สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
(วช.) ,สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ
(องค์การมหาชน) BEDO ,มหาวิทยาลัยนเรศวร และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ร่วมจัดงานแถลงข่าว
"วิจัยปลดล็อคส่งออกมะม่วงไป อเมริกา" ความภูมิใจของนักวิจัยไทยกับการต่อสู้อย่างยาวนานกว่า 12ปีในการแก้ปัญหาเพื่อปลดล็อคการส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองสดสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาในวันพุธที่ 11 กันยายน 2562 ณ ห้องวิภาวดี C โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอทเซ็นทรัลพลาชาลาดพร้าว
นับตั้งแปี พ.ศ.25 สหรัฐอมริกได้อนุญาตให้นำเข้าผลไม้สด (Fresh Frut) ของไทย 6 ชนิดได้แก่ มะม่วง ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ เงาะ และสับปะรดโดยจะต้องได้รับการฉายรังสีก่อนส่งออกไปยังสหรัฐฯ นับเป็นการเปิดตลาดผลไม้ไทยที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศชาติ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง แม้เป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ทำรายได้ให้กับประเทศไทย สามารถปลูกได้ทุกภาคของประเทศ
โดยมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เป็นสายพันธุ์ที่มีความต้องการของตลาดสูงเนื่องจากมีลักษณะเด่น คือ เมื่อผลสุก ผิวของเปลือกมีสีเหลืองนวลถึงเหลืองทอง เนื้อสีเหลืองมีกลิ่นหอม จึงเป็นที่ต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่เริ่มส่งออกในปีพ.ศ. 2551 การส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง หลังฉายรังสีและส่งออกไปถึงปลายทางที่สหรัฐอเมริกาได้ประสบปัญหาด้านคุณภาพ และพบปัญหาการเกิดเส้นดำบริเวณผิวเปลือก และเกิดเนื้อสีน้ำตาล ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณส่วนแก้มของผล ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถส่งออกผล
มะม่วงสดไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาได้จนถึงปัจจุบันจากปัญหาดังกล่าว
จึงเกิดเป็นโจทย์วิจัยที่ที่ทายและรอคำตอบจากนักวิจัยไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เกิดเป็นโครงการ
"การศึกษาวิจัยมะม่วงให้ได้คุณภาพมาตรฐานส่งออก" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพหลังการฉายรังสีแกมมา และการลดความเสียหายของมะม่วงฉายรังสีแกมมา
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ,สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) BEDO ,มหาวิทยาลัยนเรศวร และ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ และ
งานวิจัยประสบผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2562 การส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองสามารถส่งออกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาได้อย่างเต็มภาคภูมิและได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา การแถลงข่าว"วิจัยปลดล็อคส่งออกมะม่วงไปสหรัฐอมริกา"
ที่เกิดขึ้นนี้ จึงเป็นการสร้างความเข้าใจ และ องค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจ้และเพื่อต่อยอดให้กับกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดการคัาผลไม้สดของไทยสู่สหรัฐอเมริกา และ ตลาดต่างประเทศอื่นๆ ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น