“Miss Universe Thailand 2020 นำโดยอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม พร้อมเพื่อนนางงาม มอบถุงบรรจุศพจำนวน1,000ชุด ให้แก่ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ เพื่อมอบต่อให้กับองค์กรจิตอาสาด่านหน้าโดยมีดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดีร่วมรับมอบ”

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(28สิงหาคม2564) อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม(อแมนด้า) ,พิมพ์ณดา กิตติวิศาลวงศ์(บีน่า),พรปรียา จำนงบุตร (มิ้นท์),ริสา หงษ์หิรัญ( เบคกี้),นางทัศนี วรรณเทวา ซีอีโอ บริษัท เวก้า เนเจอรัล จำกัด,นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้ก่อตั้งบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด ร่วมกันส่งมอบถุงบรรจุศพจำนวน1,000 ชุดให้แก่นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้งฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ ณ ศูนย์ข้าวเพื่อหมอ (ชั่วคราว)  สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์  

ทั้งนี้ในวันดังกล่าวดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ผู้ก่อตั้งองค์กรทำดี รับมอบถุงบรรจุศพจำนวน 300ชุดและถุงยังชีพ ข้าวสาร ชุดยาสมุนไพรและยาสามัญประจำบ้าน นมผง ฯลฯ จากฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้งฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ เปิดเผยว่า “ขณะนี้แม้ว่าทางรัฐบาลจะเตรียมมาตรการคลายล็อคในจังหวัดสีแดงเข้มแล้ว  แต่สำหรับจิตอาสาด่านหน้าการช่วยกันสนับสนุนภารกิจต่างๆของผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวตามบ้าน(Home Isolation)หรือพักที่ศูนย์พักคอยตามชุมชนต่างๆยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือทั้งในด้านการสนับสนุนอาหารกล่องปรุงสุก อาหารแห้ง ถุงยังชีพ ยารักษาโรค เพราะปัจจุบันยังมีผู้ที่ได้รับผลกระทบอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวหรือกลับเข้าสู่ระบบการทำงานได้เพราะช่วงที่ผ่านมามีสถานประกอบการจำนวนมากต้องปิดตัวลงและป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างซ้ำไปซ้ำมาซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์อีก”

นอกจากนี้ทางฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ ได้ทำการมอบถุงบรรจุศพให้แก่องค์กรจิตอาสา,ร.พ.สนาม,วัด ไปแล้วถึง1,000ชุด

ผู้สนใจร่วมสนับสนุนภารกิจฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ สามารถบริจาคเงินได้ที่บัญชีมูลนิธิคุวานันท์ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 109-249780-3 (ลดหย่อนภาษีได้) ส่งหลักฐานการบริจาคมาได้ที่ Line ID:@silvervoyage , Call Center 02- 0169910 (ทุกวัน 09.00-17.00 น.) FB:Foodforfightersth

#wisdomofsharing   #foodforfightersth

Share:

มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยให้กับวัดเวฬุวันเพื่อมอบให้กับรพ.ทองผาภูมิ เพื่อสำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19ให้กับประชาชน

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 26 ส.ค.2564 ที่วัดเวฬุวัน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี  หลวงปู่สาคร​ ธัมมาวุโธ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน นายนภเดช เกลียวศิริกุล       

นายอำเภอทองผาภูมิ แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผอ.รพ.ทองผาภูมิ นายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ร่วมรับมอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 1 คัน ชุดตรวจ STANDARD Q COVID-19 จำนวน 500 เทสต์ เครื่องวัดความดัน จำนวน 1 เครื่อง และหน้ากากอนามัย จำนวน 3,000 ชิ้น จากมูลนิธิธรรมาภิบาลทางแพทย์ร่วมกับบริษัทเอ็มพี กรุ๊ป ประเทศไทยจำกัด ที่นำมอบให้กับรพ.ทองผาภูมิ  เพื่อสำหรับไว้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ต่อไป 

#ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจด

Share:

สสว. ชวน “ช้อปของดี SME ไทย ไฟต์โควิด” บนแพลตฟอร์ม JD CENTRAL - LAZADA - SHOPEE จัดขึ้นระหว่าง 21 สิงหาคม – 20 กันยายน 2564

นายวีระพงศ์  มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
เปิดเผยว่า ปีนี้ สสว. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินงานหลากหลายโครงการ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรร่วมดำเนินการทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหอการค้าไทย ร่วมกันดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ มีการระดมความรู้อบรมทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล รวมทั้งส่งเสริมการสร้างรายได้ในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ควบคู่กันด้วย 
ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ สสว. จึงได้ร่วมมือกับหน่วยร่วมดำเนินการต่างๆ ในการปรับรูปแบบกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยได้รับความร่วมมือจากแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพอย่าง JD CENTRAL  LAZADA และ SHOPEE เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้มีร้านค้าออนไลน์ สร้างรายได้ในช่วงวิกฤตินี้ และยังได้จัดทำแคมเปญพิเศษ “ช้อปของดี SME ไทย ไฟต์โควิด” เพื่อส่งเสริมการขาย ขณะนี้มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมกว่า 2,000 ราย มีสินค้ากว่า 100,000 รายการ ให้เลือก 

พร้อมด้วยส่วนลดพิเศษจากทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งกำหนดจัดระหว่าง 21 สิงหาคม ไปจนถึง 20 กันยายน 2564 จึงขอเชิญชวนช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านช่องทางออนไลน์ smeonline2021.com หรือผ่าน application SME Connext นอกจากนี้ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญเพิ่มเติมในระหว่างนี้ก็สามารถติดต่อผ่านหน่วยร่วมดำเนินการของโครงการต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว หรือเข้าไปที่ application SME Connext ได้เช่นกัน”  ผอ.สสว. กล่าวเชิญชวน ด้าน นายก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดีเซ็นทรัล ผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย  ที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป (Central Group) จำกัด บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเจดีดอทคอม (JD.com) บริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน กล่าวว่า เจดีเซ็นทรัลยินดีอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับสสว. เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ “ช้อปของดี SME ไทย ไฟต์โควิด”  ความร่วมมือนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันว่า เจดีเซ็นทรัล พร้อมให้การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์มเจดีเซ็นทรัลจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอี ได้นำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพไปยังกลุ่มลูกค้า เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ และเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ 
ขณะที่ นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีระดับโลกของกลุ่มอาลีบาบา กล่าวว่า การร่วมมือกับ สสว. ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยยกระดับเอสเอ็มอีทีไทยสู่การเป็นผู้ประกอบการดิจิทัล แต่ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคไทยได้เข้าถึงสินค้าคุณภาพหลากรายการในราคาพิเศษถึงแม้ว่าจะต้องเก็บตัวอยู่บ้านในช่วงนี้ก็ตาม ลาซาด้าพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะนำศักยภาพแพลตฟอร์มและเครือข่ายโลจิสติกส์มาใช้ในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและผู้บริโภคในการก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปด้วยกด้าน ผู้แทน ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เปิดเผยว่า ช้อปปี้ได้ร่วมมือกับ สสว. ผลักดันแคมเปญพิเศษ “ช้อปของดี SME ไทย ไฟต์โควิด” มาตั้งแต่ช่วงเแรกของสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และได้ขยายระยะเวลาแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์มของ Shopee ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานในทั่วประเทศ จึงมั่นใจว่า จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความมุ่งมั่นและตั้งใจของ สสว. ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ ทั้งนี้ด้วยพันธกิจองค์กรของ Shopee ในการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยผ่านเทคโนโลยี จึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันและเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่สำคัญนี้ได้อย่างแข็งแรงและเติบโตยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แคมเปญ  “ช้อปของดี SME ไทย ไฟต์โควิด” บนแพลตฟอร์ม JD CENTRAL - LAZADA - SHOPEE จัดขึ้นระหว่าง 21 สิงหาคม – 20 กันยายน 2564 พบกับสินค้าคุณภาพดีที่คัดสรรจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ให้ได้เลือกช้อปกันอย่างจุใจในราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลดจากทุกแพลตฟอร์ม โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มที่ต้องการได้ที่เว็บไซต์กลาง https://smeonline2021.com หรือผ่าน application SME Connext
Share:

คุ้มครองสิทธิฯ เข้าร่วมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ครั้งแรก

นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มอบหมายให้ นางทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ สว่างกมล ที่ปรึกษาด้านการคุ้มครองพยาน เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก 

สำหรับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญของร่าง จากเดิมมี 6 หมวด 23 มาตรา และได้มีการแก้ไขทั้งหมด 4 หมวด 8 มาตรา โดยที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาร่างกฎหมาย และได้ให้ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงถึงเหตุผลและหลักการการขอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบหลักการและเหตุผล พร้อมทั้งได้ให้หน่วยงานเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายการเปลี่ยนแปลงตัวตนของประเทศสหรัฐอเมริกา และสถิติการคุ้มครองพยานของทุกหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในประชุมครั้งต่อไป ในวันอังคารที่ 24 สิงหาคม 2564 นี้


Share:

#เสิร์ฟให้แม่แม้ไม่ได้เจอ! ซิซซ์เล่อร์ เปิดตัวเมนู “แฮปปี้ มาเธอส์ เดย์” 2 จานใหม่ สเต๊กพล่ากุ้งแม่น้ำไซส์จัมโบ้ สเต๊กปลาเรนโบว์เทราต์ สั่งให้แม่ได้ที่ 1112 เดลิเวอรี่ และ 11 สาขาทั่วประเทศ

 

กรุงเทพฯ 11 สิงหาคม 2564 – ซิซซ์เล่อร์ ขอร่วมแบ่งปันความรักต้อนรับเทศกาลวันแม่ ปี 2564 พร้อมส่งความสุข เสิร์ฟความอร่อย เพื่อแบ่งปันความรักอันแสนอบอุ่นให้ลูกบอกรักแม่ผ่านเมนูสุดพิเศษ “แฮปปี้ มาเธอส์ เดย์” ที่คัดสรรความอร่อยสำหรับคุณแม่โดยเฉพาะกับ 2 เซตเมนูสุดพรีเมี่ยม สเต๊กพล่ากุ้ง แม่น้ำไซส์จัมโบ้ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดต้มยำกุ้ง และสเต๊กปลาเรนโบว์เทราต์จากโครงการหลวง พร้อมเสิร์ฟความสุขและความอร่อยถึงบ้านในวันแม่นี้ที่ 1112 เดลิเวอรี่  หรือจะพาแม่มาเต็มอิ่มอร่อยเน้น ๆ ได้แล้วที่ ซิซซ์เล่อร์ 11 สาขาทั่วประเทศ

นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) กล่าวว่า  “สำหรับเทศกาลวันแม่ในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันความรัก เป็นตัวแทนให้ลูกบอกรักแม่ ผ่านเซตเมนูที่รังสรรค์เป็นพิเศษต้อนรับเทศกาลวันแม่ปี 2564 โดยเฉพาะกับเซตเมนู “แฮปปี้ มาเธอส์ เดย์” 2 เมนูพรีเมี่ยมที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพมาจัดทำเป็นเมนูเพื่อสุขภาพสำหรับคุณแม่โดยเฉพาะ โดยซิซซ์เล่อร์ขอเป็นตัวแทนแห่งความสุข ส่งต่อความอร่อยจากเมนูสุขภาพจากคุณลูกสู่คุณแม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กับบริการเดลิเวอร์รี่ 1112 ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อย และส่งความรักให้คุณแม่ถึงบ้านในวันแม่ปีนี้ หรือจะเต็มอิ่มกับการพาแม่มาอร่อยเน้น ๆ ได้แล้วที่ ซิซซ์เล่อร์ทั้ง 11 สาขาทั่วประเทศ”

สำหรับ 2 เซตเมนูพรีเมี่ยมสุดพิเศษ “แฮปปี้ มาเธอร์ เดย์ (Happy Mother’s Day)” ในปีนี้ยังคงจุดเด่นความอร่อยและยังเพิ่มจุดเด่นของวัตถุดิบดีต่อสุขภาพเพื่อคุณแม่โดยเฉพาะ โดยเมนูแรกคือ “สเต๊กพล่ากุ้งแม่น้ำไซส์จัมโบ้ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดต้มยำกุ้ง” หนึ่งในเมนูสมุนไพรของคนรักสุขภาพที่ให้ความอิ่มอร่อยกับกุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นตัวโตย่างร้อน ๆ มันเยิ้ม ๆ หอมตะไคร้ใบมะกรูด คลุกเคล้ากับน้ำยำพล่าเปรี้ยวลงตัวและเครื่องผักสมุนไพรหลากชนิด ให้รสชาติอร่อยเข้มข้น เผ็ดร้อนจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวผัดต้มยำมันกุ้งรสเด็ดให้ความอร่อยแซ่บหอมมันส์สไตล์ไทย และเมนู “สเต๊กปลาเรนโบว์เทราต์จากโครงการหลวง” ที่มาพร้อมสเต๊กปลาคุณภาพแสนอร่อยจากวัถตุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจากโครงการหลวงที่ปรุงรสและย่างให้สุกกำลังดีเพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติของปลาเนื้อแน่น รสหวาน ที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน โอเมก้า 3 สูง ดีต่อสุขภาพ พร้อมเสิร์ฟสไตล์ฝรั่งเศส พร้อมไส้เบคอน ผักโขม เพิ่มความอร่อยด้วยมันฝรั่งอบเลมอนบัตเตอร์ หอมละมุน จากทานคู่กับซอสสไปซี่เพสโต้ หรือซอสดิล ก็อร่อยลงตัว

สำหรับคุณลูกที่อยากบอกรักส่งความสุขและเสิร์ฟความอร่อยให้คุณแม่ในวันแม่ปีนี้สามารถสั่งเซตเมนู “แฮปปี้ มาเธอส์ เดย์”  อิ่มคุ้มได้กับ 2 เซต คือ เมนู “สเต๊กพล่ากุ้งแม่น้ำไซส์จัมโบ้ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดต้มยำมันกุ้ง” พร้อมสลัดบาร์ ในราคาเซตละ 799 บาท และเมนู “สเต๊กปลาเรนโบว์เทราต์จากโครงการหลวง” พร้อมสลัดบาร์ ในราคาเซตละ 699 บาท  สำหรับ 1112 เดลิเวอรี่  นอกจากนี้ ยังสามารถรับทานที่ ซิซซ์เล่อร์ 11 สาขาทั่วประเทศ พร้อมสลัดบาร์ ในราคาพิเศษ อาทิ สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่  สาขาเซ็นทรัล อุบลราชธานี สาขาเซ็นทรัล อุดรธานี สาขาเซ็นทรัล ขอนแก่น สาขาเซ็นทรัล พิษณุโลก สาขาเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี  สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต  ฯลฯ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคมนี้ หรือจนกว่าของจะหมด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sizzler.co.th/th

#Sizzler #HappyMother’sDay #เมนูวันแม่ #เสิร์ฟให้แม่แม้ไม่ได้เจอ #1112Delivery #JCCOTH


 

Share:

เมนูใหม่ล่าสุด! ที่เป็นลูกผสมระหว่าง วาฟเฟิล VS พิซซ่า ที่จะมาปลุกความอร่อย กับ “A&W WAFFZA” ดึง “ป้าตือ” มาดามแห่งวงการออนไลน์ ร่วมเสิร์ฟความว้าวซ่า!

“วาฟเฟิล” ถือเป็นเมนูครองใจของแฟนๆ A&W มาตลอดในทุกยุคทุกสมัย และเป็นเมนูที่พูดได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก ถ้าได้ลองซักคำ จะหลงรักจริงๆ ล่าสุด A&W Thailand ออกเมนูใหม่ล่าสุด “A&W WAFFZA” (เอ แอนด์ ดับบลิว วาฟซ่า) เมนูลูกผสมระหว่าง แป้งวาฟเฟิลที่กรอบนอกนุ่มใน แค่ได้กลิ่นก็ชวนหิว มาอยู่ในรูปแบบของ พิซซ่า พร้อมดึง มาดามแห่งวงการออนไลน์ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับทุกวงการในขณะนี้ อย่าง “ป้าตือ – สมบัษร ถิระสาโรช” มาร่วมในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของเมนูพิเศษนี้ เสิร์ฟ วาฟซ่า ในแบบว้าวซ่า! ไม่ว่าจะไป A&W สาขาไหน ก็จะเจอ ป้าตือ ในทุกๆ โลเคชั่น

ถือเป็นการฉลอง 102 ปี ที่มาแบบจัดเต็มจริงๆ สำหรับ A&W Thailand เพราะมีเมนูใหม่มาเซอร์ไพรส์กันในทุกๆ เดือน และเดือนสิงหาคมนี้ เรียกว่าเป็นเมนูปลุกความอร่อยให้ทุกคนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ว่าจะสั่งและมารับหน้าร้าน หรือสั่งกลับบ้านผ่านเดลิเวอรี่ ก็จะได้ทาน “A&W WAFFZA” ที่มาใน 2 รสชาติ คือ ฮาวายเอี้ยน และเบคอนชีส ที่เสิร์ฟมาอย่างจัดเต็ม อร่อยแบบชิ้นในราคา 29 บาท หรือจะรับแบบถาด เพียง 109 บาท ที่เชื่อว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบวาฟเฟิลเป็นทุนเดิม ต้องสั่งมาลองซักครั้ง เพราะไม่งั้น พลาดอย่างแรง

แถมในครั้งนี้ “ป้าตือ” ยังมาร่วมงานกับทาง A&W ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เมนูพิเศษนี้ที่ครีเอทขึ้นมาเพื่อฉลอง 102 ปี ของ A&W โดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิด VIBE ใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ แทนภาพจำเดิมๆ ที่จะเห็นเมนูและพี่หมีรูทตี้ สัญลักษณ์ของ A&W แต่ครั้งนี้มี “ป้าตือ” มาร่วมการันตีความอร่อยในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ แพลตฟอร์มของ A&W และช่องทางหน้าร้านกว่า 24 สาขา และฟู้ดทรัค 4 แห่ง ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

A&W WAFFZA มีวางจำหน่ายแบบลิมิเต็ดไอเท็ม เท่านั้น เพราะวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ – 10 กันยายน 2564  ที่หน้าร้านหรือสั่งผ่านเดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม อาทิ GRAB FOOD, ROBINHOOD, FOOD PANDA, LINEMAN และ TRUEFOOD

#AWThai #waffza #ความอร่อยสไตล์อเมริกัน #HappywithAW



Share:

Flash Coffee จัดแคมเปญมอบกาแฟฟรีแทนคำขอบคุณ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์มุ่งเติมกำลังใจให้กันในช่วงเวลาที่ท้าทาย

 

ต่อยอดกิจกรรมแจกกาแฟให้กับไรเดอร์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ด้วยออเดอร์ทะลุ 500 แก้วภายในสัปดาห์เดียว

เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2564 Flash Coffee ลุยแจกเครื่องดื่มแทนคำขอบคุณฟรีสำหรับทีมบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ประจำสถานพยาบาลทุกตำแหน่ง 

ลูกค้ายังสามารถมอบกาแฟอเมริกาโนจาก Flash Coffee เพื่อเติมพลังให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ตลอดเดือนสิงหาคม 2564

กรุงเทพฯ 16 สิงหาคม 2564 – Flash Coffee หนึ่งในร้านกาแฟที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ขยายสาขารวดเร็วที่สุดในเอเชีย พร้อมสนับสนุนให้ทุกคน กล้าที่จะแตกต่าง ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบกำลังใจให้แก่กันท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงท้าทาย กับแคมเปญ “มอบกาแฟฟรีแทนคำขอบคุณให้บุคลากรทางการแพทย์” และแคมเปญ “ส่งความห่วงใยให้พี่ไรเดอร์” เชิญชวนให้ทุกคนเติมกำลังใจเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องตลอดเดือนสิงหาคมถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ 

Flash Coffee ประกาศเปิดตัวแคมเปญเพื่อสนับสนุนการส่งแรงใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด้วยการมอบเครื่องดื่มฟรี  เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยเชิญชวนให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกตำแหน่ง ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลและฝ่ายสนับสนุนอื่นๆ ในโรงพยาบาล ให้สามารถเลือกรับเครื่องดื่มเมนูใดก็ได้ฟรี 4 แก้ว เพียงแค่แวะมาที่ร้าน Flash Coffee สาขาใกล้คุณ แล้วแสดงหลักฐานรับรองการประกอบอาชีพ เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เป็นต้น หลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจึงรับโค้ดเครื่องดื่มฟรีจากพนักงาน ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Flash Coffee และกดรับสิทธิ์เครื่องดื่มฟรีได้ทันที

“ขณะที่เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของ Flash Coffee ในปีนี้คือการเดินหน้าขยายสาขาใหม่ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และสำหรับในประเทศไทย เราได้ปักธงเปิดสาขาเพิ่มเติมรวมกว่า 100 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ แคมเปญครั้งนี้ได้สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์เราที่ต้องการส่งมอบสิ่งดีๆ สู่สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทาย ทั้งนี้ เพราะแบรนด์ของเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน และพร้อมร่วมสนับสนุนพลังบวกผ่านสิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ผ่านพลังของการให้” แพน พันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ Flash Coffee ประเทศไทย กล่าว

นอกเหนือจากแคมเปญแจกกาแฟฟรีให้กับทีมแพทย์ซึ่งเป็นทัพหน้าในช่วงเวลานี้แล้ว เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Flash Coffee ยังได้เพิ่มตัวเลือกคำสั่งซื้อให้ลูกค้าสามารถมอบกาแฟอเมริกาโนคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาเพียง 15 บาท (จากราคาปกติ 40 บาท) ให้กับเหล่าพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ของพันธมิตรแพลตฟอร์มส่งอาหาร ได้แก่ แกร็บ โรบินฮู้ด และฟู้ดแพนด้า เพื่อเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันและพร้อมออกไปตะลุยงาน ลูกค้าที่สนใจร่วมส่งมอบกาแฟเสริมพลังใจให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ สามารถกดสั่งได้ที่นี่

ในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ แคมเปญดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยลูกค้า Flash Coffee ได้ร่วมกันส่งต่อกาแฟสำหรับเติมพลังใจให้กับคนขับแล้ว กว่า 500 แก้ว พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่ไม่เพียงตั้งใจมอบเครื่องดื่มคุณภาพสูงในราคาที่ใครๆ ต่างก็เข้าถึงได้ แต่ยังต้องการร่วมจุดประกายให้เกิดสิ่งดีๆ รอบตัวในแต่ละวัน 

Share:

หนังสือชุด “มองมุมใหม่” คู่มือพัฒนาตนเองแบบรอบด้านที่คนยุคใหม่ต้องรู้

 

อยากประสบความสำเร็จ ต้องไม่หยุดพัฒนาตนเอง! ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน เปลี่ยนมุมมอง ปรับความคิด และเริ่มต้นพัฒนาตนเองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การงาน ภาพลักษณ์ ทัศนคติ จิตใจ และการวางเป้าหมายในชีวิต เพื่อผลักดันตนเองให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

ซีรีส์หนังสือชุด “มองมุมใหม่” เขียนโดย พรสรัญ รุ่งเจริญกิจกุล ที่ปรึกษาและโค้ชด้านการบริหารเพื่อความสุขและความสำเร็จ วางแผงในรูปแบบ e-book โดยรวบรวมเนื้อหาจากคอลัมน์ Last But Not Least ตีพิมพ์ในนิตยสาร Gourmet & Cuisine ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้อ่านว่ามีเนื้อหาที่นำไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริงและใช้ได้กับทุกยุคสมัย ในซีรีส์ประกอบด้วย e-book 6 เล่ม แบ่งตามมิติต่างๆ ในการพัฒนาตนเอง เพื่อให้ผู้อ่านได้ “มองมุมใหม่” เพื่อ “ปลดล็อก” ศักยภาพภายในตัวเองให้กลายเป็นคุณคนใหม่ที่ดีกว่าคุณคนเมื่อวาน จะมีเล่มไหนบ้างไปดูกันเลย

1. มองมุมใหม่ การเงินงอกเงย
หนังสือเล่มแรกในซีรีส์ที่จะช่วยก่อร่างสร้างแนวทางเพื่อการประสบความสำเร็จและมีอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งความรู้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ! มาเรียนรู้ “เคล็ดลับของคนรวย” และเทคนิคการพัฒนาตนเองเพื่อบ่มเพาะนิสัยที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จทางการเงินตั้งแต่วัยทำงานไปจนถึงวัยเกษียณอย่างมีความสุ
พิเศษ! มองมุมใหม่ การเงินงอกเงย ดาวน์โหลดฟรี! ที่ MEB https://bit.ly/2RrNE8A   Ookbee https://bit.ly/2S0R5nd

2. มองมุมใหม่ การงานก้าวหน้า หนังสือเล่มที่สองจะมาเป็นเพื่อนคู่คิดจุดประกายเพื่อการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตั้งแต่การเลือกอาชีพการงาน เทคนิคการบริหารตนเอง บริหารเวลา และจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งการวางแผนและกำหนดเป้าหมายเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี
ดาวน์โหลดได้ที่ MEB https://bit.ly/3z0O5XO, Ookbee https://bit.ly/3ekX0ew

3. มองมุมใหม่ ภาพลักษณ์เหนือชั้น หนังสือที่จะมาเป็นผู้ช่วยในการสร้าง “ภาพลักษณ์ในทางบวก” ด้วยเทคนิคการวางตัว การพูด และมารยาทในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่สร้างภาพลักษณ์ในทางลบ พร้อมทั้งเรียนรู้การรับมือและสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง เพื่อสร้างความประทับใจและการยอมรับอันจะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้   
ดาวน์โหลดได้ที่ MEB https://bit.ly/3hFyW8j, Ookbee https://bit.ly/3ieT4Nt

4. มองมุมใหม่ ทัศนคติหนุนนำ เชื่อไหมว่าคนเราสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองให้เกิดทัศนคติในทางบวกได้ ด้วยเทคนิคต่างๆ ที่รวบรวมมาในหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณสร้างนิสัยดีๆ และขจัดนิสัยแย่ๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาตนเอง ให้คุณสามารถพัฒนาจุดแข็งเพื่อเพิ่มศักยภาพและความเชื่อมั่น พลิกเรื่องลบๆ ให้เป็นบวก และมองหาแง่มุมที่สร้างความสุขได้ในทุกๆ สิ่ง
ดาวน์โหลดได้ที่ MEB https://bit.ly/2TOHm42, Ookbee https://bit.ly/3iiSfVe

5. มองมุมใหม่ พลังใจเข้มแข็ง
สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ในการพัฒนาตนเองคือพลังใจที่เข้มแข็ง หนังสือเล่มนี้จะช่วยแนะแนวทางการ “ฝึกจิตใจ” ตนเองแบบเข้าใจง่าย ช่วยให้คุณเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง สามารถควบคุมความคิด อารมณ์ และจัดการกับความเครียดได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ตกเป็นทาสของความกลัวหรือความวิตกกังวล
ดาวน์โหลดได้ที่ MEB https://bit.ly/3A6lsJe, Ookbee https://bit.ly/3CbeVP1

6. มองมุมใหม่ ชีวิตเป็นสุข ปลายทางของความสุขคือความเข้าใจสมดุลของ “ชีวิตที่มั่งคั่ง” หนังสือเล่มนี้จะช่วยพาคุณไปค้นหา “คุณค่า” ที่ควรยึดถือเป็นหลักในการดำรงชีวิต และเรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น เพื่อให้คุณมีความกล้าหาญที่จะเลือกและตัดสินใจได้อย่างอิสระ สามารถกำหนดเป้าหมายและจัดลำดับความสำคัญในชีวิตเพื่อสร้างแรงจูงใจที่จะประสบความสำเร็จให้กับตนเองได้
ดาวน์โหลดได้ที่ MEB https://bit.ly/37g4ueT, Ookbee https://bit.ly/3lqDlOE

มา “ปลดล็อก” ศักยภาพในตัวคุณให้ “พัฒนาตนเอง” ได้อย่างก้าวกระโดด เพื่อมุ่งไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิตในแบบที่เป็นคุณกับ ซีรีส์หนังสือชุด “มองมุมใหม่” ทั้ง 6 เล่มได้แล้ววันนี้ สามารถสั่งซื้อและดาวน์โหลดได้ที่  www.mebmarket.com และ www.ookbee.com ในรูปแบบ e-book เท่านั้น


Share:

ส่งตรงประสบการณ์ Fine-dining ถึงบ้านคุณด้วยบริการเดลิเวอรี่จากอินดัส

อินดัสพร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ Fine-dining ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน หรือที่ออฟฟิศ ด้วยเมนูเดลิเวอรี่หรือรับกลับบ้าน ตลอดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 ถึง 19.30 ทุกเมนูจะได้รับส่วนลด 20% จากราคาปกติ
พร้อมด้วยขบวนเมนูเครื่องดื่มล่าสุดที่พร้อมให้บริการแล้วทั้ง ค็อกเทล ม็อกเทล และคอมบูชา

เครื่องดื่มค็อกเทลซิกเนเจอร์ เช่น Lady on Lemon Grass (เลดี้ ออน เลม่อนกราส) การผสมผสานระหว่าง ความหวานและความสดชื่นของซิตรัส บาคาร์ดี้ ตะไคร้ และสัปปะรด Tangy Tequila (แทงกี้ ตากีล่า) (พริก มะขามสด และแอลกอฮอลกลิ่นส้ม) The Pink City (วอดก้ากลิ่นแครนเบอรี่และมะนาว)

อีกทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มค็อกเทลสุดคลาสสิค Whiskey Sour(วิสกี้ ซาวเออร์) มาร์การิต้า และ ไหมไทย

เครื่องดื่มม็อกเทลที่ไม่มีแอลกอฮอลให้เลือกอีกหลากหลายเมนูตั้งแต่ Brunette Beauty (บรูเน็ต บิวตี้) (แตงโม, บลูเบอรี่, สตรอเบอรี่ และไซรัปกลิ่นลาเวนเดอร์) และ Shikanji (ชิกันจิ) (มิ้นต์สด, เกลือภูเขา, โซดา และ มะนาว)

รวมทั้ง Kombucha (คอมบูชา) ชาหมักสดสูตรอินดัส, ชามะนาว และชาพีชก็มีให้บริการด้วยเช่นเดียวกัน

และอินดัสก็ยังได้ออก 3 เซ็ตเมนูซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุดพิเศษสำหรับเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ พร้อมส่วนลดตั้งแต่ 30-34%

ทุกเมนูที่ส่งตรงถึงบ้านคุณ มั่นใจได้ว่าเราได้เตรียมพร้อมอย่างเช็มงวดที่สุดเพื่อให้คุณปลอดภัยในทุกมื้อ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้

สั่งเดลิเวอรี่ตรงกับอินดัสได้ที่ www.orderindusbangkok.com โทรหรือ Whatapp ได้ที่ 086-339-8582 หรือสั่งผ่าน Line : @indus และพร้อมบริการผ่านทาง Foodpanda และ GrabFood

Share:

เปิดตัว สกมช. อย่างเป็นทางการ เร่งเครื่องภารกิจปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามไซเบอร์

18 สิงหาคม 2564, กรุงเทพมหานคร – สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) หรือ National Cyber Security Agency : NCSA เปิดตัวสำนักงานอย่างเป็นทางการ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ยังเร่งดำเนินการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ด้านสถานการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อให้มีการดำเนินการเชิงปฏิบัติการที่มีลักษณะบูรณาการและทันต่อการเปลี่ยนแปลง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำหนดนโยบาย มาตรการ แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ในการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มิให้เกิดผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน 

ตลอดจนความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น สกมช. จะเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติการ ประสานงาน สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามนโยบายและแผนว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แผนปฏิบัติการเพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และมาตรการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ หรือตามคำสั่งของคณะกรรมการ เพื่อทำให้การป้องกันและการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

พลโท ดร. ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า “สกมช. จะมุ่งเน้นเข้าไปจัดการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ เช่น ด้านการเงิน ด้านสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงาน ด้านสาธารณสุข ฯลฯ 

โดยแบ่งระดับภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับไม่ร้ายแรง ระดับร้ายแรง และระดับวิกฤติ  หน่วยงานของเราจะมุ่งมั่นเสนอแนะนโยบาย แผน ยุทธศาสตร์ และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง กำหนดแนวทาง มาตรฐาน มาตรการ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ และจะสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ต่อไปในอนาคต”

สำหรับวิสัยทัศน์ของ สกมช. คือ “เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนในการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศที่มีประสิทธิภาพพร้อมตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ทุกมิติ” ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ระเบียบ มาตรการ มาตรฐานขั้นต่ำ แนวทางปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มิให้เกิดผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน ตลอดจนความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อย

ภายในประเทศ โดยประสานงาน เฝ้าระวัง รับมือและแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ เมื่อมีเหตุภัยคุกคามเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศดำเนินการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคาม และรายงานต่อสำนักงานและหน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแลโดยเร็ว และสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบการโจมตีทางไซเบอร์ สามารถติดต่อและส่งเอกสารได้ที่ ncert@ncsa.or.th หรือโทร. 0-2141-6885

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) หรือ National Cyber Security Agency : NCSA ได้ที่ เฟซบุ๊ก NCSA Thailand




Share:

Panthera Group (แพนธีร่า กรุ๊ป) หั่นค่าเช่าช่วยผู้ประกอบการรับมือวิกฤตโควิด พร้อมให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพยุง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาคกลางคืนอยู่รอด

Panthera Group (แพนธีร่า กรุ๊ป) ผู้นำกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ และไนท์คลับ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือเจ้าของกิจการที่เป็นผู้เช่าซึ่งได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจในภาวะวิกฤตโควิด-19 ด้วยการปรับลดค่าเช่าพื้นที่ พร้อมเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อพยุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาคกลางคืน และเป็นตัวอย่างในเรื่องรูปแบบการให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าของที่รายอื่น ๆ

Panthera Group (แพนธีร่า กรุ๊ป) กลุ่มธุรกิจสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจร้านอาหาร ผับ บาร์ และไนท์คลับทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และเกาะสมุย เดินหน้าลดราคาค่าเช่าพื้นที่ลงถึง 67% ในปี 2563 เพื่อช่วยเยียวยาให้บรรดาผู้เช่าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนกว่าวิกฤตครั้งนี้จะจบลง

พอล เฮย์วอร์ด (Paul Hayward) ผู้ร่วมก่อตั้ง Panthera Group (แพนธีร่า กรุ๊ป)กล่าวว่า ร้านรวงและธุรกิจต่างๆ ได้รับส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ในปีที่แล้วก็จริง แต่เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนจะถูกเรียกเก็บเต็มจำนวนอีกครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งในตอนนั้นหลายๆ ธุรกิจก็ยังไม่สามารถกลับมาเปิดกันได้

“เราเห็นใจบรรดาเจ้าของผับบาร์ที่ส่วนใหญ่เจ้าของที่ไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผู้เช่ามากพอ โดยไม่มองเลยว่าธุรกิจกำลังไปไม่รอดและผู้เช่ากำลังเดินเข้าสู่ภาวะล้มละลาย ซึ่งสุดท้ายก็จบลงที่ต่างคนต่างแพ้ ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า แม้ว่าตอนนั้นการลดค่าเช่าลงถึงครึ่งหนึ่งดูจะสมเหตุสมผลอยู่แล้ว แต่เรายังรู้สึกว่าถ้าขอเลือกเก็บแค่เพียงหนึ่งในสาม เราจะสามารถหาคนเช่าที่ยังพอจะประคองธุรกิจได้มาอยู่กับเรา” พอล เฮย์วอร์ด กล่าว

ส่วนธุรกิจที่ดูไม่น่าไปต่อได้แม้จะได้รับการเสนอลดค่าเช่าลงแล้วก็ตาม ทาง Panthera Group (แพนธีร่า กรุ๊ป) ยังได้เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่ง Paul Hayward (พอล เฮย์วอร์ด) เรียกว่า “ทุนยังชีพ” ซึ่งคำว่า “ยังชีพ” ในที่นี้ไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจใครธุรกิจมัน แต่เพื่อภาพรวมการอยู่รอดของอุตสาหกรรมธุรกิจสถานบันเทิงในมุมมองระดับประเทศ “หากร้านรวงต่างทยอยกันปิดตัวลงมันจะส่งผลกระทบอย่างมากกับทั้งพื้นที่ในมุมกว้างเมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เราต้องคงมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนที่ดีเอาไว้ให้กับนักท่องเที่ยว เราคงไม่อยากเห็นภาพนักท่องเที่ยวแห่กันไปเที่ยวที่ประเทศอื่น” คุณเฮย์วอร์ดยังกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องสินเชื่อว่า “ต้องมากพอที่พวกเขาจะสามารถนำไปบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเราต้องเฝ้าดูอยู่ห่างๆ”

ด้วยแผนเปิดประเทศที่ทางภาครัฐได้ตั้งเป้าประมาณการไว้ที่กลางเดือนตุลาคม เฮย์วอร์ดเชื่อว่าคำสั่งปิดสถานท่องเที่ยวภาคกลางคืนจะได้รับการผ่อนปรน “ดูจากสถานการณ์เราคาดว่าผับบาร์น่าจะได้กลับมาเปิดกันก่อนเดือนตุลาคม แต่น่าจะมาพร้อมข้อกำหนดบางอย่าง”

ทั้งนี้ เฮย์วอร์ดยังได้โพสต์ไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา “ผมมั่นใจว่าเรื่องคำสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะถูกผ่อนผันเร็วๆ นี้ และหากสถานการณ์โดยรวมเริ่มที่จะทรงตัว สถานที่เที่ยวน่าจะกลับมาเปิดได้ถึงเที่ยงคืนอีกครั้ง แต่คงไม่คึกคักเหมือนก่อน ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก” คุณเฮย์วอร์ดกล่าวเสริม “ผมเชื่อว่าเจ้าของที่หลายๆ เจ้าในที่สุดจะเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ความเป็นจริง  และจะเริ่มทบทวนค่าเช่าใหม่ตามความเป็นไปได้กับผู้เช่า ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะค้ำจุนกันจนถึงวันที่ทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ”

เฮย์วอร์ดเชื่อว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 รายได้รวมจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาคกลางคืนในส่วนของกรุงเทพมหานครน่าจะสามารถกลับมายืนได้ที่ 75% และในช่วงฤดูท่องเที่ยวรายได้รวมจะพุ่งขึ้นสูงกว่าปี 2562 ส่วนโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ที่ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมนั้น ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะนำความสำเร็จกลับมาให้กับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว “เมื่อไหร่ที่ผู้คนได้เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง การโพสต์รูปจะตามมา จะเกิดการบอกต่อถึงความมหัศจรรย์และสวยงามของประเทศไทย ในช่วงกลางเดือนกันยายน เราน่าจะได้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มเดินทางเข้ามา โรงแรมที่พักจะกลับมามีรายได้ จากนั้นนักท่องเที่ยวจะเริ่มออกเดินทางสู่จังหวัดอื่นๆ” เฮย์วอร์ด กล่าว

Share:

สสว. ร่วมกับ ISMED จัดกิจกรรมทางออนไลน์ จับคู่เจรจาธุรกิจกับคู่ค้าประเทศมาเลเซีย กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ Online Business Matching 2021 ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2564 ระหว่างผู้ประกอบการประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย หวังสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และหาช่องทางการตลาดที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพธุรกิจ ในสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยมีรายละเอียดของการจัดกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 

  • กำหนดจัดงาน : ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2564
  • สินค้า : อาหารและเครื่องดื่ม 
  • ผู้ขาย : ผู้ประกอบการไทย 61 ราย
  • ผู้ซื้อ : ผู้ประกอบการมาเลเซียกลุ่ม B2B เช่น ตัวแทนจำหน่าย ผู้กระจายสินค้า ผู้นำเข้าสินค้า ห้างร้าน ผู้ค้าปลีกค้าส่ง แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์
  • เป้าหมายการจับคู่ธุรกิจ : ผู้ประกอบการไทย 1 ราย พบคู่ค้า 3 – 5 ราย

Share:

HSBC ผนึกกำลัง ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ และ มิสยูนิเวอร์ส ไทยแลนด์ มอบ “ถุงยังชีพวันแม่แห่งชาติ”

ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ฯ ร่วมกับ ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ และ มิสยูนิเวอร์ส ไทยแลนด์ ร่วมจัดทำและมอบถุงยังชีพเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ในพื้นที่ชุมชนคลองเตย พร้อมส่งต่อพืชผักผลไม้จากเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 

วันนี้ (12 ส.ค. 64) นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้ง ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ (Food For Fighters) โดยการสนับสนุนของมูลนิธิคุวานันท์ นางสาวอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ประจำปี 2020 พร้อมด้วยตัวแทนจากผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวอร์ส ไทยแลนด์ ร่วมกันจัดทำและมอบถุงยังชีพเนื่องในวันแม่แห่งชาติ จำนวน 500 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนคลองเตย กรุงเทพฯ

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้งกลุ่มจิตอาสาฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ กล่าวว่า ได้รับการสนับสนุนให้จัดทำถุงยังชีพจากธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) จำนวน 500 ชุด โดยภายในถุงยังชีพประกอบด้วย ข้าวสาร 5 กก., น้ำแกงสำเร็จรูปจากครัวบินหลา ปลากระป๋อง น้ำมันพืช วุ้นเส้น สบู่ ชุดยาสามัญ หน้ากากอนามัย น้ำยาล้างจาน และของใช้จำเป็นอื่นๆ โดยมีตัวแทนจากผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวอร์ส ไทยแลนด์ ร่วมจัดทำถุงยังชีพดังกล่าว และนำไปมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนคลองเตย 5 แห่งประกอบด้วย ชุมชนคลองเตยล็อก 1-2-3, ชุมชนคลองเตยล็อก 4-5-6, ชุมชน 70 ไร่, ชุมชนริมคลองวัดสะพาน และชุมชนตรอกโรงหมู

นอกจากถุงยังชีพ 500 ชุด ที่ได้รับการสนุนจาก HSBC แล้ว เรายังได้นำชุดอบสมุนไพรสด ผักและผลไม้ อาทิ มังคุด แก้วมังกร กระท้อน อโวคาโด้ ที่ได้รับการสนับสนุนจัดซื้อและบริจาคมาจากเกษตรกรทุกภูมิภาค เพื่อมอบให้แก่ 5 ชุมชนในพื้นที่คลองเตย ณ ที่ทำการมูลนิธิดวงประทีป โดยมีครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ร่วมรับมอบเพื่อนำไปส่งต่อช่วยเหลือชุมชนอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ มูลนิธิดวงประทีปฯ ได้มอบถุงยังชีพให้แก่ตัวแทนชุมชนทั้ง 58 แห่ง ในกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย ซึ่งฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ยังคงเดินหน้าเป็นสื่อกลางในการส่งต่อความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ทั้งผู้ที่ขาดแคลนอาหาร คนที่ต้องกักตัว หรือผู้ติดเชื้อที่กำลังอยู่ระหว่าง Home Isolation ขอให้ทุกคนแข็งแรง ปลอดภัย ช่วยกันดูแลกันและกันเพื่อผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้” นางสาวพันชนะกล่าว

ด้าน นางสาวอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นตัวแทนกล่าวให้กำลังใจแก่ผู้อยู่อาศัยในชุมชนคลองเตีย เปิดเผยว่า ตนและผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ได้แก่ นางสาวพิมพ์ณดา กิตติวิศาลวงศ์, นางสาวณัฐฐา ทองแก้ว, นางสาว ปุณิกา กุลสุนทรวัฒน์, นางสาวแพรววัชร ชมิด, นางสาวพรปรียา จำนงบุตร และนางสาวชนากานต์ สุขสถิตย์ ต่างตั้งใจมาช่วยกันจัดทำถุงยังชีพกับ ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์  โดยนอกจากถุงยังชีพ และชุดอบสมุนไพรสดแล้ว ยังมี คุกกี้วาระพิเศษวันแม่ โดยเชฟระดับมิชลิน สตาร์ เชฟหนุ่ม ธนินทร จันทรวรรณ จากร้านชิม บาย สยามวิสดอม และไอศกรีม FFF X EDEN ORGANICS & Lamun  จำนวน 500 ชุดนำไปมอบให้แก่เด็กๆ ที่ต้องกักตัวอยู่ในชุมชนแออัดอีกด้วย 

“ปกติแล้วมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ จะมาช่วยฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์อยู่เสมอ เคยลงพื้นที่ทั้งในชุมชนคลองเตยและอีกหลายแห่ง พวกเรารู้ว่าฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ลงพื้นที่ทุกวัน โดยนำส่งข้าวกล่องส่งให้แก่ชุมชนวันละ 2 รอบ มื้อเที่ยงและมื้อเย็น และยังจัดทำถุงยังชีพและชุดยา Home Isolation มอบให้แก่ชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีกหลายจังหวัด จึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ได้มาร่วมช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอีกครั้ง และได้มีโอกาสพบกับตัวแทนชุมชนที่มารับถุงยังชีพ ทั้ง 58 แห่งในวันนี้ด้วย ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย และหากท่านใดต้องการร่วมสนับสนุนการส่งต่อความช่วยเหลือของ ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ ก็สามารถมาร่วมได้ เพราะยังมีพี่น้องประชาชนที่ยังเดือดร้อนและรอการช่วยเหลืออยู่อีกจำนวนมาก” นางสาวอแมนด้ากล่าวเชิญชวน

ขณะที่ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิดวงประทีป ซึ่งร่วมรับมอบถุงยังชีพและนำส่งต่อให้แก่ตัวแทนชุมชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กล่าวว่า ขอขอบคุณธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ฯ ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์ และ มิสยูนิเวอร์ส ไทยแลนด์ ที่ได้ร่วมกันจัดทำถุงยังชีพและส่งต่อความช่วยเหลือให้แก่พี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง 

“ภาพในวันนี้ที่เห็นได้ชัดคือภาพของการลงมือทำตามความถนัดของแต่ละคน ใครมีทุนทรัพย์ก็ร่วมบริจาคเงิน ใครมีของก็ช่วยเป็นของ ใครมีแรงก็ช่วยเป็นแรง เพราะทุกคนรู้ดีว่าในสภาวะวิกฤตินี้มีพี่น้องประชาชนที่ยังเดือดร้อนอีกเป็นจำนวนมาก ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างที่เราต้องร่วมมือกันลดการแพร่ระบาดและรักษาผู้ติดเชื้อไปพร้อมๆ กัน และภายใต้ความร่วมมือของประชาชนที่ลุกขึ้นมาช่วยกันนี้ อีกทางหนึ่งก็นับเป็นความหวังกำลังใจให้แก่กันด้วยว่า เราจะต้องรอดไปด้วยกันให้ได้” นางประทีปกล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์ : บริษัท ออน อาร์ต ครีเอชั่น จำกัด 
ชื่นกมล ศรีสมโภชน์ โทร. 081 915 5161 | อีเมล : salathai@gmail.com
สรวิศ ลิ้มโอภาส พูลสวัสดิ์ โทร. 062 625 9989 | อีเมล: sorawit.onart@gmail.com

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก