคู่เฉดสีสวยๆให้เข้าคู่กัน เช่น สีม่วงไล่เฉดไปสีชมพูอ่อน หรือ สีฟ้าไล่ไปเฉดม่วงอ่อน เป็นต้น ขอบอกเลยว่านอกจากจะทำให้สีผมของคุณออกมาสวยน่ามองที่สุดแล้ว การทำสีผมแบบออมเบรยังจะทำให้ผมของคุณดูมีมิติมากขึ้นอีกด้วย!
ออเนอร์ ถือเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ตอบโจทย์เทรนด์ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีด้วยการนำเสนอสมาร์ทโฟนแบบครบจบในเครื่องเดียว แถมยังมาพร้อมดีไซน์ไล่เฉดสีอันมีเสน่ห์โดยใช้เทคโนโลยี 3D Photolithography เน้นความรู้สึกหรูหราและสะท้อนเฉดสีที่แตกต่างกันในหลากหลายมุมมองอย่าง HONOR 20 Lite ที่มาพร้อม สีฟ้า Phantom Blue และ สีแดง Phantom Red ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนสีของเมฆที่น่าทึ่งในยามพระอาทิตย์ตกดินและพระอาทิตย์ขึ้น

ไม่เพียงแต่ดีไซน์ที่โด่ดเด่น HONOR 20 Lite ยังเหมาะกับสายโซเชียลชอบอัปเดตไลฟ์สไตล์ ด้วยกล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 32 ล้านพิกเซล บวกกับจำนวนเมกะพิกเซลที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไฟล์รูปภาพละเอียดแบบที่ว่าสามารถนำไปปริ้นเป็นโปสเตอร์โดยที่รายละเอียดของภาพยังคงชัดเจนและสวยงาม เต็มอิ่มกับความบันเทิงมัลติติมีเดียอย่างลื่นไหลด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB และสามารถขยายพื้นที่ได้สูงสุดถึง 512 GB เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและมิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับแฟชั่นทูโฟนได้แบบชิคๆอีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจ HONOR 20 Lite วางจำหน่ายในราคาเพียง 7,990 บาท  สามารถเลือกซื้อได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและโอเปอร์เรเตอร์ชั้นนำทั่วประเทศ อัพเดทข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับออเนอร์ได้ที่ https://www.facebook.com/HonorThai/ 

เกี่ยวกับ ออเนอร์ 
ออเนอร์ คือแบรนด์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่มีวิถีแบบดิจิทัลผ่านผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการทางช่องทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น สร้างความจูงใจและการกระทำ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และผลักดันให้คนรุ่นใหม่ ก้าวไปให้บรรลุความฝันได้ ด้วยแนวทางดังกล่าว ออเนอร์ สร้างความโดดเด่นด้วยการแสดงให้เห็นการก้าวออกนอกกรอบ อย่างกล้าหาญของตัวเอง ทำสิ่งที่ในแตกต่าง และดึงเอาขั้นตอนที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการนำเอาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เสนอให้กับลูกค้าของเรา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.hihonor.com/th หรือ ติดตามได้ที่:
https://www.facebook.com/HonorThai/ 
https://twitter.com/honorthailand 
https://www.instagram.com/honorthailand/ 
https://www.youtube.com/channel/UC6gEmqtN42jVSkB2DLnpCVQ 

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก