บำรุงราษฎร์ พัฒนาต่อยอดศูนย์จักษุ เปิดตัว ‘ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา’ (Cornea Transplant Center)

เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่มีศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตาที่ให้บริการครอบคลุมทุกการรักษาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับกระจกตา 

องค์การอนามัยโลกระบุว่า ประชากรทั่วโลกมีปัญหาทางสายตาประมาณ 2.2 พันล้านคน ส่วนใหญ่เป็นปัญหาจากความผิดปกติทางสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือจากโรคต้อกระจก ที่ไม่ได้รับการแก้ไข รักษา ทั้งนี้ จากผลสำรวจ The first rapid assessment of avoidable blindness (RAAB) ในประเทศไทย ระบุว่าตาบอดสามารถป้องกันได้กว่า 92% และสามารถรักษาได้กว่า 76.8% 

โดยสาเหตุของสภาวะตาบอดเกิดจากปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ โรคต้อกระจก, โรคต้อหิน และโรคกระจกตา ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียการมองเห็น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 จะมีผู้คนทั่วโลกประมาณ 115 ล้านคน ที่จะสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอด และด้วยความมุ่งมั่นของบำรุงราษฎร์ที่ได้ยกระดับการรักษาสู่ขั้นจตุตถภูมิ (Quaternary Care) เพื่อให้การบริบาลดูแลผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม 

ล่าสุดบำรุงราษฎร์ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิด ‘ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา’ หรือ ‘Cornea Transplant Center’ นับเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่มีศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตาที่ให้บริการครอบคลุมในทุกการรักษาที่เกี่ยวกับกระจกตา โดยได้พัฒนาต่อยอดจาก ‘ศูนย์จักษุ’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ของบำรุงราษฎร์ที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งในการบริบาลทางการแพทย์โดยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกด้านเกี่ยวกับดวงตาและทีมสหสาขาวิชาชีพ ผนวกกับการใช้นวัตกรรมขั้นสูงสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา 

ภายในงานได้รับเกียรติจาก ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ CEO โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเปิดงานแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงทีมจักษุแพทย์ ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประกอบด้วย พญ. เมทินี ศิริมหาราช หัวหน้าศูนย์จักษุ, นพ. ธีรวีร์ หงษ์หยก แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระจกตาและผ่าตัดแก้ไขสายตา และรศ.พญ. งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ ประธานชมรมกระจกตาและการแก้ไขสายตาแห่งประเทศไทยและแพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระจกตา ร่วมเสวนาถึงศักยภาพและความพร้อมในการดูแลรักษาโรคกระจกตา โดยมีคุณมยุรา เศวตศิลา เป็นผู้ดำเนินรายการ 

วิธีการปลูกถ่ายกระจกตา จะเป็นการผ่าตัดเอากระจกตาของผู้ป่วยที่ขุ่นหรือเป็นโรคออก แล้วปลูกถ่ายด้วยกระจกตาของผู้บริจาค ข้อดีของการรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระจกตา คือจะช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระจกตาในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระจกตาบางหรือทะลุ และช่วยควบคุมการติดเชื้อที่กระจกตาในกรณีที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งการรักษาจะใช้กล้องผ่าตัดรุ่นใหม่ที่มีการผนวกเทคนิคที่ช่วยในการตรวจชั้นต่างๆ ของกระจกตาในระหว่างผ่าตัด (Microscope-integrated intraoperative optical coherence tomography) ช่วยให้การผ่าตัดกระจกตามีความแม่นยำมากขึ้น 

การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ 1. การปลูกถ่ายกระจกตาทุกชั้น (Penetrating keratoplasty) กรณีที่ผู้ป่วยมีกระจกตาขุ่นทุกชั้น (ซึ่งกระจกตามีทั้งหมด 5 ชั้นย่อย หรีอ 3 ชั้นหลัก คือ ชั้นผิวหรือชั้นบน ชั้นกลาง และชั้นหรือชั้นเยื่อบุ) หรือทำงานได้ไม่ดี การผ่าตัดวิธีนี้ จะผ่าตัดโดยเอากระจกตาทุกชั้นที่มีพยาธิสภาพออกและนำกระจกตาที่มีความหนาแบบเดียวกันและมีทุกชั้นใส่เข้าไปแทนที่ และ 2. การปลูกถ่ายกระจกตาเฉพาะชั้น (Lamellar keratoplasty) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระจกตาเสียหายเฉพาะบางส่วน ก็จะทำการปลูกถ่ายเฉพาะบางชั้น ได้แก่ การปลูกถ่ายกระจกตาเฉพาะชั้นบน (Anterior lamellar keratoplasty) ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องตัดกระจกตาชั้นเยื่อบุโพรงหรือกระจกตาชั้นในสุดทิ้งไป จึงช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ร่างกายผู้ป่วยจะปฏิเสธกระจกตาที่เกิดจากการปลูกถ่ายได้ รวมทั้งลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ด้วย การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเฉพาะชั้นอีกชนิดหนึ่งคือ การปลูกถ่ายกระจกตาเฉพาะชั้นเยื่อบุโพรงกระจกตาหรือกระจกตาชั้นใน (Endothelial keratoplasty) เป็นการนำเยื่อบุโพรงกระจกตาชั้นในที่มีพยาธิสภาพออก และทดแทนด้วยเยื่อบุโพรงกระจกตาจากดวงตาบริจาคที่นำมาปลูกถ่าย ซึ่งกระจกตาชั้นนี้มีความบางมาก ประมาณ 10-15 ไมครอน จึงเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนมาก นอกจากนี้การผ่าตัดชนิดนี้ยังมีขนาดแผลผ่าตัดที่เล็กเพียง 3-5 มิลลิเมตร ทำให้ลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้มาก ที่สำคัญ มีการฟื้นตัวของสายตาที่เร็วมากนับเป็นสัปดาห์ เร็วกว่าการปลูกถ่ายกระจกตาทุกชั้นอย่างมาก

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการโรคกระจกตาที่ซับซ้อนมากขึ้น ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการหลากหลายสาขาที่พร้อมให้การบริบาลดูแลรักษาโรคที่ซับซ้อน และมีเทคนิคการรักษาที่หลากหลาย โดยบางครั้งแพทย์อาจต้องใช้วิธีอื่นรักษาร่วมด้วย เช่น Phototherapeutic Keratectomy (PTK) คือการรักษาโรคของกระจกตาด้วยเอ็กไซเมอเลเซอร์, การฉายแสงอัลตราไวโอเลตเอ เพื่อเสริมความแข็งแรงเส้นใยคอลลาเจนในกระจกตา และการผ่าตัดใส่วงแหวน เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา เพื่อให้การมองเห็นมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

ด้วยสถานการณ์การจัดหาและบริการดวงตาของศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย พบว่าผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการปลูกถ่ายกระจกตาจะต้องใช้เวลารอคิวบริจาคประมาณ 3-5 ปี ปัจจุบันยังมีผู้รอคอยดวงตามากกว่า 17,000 คน ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา อาจทำให้อาการผู้ป่วยจากที่เป็นน้อยๆ เริ่มเป็นมากขึ้น ส่งผลให้การรักษายากขึ้นและมีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น กรณีที่เบาหวานขึ้นตาก็ไม่สามารถยิงเลเซอร์รักษาได้ ทำให้ภาวะของโรคแย่ลง และมีภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา  

ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงเป็นอีกทางเลือกที่มีศักยภาพและมีแนวทางในการดำเนินการจัดหาดวงตาบริจาคเพื่อนำไปผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น นับเป็นการแบ่งเบาภาระจากภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระจกตาให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพในเวลาที่เหมาะสมให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพการมองเห็นและคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตา ควรเข้ารับบริการตรวจ screening สุขภาพตาเป็นประจำทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 18 อาคาร A (คลินิก) หรือโทร. 0-2 011 3886 หรือโทร. 1378 

Share:

“โครว์” เฉือนสโตรคเดียว คว้าแชมป์ เอเชีย-แปซิฟิก อเมเจอร์ฯ พร้อมตั๋วลุยสองรายการเมเจอร์

 

30 ตุลาคม 2565 – แฮร์ริสัน โครว์ นักกอล์ฟหนุ่มจากออสเตรเลีย พลิกสถานการณ์คว้าแชมป์เอเชีย-แปซิฟิก อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 ที่สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจบด้วยสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 เฉือน โบ จิ้น ก้านเหล็กชาวจีนที่มาพลาดเสียดับเบิ้ลโบกี้ที่หลุม 17 พาร์ 3 ไปแค่สโตรคเดียว ด้าน พงศภัค เหล่าภักดี ทำผลงานดีสุดในกลุมนักกอล์ฟไทย จบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 280 รั้งอันดับ 5 ร่วม    

สมาพันธ์กอล์ฟเอเชีย-แปซิฟิก (เอพีซีจี) ร่วมกับ เดอะ มาสเตอร์ส ทัวร์นาเมนต์ และ เดอะ อาร์แอนด์เอ จัดการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นรายการสำคัญของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายการ “เอเชีย แปซิฟิก อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ” หรือ “เอเอซี” ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคมที่ผ่านมา  ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ ระยะ 7,502 หลา พาร์ 72 จ.ชลบุรี โดยมีนักกอล์ฟสมัครเล่นระดับแถวหน้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมชิงชัย 120 คนจาก 39 สมาชิกสหพันธ์ร่วมแข่งขัน ซึ่งรวมถึง 11 นักกอล์ฟจากไทย ประกอบด้วย รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ มือสมัครเล่นอันดับ 12 ของโลก, วีรวิชญ์ นาคประชา เจ้าของเหรียญทองแดงบุคคลซีเกมส์ที่เวียดนาม, พงศภัค เหล่าภักดี อดีตแชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น สองสมัย, อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช แชมป์ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น คนล่าสุด, จอมยุทธ์ เหลืองธนะอนันต์, จิรภัทร รุจิรวัฒน์, ณัฎฐพัชร์ แก้วพิบูลย์, ศุภกิจ สีลานาแก, ศรุต วงค์ชัยสิทธิ์, รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ และ อิงตะวัน หวังรุ่งวิชัยศรี

รอบสุดท้ายของการชิงชัย สถานการณ์การลุ้นแชมป์ช่วง 9 หลุมแรก โบ จิ้น ผู้นำสองวันแรก เร่งเครื่องทำเข้ามา 3 เบอร์ดี้ เสียไป 1 โบกี้ ขึ้นแซง แฮร์ริสัน โครว์ ผู้นำจากรอบที่ 3 ที่สตาร์ทไม่ดีเสีย 3 โบกี้ ก่อน โครว์ จะเร่งเครื่องทำ 3 เบอร์ดี้ติดตั้งแต่หลุม 11 จนถึงหลุม 13 ตามด้วยอีก 1 เบอร์ดี้ที่หลุม 15 และเสียโบกี้ที่หลุม 16 ขยับมาตามหลัง โบ จิ้น เหลือ 1 สโตรค กระทั่งหลุม 17 พาร์ 3 ระยะ 152 หลา ซึ่งเป็นหลุมซิกเนเจอร์ของสนามอมตะฯ กับกรีนในเกาะกลางน้ำ โบ ทีช็อตตกน้ำเสียดับเบิ้ลโบกี้ ขณะที่ โครว์ เก็บพาร์แซงขึ้นนำ ถึงหลุมสุดท้ายได้พาร์ทั้งคู่ ทำให้จบเกม โครว์ ที่รอบนี้ทำอีเวนพาร์ 72 สกอร์รวมสี่วัน 13 อันเดอร์พาร์ 275 คว้าแชมป์พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เดอะ มาสเตอร์ส และ ดิ โอเพ่น ในปี 2023 ขณะที่ โบ ที่คว้าสิทธิ์ควอลิฟายรอบสุดท้ายของการแข่งขัน ดิ โอเพ่น ในปี 2023

โครว์ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟชาวออสเตรเลียนคนที่ 3 ต่อจาก อันโตนิโอ มูร์ดาก้า (2014) และ เคอร์ติส ลัค (2016) เผยหลังคว้าแชมป์ว่า "ผมแทบทำเบอร์ดี้ไม่ได้เลยตลอดทั้งวัน จนมาถึงหลุม 11 มันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัน อย่างที่ผมเคยบอกว่าปีนี้ฟอร์มไม่ค่อยดี สัปดาห์นี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมทำได้ และภูมิใจตัวเองที่สามารถปิดเกมได้ เหมือนกับที่ได้ให้คำมั่นกับโค้ชทางโทรศัพท์ก่อนที่จะเริ่มแข่งขัน กับสิ่งที่ทำมาตลอดมันได้ผลลัพธ์ที่ดีตอบแทนกลับมา"

พร้อมกันนั้นแชมป์ยังเผยถึงเหตุการณ์ในหลุมสุดท้ายด้วยว่า "ผมตื่นเต้นมาก และชอตสองเกือบจะตีตกน้ำ แต่โชคดีที่ยังสามารถพาตัวเองจนกลับมาเซฟพาร์ได้ และวันนี้ผมพัตต์ได้ดีมาก ก่อนมาร่วมแข่งขันก็ไม่ได้คาดหวังอะไร แค่มาร่วมแข่งขันเพื่อพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น และทุกอย่างออกมาเกินคาดมาก การได้ไปร่วมแข่งขันใน ดิ โอเพ่น และ เดอะ มาสเตอร์ส ปีหน้ากับการแข่งที่จะไปเล่นที่ รอยัล เมลเบิร์น ที่ ออสเตรเลีย ถือว่าน่าสนใจ เพราะไม่เคยเล่นที่นั่นมาก่อนด้วย มันคงเป็นสัปดาห์ที่สนุกอย่างแน่นอน"

ทางด้าน เจฟฟ์ ก๋วน จากออสเตรเลีย และ เรียวตะ ซูซูกิ ของญี่ปุ่น จบด้วยอันดับ 3 ร่วมด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 279 ขณะที่ "ฟีฟ่า" พงศภัค เหล่าภักดี วัย 17 ปี เป็นนักกอล์ฟไทยที่ผลงานดีที่สุด หลังจบด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 280 รั้งอันดับ 5 ร่วมกับ คาร์ล คอร์ปุส จากฟิลิปปินส์, มาซาโตะ ซูมิอูจิ, มินาโตะ โอชิมะ และ เลโอะ โอโยะ สามนักกอล์ฟจากญี่ปุ่น และ มินห์ยอค ซอง จากเกาหลีใต้

พงศภัค ที่ลงแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรกเผยว่า "ภูมิใจเพราะเป็นการลงแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกและสามารถติดท็อป 5 แต่ยังมีอะไรต้องปรับอีกเยอะ สำหรับการแข่งขันปีหน้าที่ รอยัล เมลเบิร์น ที่ออสเตรเลีย ก็หวังว่าจะได้รับโอกาสอีกครั้ง และยังมีเวลาอีก 1 ปีให้ฝึกซ้อม เพราะจากที่เห็นเราสู้กับนักกอล์ฟต่างชาติได้สบาย แค่ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อยากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รวมถึงการได้รับโอกาสร่วมแข่งขันรายการดีๆ แบบนี้ ซึ่งได้สัมผัสนักกอล์ฟฝีมือดีมากมาย"

สำหรับผลงานนักกอล์ฟไทยคนอื่น "ทีเค" รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ จบอันดับ 13 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282, ศรุต วงศ์ชัยสิทธิ์ รั้งอันดับ 17 ร่วม จากผลงานรวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 ด้าน รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ สกอร์อีเวนพาร์ 288 จบอันดับ 35 ร่วม และ อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช จบสกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 289 รั้งอันดับ 38 ร่วม

ติดตามรายละเอียดและความเคลื่อนไหวของการแข่งขันกอล์ฟรายการ เอเชีย-แปซิฟิก อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ได้ทางเว็บไซต์ www.aacgolf.com

สรุปผลการแข่งขัน

1.(-13) 275 แฮร์ริสัน โครว์(ออสเตรเลีย) ‪69-67-67-72‬


2.(-12) 276 โบ จิ้น(จีน) ‪65-69-71-71‬


3.(-9) 279 เจฟฟ์ กวน (ออสเตรเลีย) ‪72-70-68-69‬, เรียวตะ ซูซูกิ(ญี่ปุ่น) ‪67-69-70-73‬


5.(-8) 280 คาร์ล คอร์ปุส(ฟิลิปปินส์) ‪75-66-71-68‬, มาซาโตะ ซึมิอุจิ(ญี่ปุ่น) ‪68-71-72-69‬, มินาโตะ โอชิมะ(ญี่ปุ่น) ‪68-72-70-70‬, เลโอะ โอโยะ(ญี่ปุ่น) ‪69-71-70-70‬, พงศภัค เหล่าภักดี ‪68-69-71-72‬, มินห์ย็อค ซอง (เกาหลีใต้) ‪68-69-68-75

ผลงานนักกอล์ฟไทย

  • T13.(-6) 282 รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ ‪67-68-76-71‬
  • T17.(-5) 283 ศรุต วงศ์ชัยสิทธิ์ ‪71-70-72-70‬
  • T35.(E) 288 รัญชนพงศ์ อยุ่ประยงค์ ‪74-69-75-70‬
  • T38.(+1) 289 อชิตะ เปี่ยมกุลวนิช ‪73-71-68-77‬
Share:

สุขสันต์วันคล้ายวันเกิด เอิร์ธ สายสว่าง บนเรือสำราญ Wonderful Pearl ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา

เอิร์ธ สายสว่าง จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด โดยมี เจ้าของเรือ  พิชิต กุลเกียรติเดช มามอบความบันเทิง ไห้ด้วย...

ศิลปินดารานักแสดงและเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการบริหาร สถาบันวิทยาการธรรมศาสตร์เพื่อสังคม 

และเพื่อนผู้เข้าร่วมการอบรมหลักสูตรนักบริหาร(นมธ.) 

พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร, พร้อมทั้งนักร้องชื่อดัง ชรัส เฟื่องอารมย์, รัศมี สิริไพรศรี, โจแอน บุญสูงเนิน , จารึก วิริยะกิจ...และ เพื่อนๆ ...มาสร้างสีสันให้ความบันเทิงอย่างสนุกสนานบนเรือสำราญ Wonderful Pearl  

พร้อมชื่นชมทัศยภาพงานสถาปัตยกรรมของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สุดแสนโรแมนติก

Share:

จากความกตัญญู สู่การแทนคุณแผ่นดิน “ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ” เปิดตัวอาคารหอบรรพบุรุษตระกูลหวาง (อึ๊ง) และมูลนิธิฯ เพื่อดำเนินกิจการสาธารณกุศล

ดร.ไชยวัฒน์   เหลืองอมรเลิศ  ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้  ผู้ดำเนินธุรกิจ  “สยามอะเมซิ่งพาร์ค”  สวนน้ำสวนสนุกชั้นนำของประเทศไทย  และโครงการส่วนขยาย  “บางกอกเวิลด์”  ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า  OTOP  และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร   ถือฤกษ์ดีวันคล้ายวันเกิดอายุครบ  84  ปี วันที่  28  ตุลาคม  พ.ศ. 2565  ทำพิธีเปิดอาคารหอบรรพบุรุษตระกูลหวาง  (อึ๊ง)  และที่ทำการมูลนิธิ  ดร.ไชยวัฒน์  เหลืองอมรเลิศ   (เฮี้ยงเม่งตั้ว)  ในพื้นที่บางกอกเวิลด์   โดยมีพระอาจารย์คณาณัติจีนพรต  (เย็นงี้)  เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  และนายสนั่น  อังอุบลกุล  ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ดร.ไชยวัฒน์  กล่าวว่า  อาคารหอบรรพบุรุษตระกูลหวาง  (อึ๊ง)  และที่ทำการมูลนิธิ  ดร.ไชยวัฒน์  เหลืองอมรเลิศ   (เฮี้ยงเม่งตั้ว)  ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ  และเป็นเครื่องระลึกเตือนใจว่าความสำเร็จของครอบครัว  “เหลืองอมรเลิศ”  ลูกหลานสายหนึ่งของตระกูลหวาง  ส่วนหนึ่งเกิดมาจากปัญญาอุตสาหะที่ได้รับการสืบทอดมาจากคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ  เมื่อชีวิตประสบความสำเร็จแล้วก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันกลับคืนสู่สังคม  เพื่อแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด 

สำหรับหอบรรพบุรุษตระกูลหวาง  (อึ๊ง) ก่อสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน  ตัวอาคารประดับประดาตกแต่งด้วยอักษรจีนและภาพมงคล  ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม  เทพเจ้ากวนอู  องค์ไฉ่ซิงเอี๊ยปางบู๊ ฮก ลก ซิ่ว และอีกมากมาย  เพื่อความเป็นสิริมงคล  

ในส่วนของมูลนิธิ  ดร.ไชยวัฒน์  เหลืองอมรเลิศ   (เฮี้ยงเม่งตั้ว)  ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิฯ  ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ณ  วันที่  25  สิงหาคม  2564  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการสาธารณกุศลด้านต่าง  ๆ  อาทิ  ด้านการศึกษา  มอบทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดีแต่ฐานะยากจน  มอบอุปกรณ์การเรียนการสอน  อุปกรณ์กีฬา  ให้แก่สถานศึกษาที่ขาดแคลน  ด้านสาธารณภัย  ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยต่าง  ๆ  ตลอดจนร่วมมือกับองค์การการกุศลและองค์การสาธารณประโยชน์ในการให้ความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์   สมดังเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของ  ดร.ไชยวัฒน์  เหลืองอมรเลิศ  ที่ต้องการฝากหอบรรพบุรุษและมูลนิธิฯ  แห่งนี้ไว้เป็นมรดกแห่งชีวิตที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

Share:

แอร์แคเรียร์ ชวนหนุ่มตี๋สุดฮอต “บลู พงศ์ทิวัตถ์” ร่วมฉลองมหกรรมครบรอบ 120 ปี พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “เซฟค่าไฟ แค่ใช้แอร์แคเรียร์” การันตีความประหยัดพลังงาน

บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศรายแรกของโลกสัญชาติอเมริกา ภายใต้แบรนด์ แคเรียร์ (Carrier) จัดมหกรรมครบรอบ 120 ปี พร้อมเปิดตัวแคมเปญพิเศษสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี “เซฟค่าไฟ แค่ใช้แอร์แคเรียร์” เพื่อส่งต่อประสบการณ์ความเย็นรูปแบบใหม่ของเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ 2 ซีรีส์ล่าสุดที่โดดเด่นเรื่องความประหยัดพลังงาน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมความเย็นที่แตกต่าง มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัวอย่างลงตัว โดยมีดาราหนุ่มตี๋สุดฮอตขวัญใจสาวๆ บลู พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความชื่นชอบ และการเลือกของแต่งบ้านโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ พร้อมเชิญชวนแฟนๆ ร่วมกิจกรรม “เซฟค่าไฟ แค่ใช้แอร์แคเรียร์” กันอย่างใกล้ชิด ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายวรเศรษฐ์ ตันติศิริวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 120 ปี เราจึงจัดมหกรรมใหญ่ที่ให้ผู้บริโภคได้ร่วมแชร์ประสบการณ์การเซฟค่าไฟแบบครบทุกมิติ พร้อมนำเสนอศักยภาพของเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ของแคเรียร์ 2 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด คือ Carrier Color Smart และ Carrier XInverter Plus ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์สวยงาม ทันสมัย ปรับโฉมได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน และนวัตกรรมความเย็นที่แตกต่างสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังตอกย้ำปณิธานของแคเรียร์ที่ว่า ‘เครื่องปรับอากาศแคเรียร์ นวัตกรรมความเย็นเพื่อความสุข’ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ ‘เซฟค่าไฟ แค่ใช้แอร์แคเรียร์’ อย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันและการันตีถึงความคุ้มค่าในการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้งานเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ทั่วประเทศ ซึ่งสอดรับกับความตั้งใจในการดูแลให้บริการที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจของเรา เพราะทุกอย่างที่มาจากแคเรียร์ มาจากความตั้งใจที่จะเป็นแอร์ที่ดีทีสุดของคุณ”

ด้าน บลู พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมการเฉลิมฉลองครอบรอบ 120 ปีของแอร์แคเรียร์ในประเทศไทย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบการแต่งบ้านในสไตล์สนุกสนาน เน้นสีสัน และเป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นแอร์แคเรียร์ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของผมมากๆ ทั้งดีไซน์ที่โดดเด่น สวยงาม รวมถึงสามารถเปลี่ยนหน้ากากผ้าให้เป็นลวดลายหรือสีที่เราต้องการได้ทันที ซึ่งทำให้ห้องดูมีมิติขึ้นด้วย ดังนั้นแฟนๆ ที่สนใจอยากแต่งห้องตามสไตล์ของตัวเองก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษกับทางแคเรียร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเซฟค่าไฟกันเยอะๆ นะครับ”

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมออกบูธ พร้อมแชร์ประสบการณ์จากสุดยอดกูรูในด้านต่างๆ พร้อมตัวแทนผู้ใช้งานจริงตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน อาทิ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ทอล์กในหัวข้อ“ค่าไฟแพงขึ้น เซฟค่าไฟยังไงดี” โดยวิทยากรจาก กฟผ., “Design x Lifestyle” โดยจรวยพร คามวัลย์ ผู้ก่อตั้ง IMNOTAMORNINGPERSON BANGKOK และตรีเนตร พิสิฐสิฬษ์ ผู้ก่อตั้ง L SCAPE, “เสริมความปัง ด้วยพลังความเย็น” โดยมาดามฮวงจุ้ย และ“Innovation x Air Condition” โดย ดร.เอิ้น ปานระพี รพีพันธุ์ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสร้างความสนุกต่างๆ อีกมากมาย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/carrierthailand หรือทางเว็บไซต์ www.carrierthailand.com หรือสายด่วนแอร์บ้านแคเรียร์ 1454

Share:

ผู้จัดงานเครื่องหนังสุดปลื้ม งาน APLF ASEAN Special Edition 2022 ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

Mr.David Bondi ผู้อำนวยการ APLF และรองประธานอาวุโสของ Informa Markets Asia กล่าวถึงการจัดงาน APLF ASEAN Special Edition 2022 เมื่อวันที่ 19-21 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) เพื่อเปิดโอกาสให้นักออกแบบไทยและกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมเครื่องหนังในอาเซียน ได้เชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์เครื่องหนังชั้นนำจากทั่วโลกมากกว่า 200 ราย ว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

โดยงานดังกล่าวเป็นการจัดขึ้นภายใต้รูปแบบ MEET ได้แก่ Matching, Education, Experience และ Tradeshow มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ได้พบปะพูดคุยทางธุรกิจเพื่อต่อยอดให้อุตสาหกรรมเครื่องหนังทั้งของไทยและของหลายประเทศที่มาร่วมงานได้เป็นที่รู้จักและต่อยอดสู่สากลระดับโลก ผ่าน Business Matching ทั้ง 7 เซสชั่น ในหัวข้อ และรูปแบบ ที่หลากหลาย พร้อมได้เชิญ 10 สุดยอดนักออกแบบกระเป๋าในประเทศและนักออกแบบชาวอินโดนีเซีย ร่วมนำเสนอผลงานการออกแบบเครื่องหนังอันเป็นเอกลักษณ์ และแบ่งปันเรื่องราวและแนวคิดการออกแบบให้แก่ผู้เข้าชมงาน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างดี


นอกจากนี้ APLF ASEAN ยังร่วมสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ กับโครงการ Next Leather Goods Designers โดยมีสถาบันการศึกษาในประเทศไทย 5 แห่ง เข้าร่วมโครงการได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นอกจากจัดแสดงผลงานที่สร้างสรรค์โดยนักศึกษาแล้ว ผู้จัดงานยังเชิญให้นักศึกษามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเรียนออกแบบและแนวคิดในการรังสรรค์ผลงานในวันสุดท้ายของงาน APLF ASEAN อีกด้วย

Mr.David Bondi ระบุว่า การจัดงาน APLF ASEAN Special Edition 2022 เป็นการรวบรวมผู้แสดงสินค้าเครื่องหนังชั้นนำจากทั่วโลก และนักธุรกิจในแวดวงเครื่องหนังจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แม้ว่าในเดือนมีนาคมปี 2566 ได้มีกำหนดจัดงาน APLF Dubai ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหลายประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ผมหวังว่างานนี้ก็จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมงานเช่นกัน ถือได้ว่า APLF ASEAN เป็นมากกว่างานแสดงสินค้าเพราะได้ผสมผสานแนวคิดการจัดงาน การให้ความรู้ และมอบประสบการณ์เครื่องหนังอย่างครบครันไว้ในงานเดียว”

“ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 3 วัน เราพบว่าได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ ผู้ผลิต และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องหนังจำนวนมาก หลายท่านได้มีโอกาสเจรจาซื้อขายวัตถุดิบเครื่องหนังคุณภาพเพื่อการผลิต นำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจในด้านต่างๆ บางประเทศทางโซนยุโรปที่มาร่วมออกบูธในงานได้มีการนัดหมายเพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตทางฝั่งอาเซียน หรือมีการแลกเปลี่ยน Know How เทคนิคการผลิต สู่โอกาสการเติบโตทางธุรกิจต่อไปในอนาคตด้วยซึ่งถือว่าการจัดงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการจัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งทุกวัน” Mr.David Bondi กล่าวในท้ายที่สุด

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก