🧳เที่ยวเลยไม่ต้องรอ!🌴
พักผ่อนแบบไร้กังวลที่ เคป ดารา รีสอร์ท
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – อากาศที่ร้อนขึ้นทุกวันเป็นสัญญาณบอกถึงการเข้าสู่ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดแห่งปี สตีเบล เอลทรอน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำในประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อมอบสุดยอดแห่งประสบการณ์การอาบน้ำที่เหนือกว่าในหน้าร้อนนี้ ด้วยชุดหัวฝักบัวรุ่น STIEBEL AQUA (สตีเบล อควา) ที่ได้รับการดีไซน์มาเป็นพิเศษที่ช่วยเติมความสมบูรณ์แบบให้ทุกครั้งที่อาบน้ำ ให้สามารถปรับตั้งค่าแรงดันของน้ำจากฝักบัวได้ตามต้องการ และผลิตภัณฑ์ตัวกรองอาบน้ำรุ่น ไวต้า (VITA Shower Filter) ที่เติมความรื่นรมย์ในการอาบน้ำให้กับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผู้ที่ต้องการเติมความพิเศษให้การอาบน้ำ
ผลการศึกษาเผยว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยเลือกที่จะอาบน้ำด้วยฝักบัวมากกว่าอาบในอ่างอาบน้ำ และมีมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ที่อาบน้ำสองครั้งต่อวัน ทุกครั้งที่อาบน้ำไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนของวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่อากาศทั้งร้อนและเหนียวเหนอะหนะ การอาบน้ำชำระล้างร่างกายถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะไม่เพียงจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย แต่ยังช่วยคืนความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าให้ทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย
เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวเป็นพิเศษและยังเพิ่มความผ่อนคลายในการอาบ ในด้านของดีไซน์ชุดหัวฝักบัวรุ่น STIEBEL AQUA ได้ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามและทันสมัยเพื่อให้เข้ากับบ้านและห้องน้ำทุก ๆ ดีไซน์ โดยมีมาให้เลือกทั้งหมด 3 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีดำด้าน สีโครเมียม และสีขาว
ส่วนตัวกรองอาบน้ำไวต้า (VITA Shower Filter) ของสตีเบล เอลทรอน ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องของมลภาวะและสุขอนามัยที่ขณะนี้ทุกครัวเรือนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผู้ที่ต้องการเติมพลังและผ่อนคลายระหว่างการอาบน้ำ ซึ่งตัวกรองอาบน้ำ ไวต้า นี้สามารถต่อเข้าได้กับเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนเพื่อช่วยกรองและลดปริมาณคลอรีนที่อยู่ในน้ำประปา ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ต่อผิวพรรณและร่างกาย รวมทั้งยังช่วยปกป้องด้วยสารสกัดแอนตี้แบคทีเรียตามธรรมชาติอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นตัวกรองฝักบัวอาบน้ำไวต้า ยังช่วยบำรุงผิวจากสารสกัดจากน้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ที่ช่วยปรับสภาพให้ผิวและเส้นผมมีสุขภาพดียิ่งขึ้น อีกทั้งความสามารถในการคัดกรองคลอรีนจะช่วยเลี่ยงการสูดดมสารคลอรีนเป็นการช่วยเสริมสุขภาพที่ดีให้กับปอดและระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย แถมการติดตั้งตัวกรองอาบน้ำไวต้า ยังทำได้อย่างง่ายดาย เพียงต่อผลิตภัณฑ์เข้ากับหัวฝักบัวหรือสายฝักบัวทางน้ำเข้า
วิธีการติดตั้งตัวกรองอาบน้ำไวต้า (VITA Shower Filter) ของสตีเบล เอลทรอน
ตัวกรองอาบน้ำ ไวต้า ของสตีเบล เอลทรอน มีให้เลือกถึง 5 กลิ่น ได้แก่
ตัวกรองอาบน้ำไวต้า (VITA Shower Filter) ของสตีเบล เอลทรอน
ชุดหัวฝักบัวรุ่น STIEBEL AQUA มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย ร้านบุญถาวร และที่ร้านค้าออนไลน์ของช้อปปี้ ลาซาด้า เจดี เซ็นทรัล และ น็อคน็อค ที่ราคาตั้งแต่ 490 บาท ถึง 950 บาท พร้อมพบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษเมื่อซื้อชุดหัวฝักบัวรุ่น STIEBEL AQUA พร้อมกับตัวกรองอาบน้ำไวต้า
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดหัวฝักบัวรุ่น STIEBEL AQUA และตัวกรองอาบน้ำไวต้า และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์หลักของสตีเบล เอลทรอน หรือ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อสินค้า
กรุงเทพฯ ประเทศไทย: ในอดีต ผู้ป่วยทุกรายที่ป่วยด้วยโรคชนิดเดียวกันจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาตามอาการบนมาตรฐานเดียวกัน (One-size-fits-all approach) อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีส่วนปฏิวัติแนวทางการดูแลสุขภาพ ขยายทางเลือกการรักษาและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย โดยหนึ่งในความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ก่อให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญคงหนีไม่พ้น การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล
วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักและเจาะลึกเกี่ยวกับความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล และจะดีแค่ไหนหากประเทศไทยสามารถก้าวสู่การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคลได้อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
การดูแลสุขภาพรักษาแบบจำเพาะบุคคล คืออะไร?
การดูแลสุขภาพรักษาแบบจำเพาะบุคคล หรือ Personalised Healthcare เกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนการพัฒนาความรู้ทางพันธุกรรมและการเจาะลึกความหลากหลายของโรคชนิดต่าง ๆ ด้วยแนวคิดที่เน้นการเก็บข้อมูลจากพื้นฐานทางสุขภาพและประวัติการรักษาของผู้ป่วยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรม จนค้นพบว่าถึงแม้ผู้ป่วยแต่ละรายจะป่วยจากโรคชนิดเดียวกันและแสดงอาการเหมือนกัน ก็อาจมีสาเหตุของโรคต่างกัน ดังนั้นการใช้แนวทางการดูแลสุขภาพและการรักษาที่สอดคล้องกับข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยแต่ละรายจึงนับเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะร่างกายของแต่ละคนล้วนมีความต่างด้านพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิต เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบการพิจารณา แพทย์จึงสามารถพยากรณ์ความเสี่ยงการเกิดโรคบางชนิดในอนาคต วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ทั้งยังสามารถเลือกแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ความแตกต่างของผู้ป่วยแต่ละคนได้อย่างตรงจุด
ดัชนีประเมินความพร้อมการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล (Asia-Pacific Personalised Health Index)
ด้วยคำนึงถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล จึงเกิดการรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดอันดับความพร้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวน 11 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพื่อเร่งพัฒนาการรักษาแบบจำเพาะบุคคลให้กลายเป็นแนวทางพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยดัชนีประเมินความพร้อมการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล (Asia-Pacific Personalised Health Index) ยังสามารถใช้เป็นแนวทางประกอบการกำหนดนโยบายเพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐและเอกชนนำไปต่อยอดให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต
ข้อมูลจากดัชนีประเมินความพร้อมของการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล พบว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม “Focus Area Country” ร่วมกับมาเลเซีย จีน และอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ในขั้นเริ่มต้นของการนำแนวทางการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคลมาปรับใช้ ทั้งนี้ดัชนีดังกล่าวใช้เกณฑ์พิจารณาความพร้อมออกเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ (1) ด้านนโยบาย (2) ด้านข้อมูล (3) ด้านบริการ และ (4) ด้านเทคโนโลยี โดยภาพรวมประเทศไทยมีความพร้อมอยู่ในลำดับที่ 7 จากเมื่อเทียบประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 11 ประเทศ หากจำแนกตามความพร้อมในแต่ละด้านนั้น ประเทศไทยจะอยู่ลำดับที่ 7 ด้านนโยบาย, ที่ 5 ด้านข้อมูล, ที่ 6 ด้านบริการ และอยู่อันดับรั้งท้ายด้านเทคโนโลยี
1.ด้านนโยบาย – เป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ ผลักดันงบประมาณจากรัฐ ช่วยเหลือทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัย เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและแนวทางรักษา รวมถึงลดช่องว่างทางสังคมที่ส่งผลต่อการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย เพื่อสร้างความเท่าเทียมในสิทธิการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล
2.ด้านข้อมูล – ชี้วัดศักยภาพทางด้านการบริหารและการจัดเก็บฐานข้อมูลของผู้ป่วย การบันทึกข้อมูลสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Health Records: EHRs) การรวบรวมสถิติและจัดการข้อมูลด้านสุขภาพต่างๆ เช่น การลงทะเบียนฐานข้อมูลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และการอำนวยสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของผู้ป่วยอย่างทั่วถึงและครอบคลุม
3.ด้านบริการ – ส่งเสริมการให้บริการทางสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นด้านงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนา โอกาสการเข้าถึงการรักษาที่โรงพยาบาล การดูแลรักษาทางไกล (Telemedicine) การได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที การลงทะเบียนผู้ป่วย และการได้รับคำแนะนำตามอาการของโรคแบบจำเพาะบุคคล
4.ด้านเทคโนโลยี – เน้นการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับสวมใส่ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาสนับสนุนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งประเทศไทยควรเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อพัฒนาให้มีความก้าวหน้าต่อไป
นอกจากความพร้อมทั้ง 4 ด้านหลักแล้ว หากเจาะลึกลงไปจะพบว่า ในแง่กลยุทธ์ด้านการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล (Personalised Health Strategy) ประเทศไทยครองอันดับ 1 ร่วมกับประเทศไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ในด้านนโยบาย ประเทศไทยยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา เช่น เรื่องการเลื่อนสถานะทางสังคม (Social Mobility) ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ในอันดับที่ 8 และยังต้องการการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากสุขภาพที่ดีของประชาชนแปรผันตามปัจจัยทางสังคม เช่น แหล่งที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพ และความสมบูรณ์ทางโภชนาการ ส่วนด้านการบริการ โดยเฉพาะงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D Expenditure) ของการรักษาแบบจำเพาะบุคคล ความพร้อมของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 เป็นต้น ดังนั้น ผลการศึกษาจากดัชนีดังกล่าวจึงเป็นแนวทางชี้ให้เห็นจุดแข็ง จุดอ่อน รวมถึงเสนอแนวทางปรับปรุงและพัฒนาการเข้าถึงการดูและสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคล เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากยิ่งขึ้น
การรักษาแบบจำเพาะบุคคลจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสังคมไทยในอนาคต โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโรคมะเร็ง ซึ่งคร่าคนไทยเป็นอันดับต้นๆ มาต่อเนื่องหลายปี ในด้านมุมมองของผู้ป่วย คุณศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ได้เผยถึงการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะบุคคลผ่านมุมมองของอดีตผู้ป่วยมะเร็งว่า “มะเร็งเป็นโรคที่ซับซ้อนและแทรกซ้อน กล่าวคือ เป็นโรคที่รักษายากและมีโอกาสเกิดการติดเชื้ออื่นร่วมด้วย ทำให้เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาแบบเดียวกันจากแพทย์ก็ไม่ได้แปลว่าแต่ละคนจะตอบสนองต่อรักษาเหมือนกันเสมอไป ในทางกลับกัน แนวทางการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะบุคคลช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับลักษณะของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วยเฉพาะคน ส่งผลให้ขั้นตอนการรักษากินเวลาสั้นลง ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยา ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติในที่สุด”
สำหรับในประเทศไทยนั้น แม้ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามหรือแพร่กระจายแล้ว แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้สามารถตรวจยีนที่เป็นต้นเหตุการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ได้อย่างครอบคลุมคราวละหลายร้อยยีนในการตรวจเพียงครั้งเดียว ช่วยให้ผู้ป่วยแต่ละคนได้รับแนวทางการรักษาที่ตรงจุด ตอบสนองต่อการรักษาดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีระหว่างขั้นตอนการรักษา และมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น
ทั้งนี้ ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวถึงความท้าทายในการปรับใช้และผลลัพธ์ที่จับต้องได้ของการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคลว่า “ประเทศไทยยังมีข้อจำกัดทั้งในแง่ของการตรวจยีน ซึ่งยังตรวจได้เพียงบางชนิด ไม่สามารถตรวจยีนได้พร้อมกัน และในแง่ของการเข้าถึงยามุ่งเป้า ซึ่งทุกวันนี้มีเพิ่มขึ้นหลายชนิด ประสิทธิภาพดีขึ้น ผลข้างเคียงลดลง ดังนั้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ในระดับโมเลกุล ให้มีความสามารถในการตรวจได้มากขึ้น เข้าถึงได้ทั่วประเทศ และสมควรผลักดันการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ระดับโมเลกุลให้เป็นวาระแห่งชาติ และส่งเสริมงานวิจัยด้านการพัฒนาการตรวจนี้ในโรคมะเร็งซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของประเทศ เพื่อพัฒนาการรักษาให้มีความก้าวหน้า และที่สำคัญคือการช่วยกันผลักดันให้ยามุ่งเป้าที่จำเป็นในโรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทยให้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ด้านการเข้าถึงยาของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ”
ปัจจุบัน การตรวจยีนแบบครอบคลุม (Comprehensive Genomic Profiling) ยังไม่กลายเป็นมาตรฐานการดูแลสุขภาพในประเทศไทย ทั้งที่การตรวจยีนแบบครอบคลุมนับได้ว่าเป็นก้าวแรกของการรักษาแบบจำเพาะบุคลล ดูเหมือนว่าประเทศไทยยังคงต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อพัฒนาการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบจำเพาะบุคคลให้มีความพร้อมและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบสาธารณสุขและความก้าวหน้าทางการแพทย์ของไทย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยได้อย่างยั่งยืน
วันนี้มีโอกาสพบ คุณ วรกิจ กิตติชาติเชาวลิต เจ้าของร้าน เล่าความเป็นมาร้านว่า
"ร้านอาหารในความคิดของผม เป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย แต่การประสบความสำเร็จ มี 2 ประการที่ต้อง บริหารจัดการให้ดีคือ เรื่องการแข่งขัน และการบริหารจัดการวัตถุดิบ
ผมตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจร้านอาหาร จากเดิมที่นี่เป็น ร้านตัดสูทให้กับนักท่องเที่ยว พอเกิดวิกฤตโควิด-19 จึงคิดเปิดร้านอาหาร โดยตั้งชื่อร้านว่า ก.ชวนชิม ณ นางเลิ้ง ความหมายของชื่อคือ ก. มาจากชื่อประจำตระกูล แซ่ก๊วย ต่อท้ายด้วย ชวนชิม เนื่องจากผมเป็นคนชอบสังสรรค์ และชอบชวนเพื่อนไปชิมอาหารตามร้านต่างๆ
ที่ร้านเสิร์ฟอาหารสไตล์ ไทย-จีน-ซีฟู้ด มีหลากเมนู จุดประสงค์หลักในการตั้งร้าน เพื่อรวบรวมเมนูอร่อย มาปรับเปลี่ยนให้เป็นความพิเศษของทางร้าน เรียกได้ว่า ทุกจานพิถีพิถัน ปรับเปลี่ยนให้ได้ความอร่อยลงตัว ตามสไตล์ของ ก.ชวนชิม และที่สำคัญ เราคัดวัตถุดิบ ที่มีคุณภาพ สดใหม่ และลูกค้าได้รับประทานในราคาที่จับต้องได้
ห่อหมกในตำนานความอร่อย..…อร่อย เต็ม10 ไม่หักจ้า ด้วยรสชาติ ห่อหมกทำจากปลากรายเนื้อล้วนๆ เนียนเด้ง พร้อมด้วย ซีฟู้ดส์ กุ้ง หอย ปลาหมึก ปรุงด้วยเครื่องแกงที่โขลกเอง แบบ ออริจินอล เสิร์ฟในลูกมะพร้าวอบ เก๋ไก๋ หอมเครื่องแกง แล้วยังหอมน้ำมะพร้าวอีกด้วย รสชาติเข้มข้นทานห่อหมก พร้อมเนื้อมะพร้าว อร่อยจิงจัง เรียกได้ว่าเมนูนี้ ห้ามพลาดนะค่ะ
สั่งออเดิร์ฟก่อนเลยค่ะ ระหว่างรอ
ต่อด้วยอาหารทานเล่นอีกสักจาน มาค่ะ ขนมกุยช่าย ร้านเราทำเอง เนื้อแป้ง นุ่ม เหนียวหนึบ ทอดแล้วกรอบนอกนุ่มใน พร้อมน้ำจิ้มสูตรพิเศษของที่ร้าน อร่อย จนอย่าเผลอทานจนอิ่มนะค่ะ
อาหารแนะนำจานพิเศษ
เมนูนี้คือเริ่ส รสเด็ด ด้วยความตัวใหญ่ของกุ้ง ความสด เด้งดึง มันหัวกุ้งนี้เยิ้ม จนมองหาน้ำจิ้มซีฟ้ดส์ กับข้าวสวยร้อนๆเลยคะ ความไม่ธรรมดาของกุ้งเมนูนี้ เราคัดพิเศษมาจาก กุ้งบังกลาเทศ กล้ามเล็ก ตัวใหญ่ ถูกใจแน่นอนตะ
หมูสามชั้นเมนูโปรดของหลายๆคน เชฟที่นี้ทำได้รสชาติดีจริง หมูหั่นชิ้นพอดีคำ ทอด กรอบ ไร้มัน พร้อมน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ด
เมนูนี้เรียกเล่นว่า เมนูไล่โควิด ด้วยรสชาติ ที่ เผ็ด ร้อนแรง ด้วยเครื่องเทศ สมุนไพร พร้อมผัก แกงจนได้น้ำที่เข้มข้น จานนี้ที่เราสั่งเลือกเป็น เนื้อวากิว หันชิ้นสวยๆ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินค่ะได้รสชาติอาหารไทยแท้ๆ จัดจ้าน เมนูนี้ แอ๊ดให้ส่วนตัว เต็ม10 ค่ะ หากไม่ทานเนื้อเลือกเป็น เนื้อหมูคุโรบูตะ หรือกุ้งได้เลยค่ะ
แต่ละเมนูเด็ดจริงค่ะ มาต่อที่ปลากระพงเสิร์ฟแนวตั้ง ตัวใหญ่ ทอดกรอบ ด้านในให้เนื้อปลาที่หวาน ทานพร้อมน้ำยำสูตรเด็ด
เมนูนี้ สูตรดั้งเดิมของคุณยาย ทำเองทุกขั้นตอน เนื้อทอดมัน เหนียว หนึบ กัดไปคำแรกเนื้อเด้ง ละเอียดมาก รสพริกแกงกำลังดี ชอบจัง ที่ร้านทำชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น คุณภาพคับจาน เด็ดอีกที ก็น้ำจิ้มเอกลักษณ์ของคุณยายที่เพิ่มเนื้อละเอียดของสัปะรดให้ความเปรี้ยวธรรมชาติ เด็ดค่ะ
ความเด่น กุ้งตัวใหญ่ ออกมาล้นหม้อกันเลยทีเดียว ความหอมของเครื่องเทศ กับเส้นวุ่นเส้นที่เหนียว นุ่มอร่อย ทานพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดส์สูตรเด็ด
เมนูนี้ชอบๆๆส่วนตัวอีกแล้ว ชอบความหอมผัดพริกเกลือ จานนี้มาลงที่กุ้งทอด เนื้อเด้ง หอมกระเทียมและเครื่องเทศ ทานกับ น้ำจิ้มซีฟู้ดส์ก็อร่อยดี ฟินๆๆค่ะ
เมนูนี้ เชฟคัดสรร เมนูเด็ดจากเวียดนาม มานำเสนอคนไทย หอยเนื้อหวาน เด้งๆ ปรุงรสอร่อยลงตัว หน้าตาดีๆแบบนี้ แป๊บเดียวหายวับค่ะ
มาเป็นแก้วเป๊ก กันเลย จัดว่าเด็ด หอยแคลง ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดส์ สูดเด็ด เป๊กเดียวไม่น่าพอ แซ่บซี้ดขนาดนี้
วันนี้ Enjoy Eating มากๆๆเลย ไม่รู้จะนำเมนูไหนเป็นเมนูเด็ดเลยนะคะนี่ อร่อยทุกเมนู ต้องลองมาทานเองแล้วละคะ รับรองไม่ผิดหวังด้วย คุณภาพอาหาร ล้นจาน ราคาจับต้องได้ อิ่มอร่อยกลับไปอย่างแน่นอน
นอกจากอาหารอลาคลาสแล้ว ที่ร้านมีอาหารประเภทจานเดียว สำหรับชั่วโมงเร่งด่วน ง่ายๆ ราคาความอร่อยเริ่มต้นเพียง 35 บาทมีให้เลือกมากหลากหลายเมนู สั่งได้เลยอร่อยทุกอย่างจริงค่ะ
ร้านอาหาร ก.ชวนชิม ณ นางเลิ้ง
463/68 ถนน นครสวรรค์ สี่แยกมหานาค
เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
ในงานมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าออนไลน์ "Promotion on Cloud" รวม 44 กิจกรรมใน 32 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และจัดตั้งความร่วมมือกับสถาบันอุตสาหกรรมและพาณิชย์ 10 แห่ง รวมถึงหอการค้าจีนประจำบราซิล (CCCB) และหอการค้าระหว่างประเทศประจำคาซัคสถาน ผ่านการลงนามข้อตกลงทางออนไลน์ ขยายเครือข่ายเพื่อสนับสนุนผู้ซื้อให้เข้าถึงธุรกิจจีนได้
ซู ปิง โฆษกงานแคนตันแฟร์และรองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (CFTC) กล่าวว่า "งานแคนตันแฟร์ได้ส่งเสริมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก คุณค่าของงานแคนตันแฟร์อยู่ที่บริการใหม่ที่สามารถส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและทั่วโลก นั่นรวมถึงการจัดหาผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ที่ไว้วางใจได้และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมของอุตสาหกรรม"
งานแคนตันแฟร์ครั้งที่ 129 ช่วยให้ผู้ซื้อสื่อสารกับธุรกิจชั้นนำและกลุ่มอุตสาหกรรมหลักกว่า 800 รายของจีนได้โดยตรง ผ่านงานจับคู่สำหรับ X5 Group ของรัสเซีย Kawan Lama Group ของอินโดนีเซีย และ Kroger ของสหรัฐอเมริกา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ของเล่นจากเมืองซ่านโถว เครื่องใช้ในบ้านขนาดเล็กจากมณฑลกวางตุ้ง สิ่งทอจากมณฑลเจ้อเจียง และอุตสาหกรรมอาหารจากมณฑลซานตง
ผู้จัดแสดงสินค้า 26,000 รายได้อัปโหลดข้อมูลผลิตภัณฑ์กว่า 2.76 ล้านรายการ เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 290,000 รายการ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ 840,000 รายการและผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ 110,000 รายการ ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ แสดงให้โลกเห็นถึงพลังในนวัตกรรมของบริษัทจีนและภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรและแบรนด์จีน
เว็บไซต์ทางการของงานแคนตันแฟร์มีการเข้าชมรวมกันถึง 35.38 ล้านครั้ง โดยมีการเข้าชมงานจัดแสดงสินค้าเสมือน 6.87 ล้านครั้ง รวมถึงการเข้าชมแผงจัดแสดงสินค้าเสมือน 2,662 แผงเป็นหลักแสนครั้ง มีการรับชมไลฟ์สตรีมของงาน 880,000 ครั้ง โดยผู้ชมการไลฟ์แต่ละรายการเพิ่มขึ้น 28.6% เนื่องจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ทางงานจัดให้ เพื่อช่วยให้ผู้จัดแสดงสินค้ามีส่วนร่วมกับผู้ซื้อเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อให้เข้าใจตลาดของตนเองได้ดีขึ้น นอกเหนือจากความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศและนอกประเทศแล้ว งานแคนตันแฟร์นี้ยังได้อำนวยความสะดวกให้กับการเจรจาและกระบวนการจัดซื้อแบบครบวงจรสำหรับผู้ซื้อเมื่อติดต่อธุรกิจในจีน มีข้อเสนอทางการเงิน การตรวจสอบเพื่อรับรองคุณภาพ โลจิสติกส์ และบริการขนส่ง
GUANGZHOU, China, April 26, 2021
The 129th China Import and Export Fair (Canton Fair) closed on April 24 with buyers registering from a record-breaking 227 countries, providing an efficient trading platform for global buyers to find Chinese innovative products.
The Fair organized 44 "Promotion on Cloud" activities in 32 countries and regions around the world, and established partnerships with 10 industrial and commercial institutions including Chinese Chamber of Commerce of Brazil (CCCB) and Chamber of International Commerce of Kazakhstan through online agreement signing, further expanding its network to support buyers with access to Chinese businesses.
Xu Bing, Spokesperson of the Canton Fair and Deputy Director General of China Foreign Trade Centre said: "The Canton Fair has promoted the development of international trade and even the global economy. The value of the Canton Fair lies in its innovative services that can promote trade cooperation between China and the world. That includes providing reliable supplier and buyer resources, and offering comprehensive insights for industry."
The 129th Canton Fair empowered buyers to directly communicate with China's over 800 leading businesses and key industrial clusters through matchmaking events for Russia's X5 Group, Indonesia's Kawan Lama Group and America's Kroger, and staged promotion activities of industrial clusters such as Shantou toy, Guangdong small household appliances, Zhejiang textile and Shandong food industry.
26,000 exhibitors uploaded over 2.76 million products, an increase of 290,000 over the last session, including 840,000 new products and 110,000 smart products. These new products made with revolutionized technology demonstrate to the world Chinese companies' vitality in innovation and a brand-new image of Chinese enterprises and brands.
The Fair's official website was visited a staggering 35.38 million times with 6.87 million visits to the virtual exhibition halls, including 100 thousand visits to 2662 VR stands. Live streams were watched 880 thousand times, with views per each live stream increasing by 28.6 percent thanks to leveraged sources provided by the Fair to help exhibitors engage effectively with their targeted buyers and to better understand their markets.
Alongside its cooperation with domestic and international partners, the Fair has facilitated a one-stop negotiation and sourcing process for buyers when dealing with businesses in China, offering financing, inspection to quality certification, logistics and transportation services.
https://www.cantonfair.org.cn/en/
กรุงเทพฯ, 26 เมษายน 2564 – เดือนเมษายนที่ผ่านมาหลายคนต้องอยู่บ้านยาว และเดือนพฤษภาคมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง มาดับร้อน คลายเครียด รอรับชมคอนเทนต์สุดปังที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจาก iQiyi (อ้ายฉีอี้) แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ชั้นนำจากประเทศจีนที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในทุกหมวดหมู่ของประเทศไทยกันดีกว่า
ละครไทยเนื้อหาสุดเข้มข้น จากบทประพันธ์ชั้นเยี่ยมที่นำมาเล่าในบริบทของปี 2021
สำหรับคอนเทนต์จาก iQiyi (อ้ายฉีอี้) ไม่มีให้ผิดหวังอย่างแน่นอน ล่าสุด “วันทอง” ที่คว้าสิทธิ์จากช่องวัน 31 มาให้ผู้ชมได้ดูย้อนหลังฟรีครบทุกตอนเป็นที่แรก ปิดฉากไปแบบ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ทั้งฟีดมีแต่คนพูดถึงตอนจบอย่างถล่มทลาย คนดูโดนแกงกันไปค่อนประเทศ ซึ้งจนน้ำตาซึมและลุ้นกันตัวโก่งตั้งแต่ต้นยันจบ สมศักดิ์ศรีละครไพรม์ไทม์ฟอร์มยักษ์ที่นำวรรณคดีไทยมาตีความใหม่ตามบริบทปี 2021
iQiyi (อ้ายฉีอี้) ไม่ปล่อยให้ผู้ชมต้องรอนาน รีบส่ง “กระเช้าสีดา” อีกหนึ่งละครไทยคุณภาพที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์สุดคลาสสิคของ กฤษณา อโศกสิน ให้ดูกันต่อบนแพลตฟอร์มทันที ผ่านการจับมือกับช่องวัน 31 อีกครั้ง นำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้าของไทยอย่าง นุ่น วรนุช, กรีน อัษฎาพร, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล และก็อต จิรายุ กับเรื่องราวของเส้นทางความรักที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ใครจะพบบทสรุปเช่นไรกับชีวิตที่ไร้ค่าเหมือนต้นกระเช้าสีดาที่ไม่มีราคา ติดตามดูย้อนหลังฟรีได้บนแพลตฟอร์ม iQiyi (อ้ายฉีอี้) เป็นที่แรก
ซีรีส์เกาหลีดัดแปลงจากเว็บตูนชื่อดังและเรื่องราวความรักอลเวงใต้ชายคาเดียวกัน
ซีรีส์จีนที่ตอบโจทย์คอซีรีส์ทั่วโลก
ผลงานแฟนตาซีโปรดักชั่นสุดอลังการ
ฝั่งซีรีส์จีน ก็มีคอนเทนต์คุณภาพอัดแน่นไม่แพ้กัน ตั้งแต่ซีรีส์แฟนตาซีสุดอลังการอย่าง “No Boundary (คดีปีศาจแห่งเมืองไคเฟิง)” ซีซัน 1 ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ iQiyi (อ้ายฉีอี้) ผลิตเอง (iQiyi Original) เรื่องราวของเทพเซียนผู้เป็นอมตะและองครักษ์หน้าตาดีแสนอบอุ่น ติดตามความรักที่ต้องไปพัวพันกับเรื่องราวต่าง ๆ ของพวกเขาได้แล้ววันนี้ บนแพลตฟอร์ม iQiyi (อ้ายฉีอี้) ที่เดียวเท่านั้น ต่อด้วย “Court Lady (ลำนำรักแห่งฉางอัน)” เรื่องราวของลูกชายแม่ทัพใหญ่กับลูกสาวพ่อค้าที่ต่างคนต่างตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นและอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาทดสอบความรักของทั้งคู่ นำแสดงโดย สวีข่ายและหลี่อี้ถง ทมีให้ติดตามบน iQiyi (อ้ายฉีอี้) แล้วเช่นกัน