การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เอาใจนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว มากยิ่งขึ้น กับเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/7greens


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เอาใจนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว มากยิ่งขึ้น กับเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/7greens
มาพร้อมกับข้อมูลที่หลากหลายของการเดินทางสีเขียว หรือ การเดินทางแบบรับผิดชอบ
โดยเว็บไซต์ถือเป็นศูนย์รวมข้อมูลสถานที่, เส้นทาง, กิจกรรม ฯลฯ สำหรับนักเที่ยวแบบรักโลกอย่างครบวงจร

อย่างเช่น ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว 7 รูปแบบ อาทิ เที่ยวแบบ Green Heart, Green
Logistics , Green Attraction, Green Activity , Green Plus ฯลฯ  พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยวสีเขียวแนะนำ เรื่องราวของนักเดินทางหัวใจสีเขียว ที่รีวิวสถานที่และเส้นทางที่น่าสนใจทั่วไทยนำมาแบ่งปันกัน

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกสำหรับนักท่องเที่ยวหัวใจสีเขียวทุกคน ที่มาพร้อมของรางวัลรักษ์โลกสุดเก๋
หรือแพ็กเกจที่พักทั่วไทยในแบบฉบับ 7Greens

เที่ยวเมืองไทยอย่างรับผิดชอบวันนี้ทำได้ และทำไม่ยาก เพียงคลิก
www.tourismthailand.org/7greens เพียงครั้งเดียว การเดินทางของคุณก็จะมีส่วนสร้างโลกให้สวยงาม

Share:

“Interchange สำโรง” ทำเลทองตลาดคอนโดฯ ชูจุดขายโครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ เพียง 0 ก้าว สู่รถไฟฟ้าสองสาย คอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่….คนซื้อที่นี่ต้องได้ “กำไร”

หากจะกล่าวถึงทำเลฮอต! ของตลาดคอนโดมิเนียมแล้ว เชื่อว่าทำเลฮิตติดชาร์ตที่ใครๆ ก็ต้องพูดถึงนั่นก็คือทำเลสุขุมวิทตอนปลาย ที่นับตั้งแต่ BTS แบริ่ง–BTS สำโรง ที่ได้รับความนิยมจากดีเวลลอปเปอร์ตบเท้าเข้าไปพัฒนาโครงการรอดีมานด์กันอย่างคึกคัก สำหรับพื้นที่ในบริเวณ “BTS สถานีสำโรง”  วันนี้! วันที่เขตเมืองเริ่มมีการขยายตัวจะเป็นทำเลทองบูมแล้วบูมอีก 

ด้วยเพราะเป็นสถานี Interchange ของรถไฟฟ้า 2 สายระหว่างสายสีเขียว (BTS) กับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสถานี “Interchange สำโรง” ก็เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางไม่ว่า จะออกเมืองหรือเข้าสู่ใจกลางเมืองอโศกหรือสยามสแควร์ ก็สะดวกและรวดเร็ว...ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นจุดที่น่าลงทุนการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ที่อยู่ใกล้กับสถานี Interchange เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
นาย เฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการบริหาร บริษัท ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด กล่าวว่า การที่เมืองเริ่มขยายตัวตามโปรเจ็กต์โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือกำลังก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างมีสถานีที่ เป็นจุดตัดหรือจุดเชื่อมจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง หมายความว่าเราสามารถเลือกการเดินทางได้หลากหลายเส้นทางมากขึ้น ในขณะเดียวกันจะนำมาซึ่งความเจริญ เกิดการค้า การลงทุน ส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในบริเวณนั้นๆ มากขึ้น เมื่อผู้คนได้หลั่งไหลเข้ามาใช้บริการสถานีเพื่อเดินทางไปยังจุดเป้าหมายอื่น
สำหรับโครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ (The Metropolis Samrong Interchange ) บริหารงานโดยบริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือว่องไววิทย์ฯ ล่าสุดได้สร้างเสร็จสมบูรณ์และทยอยส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้ว “เราให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างต้องได้คุณภาพ” นายเฉลิมชัย กล่าว พร้อมกับย้ำด้วยว่าที่นี่ที่โครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์  สเปควัสดุที่ให้นั้นเกินมาตรฐาน โครงสร้างแข็งแกร่ง ชั้นดาดฟ้าบนชั้น 39 มี “Sky Lounge/Sky deck พร้อม Onsen และสวนลอยฟ้า” ให้กับลูกบ้านเพื่อขึ้นไปชมวิวรอบทิศ คนซื้อที่นี่ต้องได้ “กำไร” ไม่ว่าจะเป็นกำไรชีวิตระหว่างการอยู่อาศัย หรือ “กำไร” จากมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินเมื่อเวลาผ่านไป
โครงการ เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ในทำเลทองมหานครแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิทแห่งเดียวบนจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสีเขียวอ่อน และเหลือง ออกแบบตกแต่งสไตล์โมเดิร์น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครันในราคาที่คุณสามารถครอบครองได้ภายใต้ แนวความคิด “Affordable Luxury” พร้อมจุดขายเพียง  0 ก้าว สู่รถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรง (สายสีเขียว) จุดเชื่อมสำโรงกับถนนเทพารักษ์สู่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อมต่อ AIRPORT LINK สู่สุวรรณภูมิเพียง 8 สถานี, 3 สถานีจากทางด่วน บางพลี-สุขสวัสดิ์ และ 5 นาที จากทางด่วนบางนา-ตราด
โครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการทั้งหมดกว่า 8 ไร่ พัฒนาเป็น High Rise Condominium จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร A , B  และเป็น Low Rise Condominium  จำนวน 1 อาคาร  คือ อาคาร C และอาคารจอดรถ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ ซื้อที่อยู่อาศัยรองรับครอบครัวขยาย รวมถึงกลุ่มคนทำงาน-นักลงทุน    ที่ส่วนใหญ่เงินเดือนหรือรายได้ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป มีแบบห้องให้เลือก 3 แบบขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ขนาด 29 – 67 ตร.ม. คือห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม./ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 และ 67 ตร.ม. ราคาเริ่ม 2.6 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 5,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 70% สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่
สำนักงานขายโครงการได้ที่เบอร์โทร 02-024-8000  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.metroprop.co.th ทั้ง 4 อาคาร แบ่งเป็น
อาคาร A สูง 39 ชั้น  จำนวน 1,035 ห้อง
อาคาร B สูง 30 ชั้น  จำนวน  542   ห้อง
อาคาร C สูง  7  ชั้น  จำนวน 144   ห้อง
อาคารจอดรถ สูง  5 ชั้น จอดรถได้ 757  คัน
นอกจากจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งโครงการ และราคาขายจับต้องได้แล้ว ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน อาทิ ล็อบบี้, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, ฟิตเนสเซ็นต์เตอร์, คิดส์คลับ, Co-working Space, Sky Lounge, Sky Deck, Golf Simulator, ห้องประชุม, ออนเซ็น, ห้องดูหนัง, สนามแบทมินตัน ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นระบบ Key card กล้อง CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ระบบ Digital Smart Door Lock สำหรับทุกห้องชุด อีกทั้งโครงการเดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ยังแวดล้อมไปด้วยหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า อาทิ The Bangkok Mall / Imperial Samrong, Central Bangna, Big C, สถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ โรงเรียนอัสสัมชัญ / นานาชาติบางกอกพัฒนา / St. Andrew International / Lasalle School สถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น รพ. สำโรง, รพ.จุฬารัตน์ 2, รพ.จุฬารัตน์ 4, รพ.เปาโลสมุทรปราการ เป็นต้น

                      
Share:

ตลาดสแน็คสะเทือน! สองยักษ์ใหญ่ “พริงเกิลส์-เถ้าแก่น้อย” ผนึกกำลังสร้างโปรดักส์ จากรสชาติสุดฮิต สู่การเปิดตัว 3 รสชาติใหม่! ผสานความเป็นตะวันตกและเอเชียได้อย่างลงตัว พร้อมบุกตลาดทั่วเอเชีย

เรียกเสียงฮือฮาในตลาดขนมขบเคี้ยว และการจับตาความเคลื่อนไหวของสองค่ายยักษ์ใหญ่เป็นอย่างมาก กับการจับมือร่วมกัน หรือ Co-Branding ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกระหว่างอันดับ 1 แห่งมันฝรั่งกระป๋องอย่าง “พริงเกิลส์” (Pringles) สแน็คสัญชาติอเมริกัน และ “เถ้าแก่น้อย” เจ้าตลาด สาหร่ายปรุงรส อันดับ 1 ของไทย ที่ผนึกกำลังสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รสชาติ ด้วยคอนเซ็ปต์ East Meets West เพื่อนซี้ความอร่อยที่ลงตัว เตรียมลุยตลาดไทยและทั่วเอเชีย
นายอวนิช บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคลล็อกส์ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย พริงเกิลส์ (Pringles) กล่าวว่า “พริงเกิลส์ เป็นมันฝรั่งกระป๋องที่ครองใจคนทั่วโลกมากว่า 40 ปี ด้วยรูปทรงอานม้าอันเป็นเอกลักษณ์  ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงยุคต้น 90 ด้วยการเปิดตัวในยุโรป เอเชีย และอเมริกาใต้ และขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังตะวันออกลางและแอฟริกา โดยในปัจจุบัน   มันฝรั่งพริงเกิลส์ กลายเป็นของว่างที่เป็น Top of Mind ของผู้คนทุกเพศทุกวัย วางจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลกและมีรสชาติที่ถูกพัฒนาไปตามความต้องการของแต่ละท้องถิ่นกว่า 140 รสชาติ โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกคือ พริงเกิลส์ รสซาวครีม และหัวหอม (Sour Cream & Onion) สำหรับตลาดมันฝรั่งในประเทศไทย พริงเกิลส์ ได้เข้ามาแนะนำตัวให้คนไทยรู้จักได้ราว 15 ปี รวมทั้งเราเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาสินค้าและรสชาติ จึงมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความเป็น Top of Mind ครองใจคนไทย และเข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของการ Co-Branding ครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมกันกับ ‘เถ้าแก่น้อย’ ซึ่งเป็นสาหร่ายปรุงรสยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย”
พริงเกิลส์ และเถ้าแก่น้อย จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อแชร์ประสบการณ์และสูตรของรสชาติที่ได้รับความนิยม มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดมันฝรั่งกระป๋อง และอันดับ 1 ในตลาดสาหร่ายปรุงรส ด้วยต้องการยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคให้ได้ลองรสชาติที่แปลกใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกใจและ ถูกปากกลุ่มลูกค้า จึงทำการคิดค้นพัฒนาสุดยอดผลิตภัณฑ์ ที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและเอเชีย   ได้อย่างลงตัว ด้วย 3 รสชาติใหม่ โดยดึงรสชาติยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ ออกมาเป็น พริงเกิลส์        รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยคลาสสิก (Classic Seaweed), พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เผ็ด (Hot & Spicy Seaweed) และ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย  รสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม (Sour Cream & Onion) 
สำหรับภาพลักษณ์ของพริงเกิลส์ หลังจาก Co-Branding ร่วมกับเถ้าแก่น้อยนั้น อวนิช กล่าวว่า “ที่ผ่านมา พริงเกิลส์มีแต่รสชาติสำหรับคนตะวันตกมาตลอด การร่วมงานกันกับเถ้าแก่น้อยครั้งนี้           เราคาดหวังว่า น่าจะสามารถเจาะกลุ่มคนไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น โดยรสชาติที่เราเลือกมาเป็นรสยอดนิยมที่สุดของเถ้าแก่น้อย ซึ่งนอกจากเราจะได้มิตรภาพที่ดีจากแบรนด์ สาหร่ายปรุงรสอันดับหนึ่งของไทยแล้ว เราหวังว่าพริงเกิลส์จะส่งสัญญาณความเป็นมิตร และเป็นเพื่อนสนิทให้กับตลาดเมืองไทยมากขึ้น ด้วยการนำเสนอของว่างอย่างมันฝรั่งคุณภาพภายใต้รสชาติที่คุ้นเคยให้คนไทย”
นายสมิทธิ จีรนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการร่วมงานครั้งแรกกับพริงเกิลส์ ว่า “เถ้าแก่น้อยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำชวนจากทางพริงเกิลส์ ให้มาทำงานร่วมกัน เพราะแบรนด์เถ้าแก่น้อยเองก็เป็นสาหร่ายที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 รสชาติถูกปากคนไทย และมีจำหน่ายในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแปลกใหม่ 
ดังนั้นทางเถ้าแก่น้อยเองก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการออกสินค้ารสชาติใหม่ เถ้าแก่น้อยรสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม  ภายใต้คอนเซ็ปต์ East Meets West ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์เรามาก เพราะเราเองก็ต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคอยู่แล้ว การได้สูตร Sour Cream & Onion ที่เป็นรสชาติยอดนิยมของแบรนด์พริงเกิลส์ที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 40 ปี ยิ่งทำให้เราตื่นเต้น และหวังว่าความแปลกใหม่นี้น่าจะครองใจแฟนชาวไทยและเอเชียของเถ้าแก่น้อย  อีกทั้งเรายังหวังว่าการ Co-Branding ครั้งนี้จะสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้าต่างชาติ อาทิ แถบยุโรป อเมริกา แอฟริกา ที่มาท่องเที่ยวในเอเชีย และยังไม่เคยรู้จักหรือลองแบรนด์เถ้าแก่น้อยอีกด้วย”   
สำหรับด้านการทำการตลาดนั้น นายสมิทธิ กล่าวต่อว่า “ในการทำตลาดของสินค้า 3 รสชาติใหม่นี้ ทางพริงเกิลส์และเถ้าแก่น้อยได้มีทำการตลาดร่วมกัน ทั้งในการทำหนังโฆษณาในสื่อดิจิทัล และการทำแจกชิมสินค้านอกสถานที่ และยังมีการโปรโมชั่นในห้างร้านเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวของเราอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อโปรโมทการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของเราครับ เรามั่นใจมากว่าสินค้าใหม่ของเราจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ”
สำหรับตลาดขนมขบเคี้ยวในปี  2562 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 38,000 ล้านบาท โดยตลาดมันฝรั่งทอดกรอบมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 12,499 ล้านบาท เติบโต 14.3% ทั้งนี้พริงเกิลส์ถือครองตลาดมันฝรั่งกระป๋องเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 90% โดยรสชาติที่ขายดีที่สุดคือ รสซาวครีมและหัวหอม ในขณะที่ตลาดสาหร่ายปรุงรสมีมูลค่าตลาดที่ 3,000 ล้านบาท เถ้าแก่น้อยถือครองส่วนแบ่งตลาดที่ 70% เติบโตจากเดิม 5% โดยมีสินค้าเด่นในปี 2562 ได้แก่ สาหร่ายย่าง เถ้าแก่น้อย BigRoll ที่เติบโตมากกว่า 40%  และเถ้าแก่น้อยเทมปุระไข่เค็ม ที่เพิ่งฉลองยอดขาย 2 ล้านซองทั่วโลกไปเมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา

สำหรับ พริงเกิลส์ และเถ้าแก่น้อย 3 รสชาติใหม่ พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยคลาสสิก (Classic Seaweed), พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เผ็ด (Hot & Spicy Seaweed) และ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย รสพริงเกิลส์ ซาวครีมและหัวหอม (Sour Cream & Onion) สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา

#PringlesxTaokaenoi #TaokaenoixPringles #เพื่อนซี้ความอร่อยที่ลงตัว
Share:

กอ.รมน. ลงนาม MOU ผนึกกำลัง กับ วช. ดึงผลงานวิจัยและนวัตกรรม สร้างชุมชนเข้มแข็ง

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยการประสานและบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ในการนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปขยายผล ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และชุมชน เพื่อการพัฒนา/แก้ไขปัญหา พัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยการประสานและบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ในการนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปขยายผล ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และชุมชน เพื่อการพัฒนา/แก้ไขปัญหา พัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีหน้าที่ในการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรม การจัดทำฐานข้อมูลและดัชนีด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ การริเริ่ม ขับเคลื่อนและประสานการดำเนินงานโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศ การจัดทำมาตรฐานและจริยธรรมการวิจัย 
การส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรม และการให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคล หรือหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม 
โดยมีเป้าหมายเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ และโดยที่ กอ.รมน. 
เป็นหน่วยงานความมั่นคงที่มีภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และดูแลประสานงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงเพื่อประโยชน์ของประชาชนและความมั่นคงของรัฐ

กอ.รมน. และ วช. จึงเห็นพ้องต้องกันในอันที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้ชุมชนเข้มแข็ง และเป็นการสานต่อตามแนวพระราชดำริ ในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา ร่วมกับองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน 
จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้ จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม ในครั้งนี้ โดยผ่านกลไกการดำเนินงานของศูนย์ประสานการปฎิบัติของ กอ.รมน. มีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกัน 3 ปี
สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ พลเอก ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เลขาธิการกองอำนวยการรักษา
ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พลโทธเนศ กาลพฤกษ์ รองเลขาธิการ กอ.รมน.  
พลโทกนก ภู่ม่วง ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. พลโทกิตติธัช บุพศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. พลโทอรรถพร เป้าประจักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. พลโทเรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ 
ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. พลโทวาสิฎฐ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กอ.รมน. และดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมลงนาม วันที่ 28 สิงหาคม 2562 เวลา 14.30 น. ณ สวนรื่นฤดี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร




Share:

ททท.ร่วมกับ การบินไทย, ไทยสมายล์, นกแอร์, ไทยเวียตเจ็ทแอร์, ทราเวลไอโกและนครชัยแอร์ จัดแพ็กเกจ 10 ธีมเที่ยวหน้าฝน

ททท.ร่วมกับ การบินไทย, ไทยสมายล์, นกแอร์, ไทยเวียตเจ็ทแอร์, ทราเวลไอโกและนครชัยแอร์ จัดแพ็กเกจ  10 ธีมเที่ยวหน้าฝน พร้อมโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, รถทัวร์ ราคาพิเศษ ต้อนรับหน้าฝน ให้เที่ยวกระหน่ำ ที่สำคัญให้ลุ้นรางวัล รถยนต์ Toyota Fortuner อีกด้วย
ผอ. อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง กล่าวว่า สำหรับนักเดินทางที่รักฝน ฤดูฝนคือความสุข   ททท. ร่วมกับพันธมิตร จัดแพ็กเกจ  10 ธีมทริปมหัศจรรย์แห่งสายฝน ได้แก่
1. The Rain Adventure ผจญฟ้า ท้าตะลุยฝน
2. Rain therapy หมดไฟ ต้องพักแล้วไปนอนฟังฝน
3. Let the rain heal your heart อกหักให้ฝนรักษาใจ
4. Romance in the rain เดทหน้าฝนสุดโรมานซ์
5. Dream trip in the rain ทริปในฝันกลางฤดูฝน
6. Hello Rainy ครอบครัวลั้นลาเที่ยวหน้าฝน
7. Selfie in The Rain เซลฟี่กับสายฝน
8. Solo in the rain   ฉายเดี่ยวเที่ยวกับฝน
9. ทัวร์พุงแตก กินแหลกหน้าฝน
10. Senior Storm รุ่นใหญ่ ไม่กลัวฝน
ทั้ง 10 Themes Trip มีการจัดแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินและที่พักของแต่ละธีมให้คนรักฝนเลือกมากมาย
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษจาก พันธมิตรมากมาย ตัวอย่างเช่น
• ธีม Rain Therapy หมดไฟ ต้องพักแล้วไปนอนฟังฝน  ทราเวลไอโก จัดแพ็กเกจ ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักวิวท้องนา ราคาเริ่มต้นที่   3,000 บาท    และนครชัยแอร์ ขอชวนคนทำงานที่หมดไฟไปเที่ยวท้องนาหน้าฝน  เดินทางโดยรถทัวร์ ไป-กลับ พร้อมโรงแรม 2 วัน 1 คืน ราคาเริ่มต้นที่ 1,788 บาท
• ธีม อกหักให้ฝนรักษาใจ  ทราเวลไอโก จัดแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก ให้คุณหนีไปอยู่เงียบ ๆ นอนฟังเสียงฝนให้หายเศร้า ราคาเริ่มต้นที่ 3,050 บาท
• ธีม Solo in The rain ฉายเดี่ยวเที่ยวกับฝน แพ็กเกจตั๋วเครื่องบินไทยเวียตเจ็ทแอร์พร้อมที่พัก ราคาเริ่มต้นที่ 2,886 บาท
• ธีม Dream trip in the rain ทริปในฝันกลางฤดูฝน รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ แพ็กเกจตั๋วและที่พัก 2 วัน 1 คืน ราคาเริ่มต้นที่ 2,600 บาท
• ธีม Senior Storm  รุ่นใหญ่ ไม่กลัวฝน การบินไทยและไทยสมายล์ จัดแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน 4,733 บาท และ สำหรับ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป บินกับไทยสมายล์ลดราคาพิเศษ 15-25%
นักเดินทางที่สนใจแพ็กเกจ 10 ธีมทริปมหัศจรรย์แห่งสายฝน จองได้ที่ www.เที่ยวลุ้นล้าน.com     พร้อมรับสิทธิจับฉลากลุ้นรางวัลใหญ่หลักล้าน รถยนต์ Toyota รุ่น Fortuner 2.4G 2WD AT มูลค่า 1,300,000 บาทและรางวัลอื่นๆ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,578,100 บาท

Share:

เปิดไทม์ไลน์ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้รับอนุญาตและก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ปลอดภัยตามหลักการบิน วอนภาครัฐช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อเปิดให้บริการตามกำหนดเดิม

กรุงเทพฯ – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ  ประกาศยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558-2562) ในการพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ บริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง มีความโปร่งใสพร้อมให้ตรวจสอบ ดังนี้

-ในปี พ.ศ. 2558 บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบที่ดินว่า ที่ดินดังกล่าวนั้นสามารถพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจได้ตาม พ.ร.บ. ผังเมือง และที่ดินติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ไม่ใช่ที่ดินตาบอดแต่อย่างใด
-ในวันที่ 22 ธ.ค. 2559 บริษัทฯ ได้รับหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินตาม พ.ร.บ. ผังเมือง ว่า พื้นที่สีเขียวบริเวณ ก1-10 ของผังเมืองสมุทรปราการ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้บริษัทฯ สร้างโครงการนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
-ในวันที่ 30 ม.ค. 2560 และ 25 ก.ค. 2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและแบบปรับปรุง ภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
-ในวันที่ 24 เม.ย. 2561 ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคาร (อ1) จาก อบต. บางโฉลง
-ในวันที่ 24 เม.ย. 2561 บริษัทฯ ได้แถลงข่าวเปิดตัวครั้งแรกโครงการต่อสาธารณชน
-ในวันที่ 10 เม.ย. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้การประปา ใช้พื้นที่ไหล่ทางในการดำเนินการวางท่อเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ
-ในวันที่ 24 ก.ค. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้ทำทางเชื่อมเข้าออก ขยายผิวจราจร และปรับปรุงทางเท้า ซึ่งรวมไปถึงไหล่ทางด้วย เช่นเดียวกับที่เคยได้อนุมัติเชื่อมทางให้กับผู้ร้องขอรายอื่นบนถนนสายนี้ทั้งสิ้น 37 ราย รวมถึง ทอท. ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยขออนุญาตจากกรมทางหลวงมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อ 14 พ.ค. 2562 ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท. เดินท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าเคยมีผู้ใช้ประโยชน์รายใด ยื่นขออนุญาตเชื่อมทางจาก ทอท. เลย
-ในวันที่ 14 ส.ค. 2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร (อ6) จาก อบต. บางโฉลง
-ในวันที่ 22 ส.ค. 2562 ทอท. มาปิดกั้นทางเข้าออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ
-ในวันที่ 31 ส.ค. 2562 มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

ดังนั้น บริษัทฯ ได้ใบอนุญาตอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับประเด็นที่อาจมีความเข้าใจผิด ทางซีพีเอ็นขอชี้แจงให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง 3 ประเด็น ได้แก่

1.พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ดินราชพัสดุ     ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด
•ที่ดินที่ราชพัสดุได้จัดหาและมอบให้กรมทางหลวงสร้างเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 และให้กรมทางหลวงเป็นผู้ดูแล เป็นพื้นที่คนละส่วนกับที่ดินที่เวนคืนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท. ดูแล
•โดยโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนที่ดินที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 จึงมีการขออนุญาตโดยตรงจากกรมทางหลวง ซึ่งมีอำนาจเต็มในการอนุมัติการเชื่อมทางแต่ผู้เดียวเท่านั้น
•และพื้นที่ที่กรมทางหลวงดูแลรับผิดชอบ หมายรวมถึง เขตทาง และไหล่ทาง ซึ่งติดกับที่ดินของเอกชน 2 ข้างถนน ซึ่งที่ดินของโครงการมีแนวเขตแนบสนิทต่อเนื่องกับเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ดังนั้น ที่ดินของโครงการจึงไม่ใช่ที่ดินตาบอด

2.บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมืองอย่างเคร่งครัด 
•โครงการนี้ได้ปฏิบัติตามและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว บริเวณ ก1-10 ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว โดยโครงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง ไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด

3.บริษัทฯ ได้ขออนุญาตก่อสร้างในบริเวณพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อย่างถูกต้อง
•มีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฏใดๆ ทั้งความสูง ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการติดธงแดงตามที่มีการกล่าวอ้าง

จากที่ได้กล่าวข้างต้น เป็นข้อมูลที่ได้มีการเปิดเผย และยินดีให้มีการตรวจสอบจากภาครัฐ เพื่อแสดงความจริงใจ และซีพีเอ็นยินดีให้ความร่วมมือ ชี้แจงในทุกประเด็น บริษัทฯ มั่นใจว่า ภาครัฐจะสามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ เพื่อให้การร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย และเพื่อให้บริษัทฯ ร้านค้ากว่า 170 ร้านค้า และพนักงานกว่า 1,000 คน พร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดการเดิม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา  จำกัด (มหาชน) 
ขวัญใจ แตงบุตร (ใจ)  โทร. 098-832-7851 หรืออีเมล์ thkwanjai@cpn.co.th 
ทัตเทต หัสขันธิ์เปี่ยมสุข (อั้ม) โทร. 081-928-7702 หรืออีเมล์ hatatthep@cpn.co.th

Share:

สายช้อป ...แน่นงาน OTOP "อัตลักษณ์เมืองนนท์" 28 สิงหาคมนี้ สุดท้ายแล้วจ้า ณ เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต นนทบุรี


สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับเครือข่าย  OTOP จังหวัดนนทบุรี จัดงาน OTOP  "อัตลักษณ์เมืองนนท์" ภูมิปัญญา สู่สากล ยกทัพสินค้าของเด็ด ของดัง ของดีเมืองนนท์ OTOP เกรดพรีเมี่ยม มาไว้  ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี  ตั้งแต่วันที่ 22-28 สิงหาคม 2562
สินค้าเอกลักษณ์เมืองนนท์ ได้รับความสนใจจากนักช้อปทั่วประเทศ มาช้อปกันเพลิน เกินห้ามใจ เพราะมางานเดียว ครบทั้งเรื่องกิน ฟินการสาธิต และร่วม workshop อีกทั้งลุ้นรับของรางวัลตลอดการจัดงาน 7 วัน

อร่อยจริง แจกจริง จีงมีการบอกต่อ และก็บอกต่อ จนสายกิน สายช้อป มารวมตัวกันในงานกันอย่างคึกคัก งาน "อัตลักษณ์เมืองนนท์"  ที่รวมเอาสุดยอดสินค้าเมืองนนท์ อาหารถิ่น ขนมพื้นเมือง เรียกว่าจัดเต็ม เน้นคุณภาพ ราคาจากโรงงาน โดนใจนักช้อปไปเต็มๆ
ของดีเมืองนนท์  เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ OTOP  "อัตลักษณ์เมืองนนท์"  ภูมิปัญญา สู่สากล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรีมายาวนาน วันนี้ยกทัพสินค้ามาไว้ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต นนทบุรี
ภายในงานมีการออกร้านจำหน่าย สินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าผลิตภัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี
- ช็อปสินค้า OTOP เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรี
- ชิมอาหาร เครื่องดื่ม อาหารรสเด็ด จากร้านชื่อดังของจังหวัดนนทบุรี
- ชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์  และการแสดงผลงานศิลปิน OTOP จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ยังมีการแสดงสาธิตอาชีพตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดนนทบุรี  การแสดงศิลปวัฒนธรรมบนเวทีทุกกวัน และยังมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นนาทีทอง นำสินค้ามาจำหน่ายในราคาประหยัดสุดคุ้มกว่าท้องตลาด และแจกรางวัลต่างๆ ในงานทุกวัน
ขอเชิญชวนทุกท่านไปเที่ยวงาน  OTOP "อัตลักษณ์เมืองนนท์ " ภูมิปัญญา สู่สากล  ไปชม ชิม ช้อปกันให้จุใจกับสินค้า OTOP เกรดพรีเมี่ยม ถึงวันที่ 28 สิงหาคมนี้   ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก