นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ปีนี้รางวัล PM’s Export Award 2023 ดำเนินการภายใต้แนวคิด “Better Vision Brighter Future: เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยมุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต อย่างเต็มภาคภูมิ” เพื่อเป็นการต้อนรับการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ปีที่ 31 สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพ โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 30 ปี มีผู้ได้รับรางวัลแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 784 รางวัล จาก 257 บริษัท ในปีที่ผ่านมา กรมได้มีการทบทวนหลักเกณฑ์เพื่อยกระดับรางวัลให้สอดรับต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก และแนวทางการพัฒนาภาคการส่งออกไทย โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนจากภาคการผลิตสินค้ามาสู่ภาคบริการมากขึ้น โดยนำแนวคิดเรื่องนวัตกรรมและการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) มาเพิ่มเป็นน้ำหนักคะแนนของเกณฑ์การตัดสินแต่ละสาขารางวัล ซึ่งประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของประเทศ”
รางวัล PM’s Export Award 2023 แบ่งออกเป็น 7 ประเภทสาขารางวัลประกอบด้วย
1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม Best Exporter
2. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม Best Thai Brand โดยจำแนกระดับและประเภทแบรนด์ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
2.1 ระดับ Existing Brand แบรนด์ที่มีมายาวนาน แบ่งเป็น Corporate Brand และ Product Brand
2.2 ระดับ Emerging Brand แบรนด์ที่เกิดใหม่ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคล และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในช่วง 1-4 ปี
3. รางวัลธุรกิจ BCG ส่งออกยอดเยี่ยม Best BCG Exporter ซึ่งเป็นการปรับจากรางวัลสินค้าส่งเสริมนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Best Innovation) เพื่อให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ Bio Circular-Green Economy Model หรือ BCG
4. รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) โดยมีการเพิ่มกลุ่มผลงานการออกแบบระบบ บริการและแพลตฟอร์มดิจิทัล
5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise) แบ่งออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย
- สาขาโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง/คลินิกเฉพาะทาง (Health & Wellness)
(เพิ่มจาก 1 สาขารางวัลเป็น 2 สาขารางวัล)
- สาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟแวร์ (Digital Content & Software)
- สาขาโลจิสติกส์การค้า (ELMA)
- สาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing and Packaging) (เพิ่มเป็น 2 สาขารางวัล)
6. รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) ซึ่งปีนี้ มีการเพิ่มกลุ่มรางวัล เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
6.1 กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ที่มีการส่งออกด้วยตนเอง (BEST OTOP)
6.2 กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ที่ยังไม่เคยส่งออกด้วยตนเอง แต่มีศักยภาพในการส่งออก (OTOP New Face Exporter)
7. รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal)
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการตัดสินรางวัล PM’s Award Export กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปีนี้กรมได้พัฒนาและยกระดับรางวัล Prime Minister’s Export Award ให้สอดรับกับเศรษฐกิจยุคใหม่ ใน 5 มิติ ได้แก่ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation & technology), การออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ (Design & Creativity), การสร้างแบรนด์และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Branding & Value Creation), การพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (BCG Model) และมีเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals (SDGs)) โดยประเด็นที่ท้าทายดังกล่าวได้ถูกนำไปพัฒนาและปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาตัดสินรางวัลให้ครอบคลุมทั้ง 7 ประเภทสาขาของรางวัล PM’s Award Export โดยองค์กรธุรกิจยุคใหม่ควรแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการ บริหารในด้านต่างๆ เช่น แนวทางหรือแผนงานด้าน BCG และ SDGs การลงทุนสำหรับการผลิตหรือเทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน พลังงานสะอาด ด้านการวิจัยและพัฒนา รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม New Technology / New material / Eco Material นอกจากนี้กรมยังต้องการส่งเสริม Micro และ SMEs สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในรางวัลนี้มากขึ้น เช่น ธุรกิจ Start up Emerging Brand เป็นต้น อีกทั้งภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรพิเศษจาก 4 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล PM’s Export Award จากปีที่ผ่านมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจ และประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ของการทำธุรกิจ เพื่อเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยวิทยากรพิเศษดังกล่าว ประกอบด้วย
1. คุณโกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จำกัด ผู้ผลิตของเล่นไม้สำหรับเด็กจากมุมมองความยั่งยืน รายแรกของโลกที่ได้เปลี่ยนไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ำยาง และผง ขี้เลื่อยให้กลายเป็นวัสดุใหม่ PlanWood มาใส่ความคิดสร้างสรรค์จนกลายเป็นของเล่นไม้จากยางพาราที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ภายใต้แบรนด์ PlanToys
2. คุณนิติพันธุ์ ดารกานนท์ กรรมการ บริษัท โซไนต์ อินโนเวทีฟ เซอร์เฟสเซส จำกัด บริษัทผู้คิดค้น นำวัสดุที่เหลือทิ้งจากภาคเกษตรไม่ว่าจะแกลบข้าว กะลามะพร้าว และผักตบชวา มาทำเป็นสิ่งที่มีคุณค่า Material Development แปรรูปเป็นของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้านในดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมชูคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการใช้งานทนทาน มีมาตรฐาน และยั่งยืน
3. คุณวราภรณ์ มนัสรังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เฟรช จำกัด บริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมผลสดเป็นบรรจุภัณฑ์ในตัวเองเพื่อสร้างความยั่งยืนจากการทำวิจัยนวัตกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคมะพร้าวน้ำหอมที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น ภายใต้ชื่อ "coco Thumb"
4. คุณอัจฉรา ปู่มี กรรมการผู้จัดการบริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้สร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องทำน้ำร้อน และเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน จากจุดเด่นนำพลังงานที่สูญเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ และลดปริมาณการใช้พลังงานเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน (Sustainability)
สำหรับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล PM’s Export Award จะได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ของกรมและพันธมิตร รวมทั้งจะได้รับการสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้ส่งออกในรูปแบบการเข้าร่วมสัมมนา การฝึกอบรมเชิงลึก รวมทั้งจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการประชาสัมพันธ์ อาทิ ได้รับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้ได้รับรางวัลในสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้ตราสัญลักษณ์ PM’s Export Award เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2566 (Prime Minister’s Export Award 2023 หรือ PM’s Export Award 2023) ปีที่ 31 จะจัดให้มีพิธีมอบรางวัลฯ โดยนายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการในสาขาต่างๆ ที่สนใจเข้าร่วมสมัครรับคัดเลือกรางวัล สามารถสมัครได้ตั้งแต่ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2566 ที่ pmaward.ditp.go.th หรือ โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2136 5226, 0 2507 8290 (ในวันและเวลาราชการ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น