วันนี้ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นประธานเปิดประชุมคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมชัยภูมิ ปาร์ค จังหวัดชัยภูมิ การเดินทางมาครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางพบปะคณะกรรมการเครือข่ายฯ ภาคี ภาคอีตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างเป็นทางการสำหรับการเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.สทบ.
โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ สทบ. ธกส.ฝ่ายกิจการ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตลอดจน ภาคีต่างๆ ร่วมให้การต้อนรับในการมาเยือนครั้งนี้
โดย นายรักษ์พงษ์ ได้กล่าวถึงนโยบายที่ได้รับจากรัฐบาลที่เป็นภารกิจเร่งด่วน และ สทบ.ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ที่เรียกสั้นๆคุ้นหู ว่า โครงการประชารัฐ 200,000 บาท (โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่การพัฒนาอย่างยั่งยืน) โดยตัวโครงการเน้นความกระชับ รวดเร็ว โปร่งใส ใช้ได้จริงและสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยเปิดโอกาสให้ทางกองทุนฯ สามารถเลือกทำโครงการได้อย่างอิสระ และยังสามารถนำเงินโครงการบางส่วนไปศึกษาดูงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เพื่อกลับมาพัฒนาและเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ทำให้คนในท้องถิ่นมีอาชีพ มีรายได้ มีการจ้างงานในถิ่นที่อยู่ เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดการเดินทางศึกษาดูงานและท่องเที่ยวไปในตัว ซึ่งแนวความคิดนี้จะช่วยฟื้นฟูสถานการการท่องเที่ยวที่ซบเซาของประเทศไทย ในช่วงที่เจอผลกระทบจากโรคโควิคที่เกิดขึ้นในขณะนี้
โดย ผอ.สทบ.ได้เน้นย้ำ การศึกษาดูงานของแต่ละกองทุนนอกจากได้ความรู้ ได้นวัตกรรมใหม่ๆ ยังสามารถช่วยให้การท่องเที่ยวภายในประเทศฟื้นตัวได้ จากเม็ดเงินที่เรานำมาใช้จ่ายทำให้มีเงินหมุนเวียนช่วยเสริมสภาพคล่องได้ และทางรัฐบาลตระหนักดีว่าสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ดูแลประชาชนทั่วประเทศ เข้าถึงประชาชน ซึ่งมีสมาชิกกองทุนหมู่บ้านมากถึง 13 ล้านคน จะเป็นหน่วยงานอันดับต้นๆที่จะช่วยขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี
โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ สทบ. ธกส.ฝ่ายกิจการ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตลอดจน ภาคีต่างๆ ร่วมให้การต้อนรับในการมาเยือนครั้งนี้
โดย นายรักษ์พงษ์ ได้กล่าวถึงนโยบายที่ได้รับจากรัฐบาลที่เป็นภารกิจเร่งด่วน และ สทบ.ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ที่เรียกสั้นๆคุ้นหู ว่า โครงการประชารัฐ 200,000 บาท (โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่การพัฒนาอย่างยั่งยืน) โดยตัวโครงการเน้นความกระชับ รวดเร็ว โปร่งใส ใช้ได้จริงและสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยเปิดโอกาสให้ทางกองทุนฯ สามารถเลือกทำโครงการได้อย่างอิสระ และยังสามารถนำเงินโครงการบางส่วนไปศึกษาดูงานในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เพื่อกลับมาพัฒนาและเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ทำให้คนในท้องถิ่นมีอาชีพ มีรายได้ มีการจ้างงานในถิ่นที่อยู่ เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดการเดินทางศึกษาดูงานและท่องเที่ยวไปในตัว ซึ่งแนวความคิดนี้จะช่วยฟื้นฟูสถานการการท่องเที่ยวที่ซบเซาของประเทศไทย ในช่วงที่เจอผลกระทบจากโรคโควิคที่เกิดขึ้นในขณะนี้
โดย ผอ.สทบ.ได้เน้นย้ำ การศึกษาดูงานของแต่ละกองทุนนอกจากได้ความรู้ ได้นวัตกรรมใหม่ๆ ยังสามารถช่วยให้การท่องเที่ยวภายในประเทศฟื้นตัวได้ จากเม็ดเงินที่เรานำมาใช้จ่ายทำให้มีเงินหมุนเวียนช่วยเสริมสภาพคล่องได้ และทางรัฐบาลตระหนักดีว่าสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ดูแลประชาชนทั่วประเทศ เข้าถึงประชาชน ซึ่งมีสมาชิกกองทุนหมู่บ้านมากถึง 13 ล้านคน จะเป็นหน่วยงานอันดับต้นๆที่จะช่วยขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น