เคหะสุขประชา ผนึก อว. ลงนามความร่วมมือ เสริมสร้างทักษะประกอบอาชีพ และบริการจัดการชีวิต กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง

บมจ.เคหะสุขประชาลงนามความร่วมมือ “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” (อว.) เดินหน้าผลักดันการเสริมสร้างองค์ความรู้ทักษะการประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนเปราะบาง และทักษะการบริหารจัดการชีวิต ผ่านเครื่องมือบริการการศึกษาแบบเปิดที่มีการพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพสุขประชา ยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

นายพิษณุพร อุทกภาชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา เคหะสุขประชาได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยผลักดันการนำระบบพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างครบวงจรมาใช้ บนพื้นฐานการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคที่อยู่อาศัยควบคู่กับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงโอกาสการยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐาน

นอกเหนือจากนี้ เคหะสุขประชายังได้มีการผลักดันการทำงานของ ศูนย์พัฒนาเศรษฐกิจสุขประชา เพื่อสร้างองค์ความรู้ในการพัฒนาอาชีพผ่านกระบวนการฝึกอบรมและพัฒนาอาชีพสุขประชา ทั้ง 6 ด้าน คือ เกษตรกรรม, ปศุสัตว์, ตลาด, งานบริการ, ศูนย์การค้าปลีกค้าส่ง และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ที่จะนำสู่ผลของการเสริมสร้างทักษะการประกอบอาชีพ ทักษะการปฏิบัติเพื่อเกิดความชำนาญ รวมถึงทักษะการใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชน

เพื่อให้กระบวนการพัฒนาเกิดประสิทธิภาพและครอบคลุมมากที่สุด เคหะสุขประชาจึงได้ดำเนินมาตรการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ ในการจัดทำบันทึกลงนามความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างบริษัทฯ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีจุดประสงค์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเข้าใจด้านการสร้างหลักสูตรเสริมทักษะ สร้างอาชีพให้กับครัวเรือนเปราะบาง พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ครอบคลุมไปถึงทักษะในการบริหารจัดการชีวิต และการสร้างวินัยทางการเงิน เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ในการบริหารรายได้และรายจ่ายอย่างยั่งยืน

ด้าน นายวันนี  นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า อว. เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนภาคการศึกษาไทยไปสู่มาตรฐานระดับสากล และเพิ่มความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน โดย อว. มีหน่วยงานโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (Thailand Cyber University : TCU) ในการดำเนินภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (Inter University Network : UniNet) เข้าไปสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการผลิตบทเรียนออนไลน์หรือชุดวิชาเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน

เครื่องมือของ อว. ยังมีการนำมาใช้เพื่อให้บริการเรียนรายวิชาออนไลน์ สำหรับการศึกษาแบบเปิด หรือ MOOC แก่ประชาชนทุกระดับและอาชีพ ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งโอกาสการเรียนรู้เหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังประชาชนและครัวเรือนเปราะบางที่อยู่ในความดูแลของเคหะสุขประชา พร้อมรวมถึงการสร้าง ปรับปรุง พัฒนาเนื้อหาหลักสูตรการเรียนรู้ รวมถึงสื่อและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมการประกอบอาชีพสุขประชาได้เป็นอย่างดี ทำให้การร่วมมือนี้เป็นทั้งการขยายการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ไปพร้อม ๆ กัน

อีกทั้งความร่วมมือครั้งนี้ ยังครอบคลุมไปถึงการแบ่งปันสื่อความรู้ของแต่ละฝ่ายที่มีอยู่แล้ว มาใช้งานผ่านช่องทางการเผยแพร่ต่าง ๆ ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ของทั้งสองหน่วยงาน และยังมีสนับสนุนวิทยากรในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องและประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย ซึ่งความร่วมมือนี้จะมีขั้นตอนการประเมินผล รวมไปถึงการติดตามผลความสำเร็จจากตัววัดการประกอบอาชีพของกลุ่มครัวเรือนเปราะบาง เพื่อนำผลลัพธ์มาใช้ต่อยอดพัฒนากระบวนการเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

Share:

ส.อ.ท. ผนึกเครือข่าย จัดใหญ่งานสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียมุ่งโชว์นวัตกรรม-จับคู่ธุรกิจ-เผยแพร่กฎหมายใหม่

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกเครือข่ายจัดใหญ่งานมหกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า โดยมุ่งเป้า 3 ประเด็นหลัก โชว์นวัตกรรมรีไซเคิล จัดสัมมนาเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเผยแพร่องค์ความรู้กฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ คาดมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวัน

วันนี้ (อังคาร 29 สิงหาคม 2566) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานแถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี นี้ ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. และนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน EnwastExpo 2023  ณ ลานไทยเบฟ ชั้น 10 ส.อ.ท.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้ต้องหาวิธีผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน ซึ่งหมายความว่าแต่ละคนสร้างขยะปริมาณ 1.13 กิโลกรัม/วัน และมีกากอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 33 ตัน/ปี ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้

“ นับเป็นโอกาสที่ดีที่เรายังมีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว


นอกจากนี้ นายเกรียงไกร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “การร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้ว่ามีองค์ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ต้นทาง ผู้กำเนิดมลพิษและขยะ 2.ปลายทาง ผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม และ 3. ระหว่างทาง ซึ่งจะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุลและยั่งยืน 

 

ด้านนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพร่วมจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชนทั้ง SCG, AMATA Facility และสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ในการจัดงานมหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย หรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไร และพร้อมผลักดันการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการมลพิษและของเสียที่เกิดจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม  ชุมชน สังคม  ตลอดจนภาคครัวเรือน ซึ่งงานด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะนี้ในต่างประเทศ ประสบความสำเร็จและมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นายธีระพลกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกการจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ ส่วนที่สองการจัดสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและจับคู่ธุรกิจ เพื่อให้ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่าง ๆ มาพบปะกันเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ

“การจัดงานครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร  มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีการสัมมนานำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ให้ทันกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารและกฎหมายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย  สิ่งเหล่านี้ เราจะขนมาไว้ในงานนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมให้กับผู้สนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านนี้” นายธีระพล กล่าวทิ้งท้าย


สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมชมงาน นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ นักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สัมมนาและเวิร์คช้อปมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท

การจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 นี้ ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” สนใจสอบถามรายละเอียดการจัดงานได้ที่กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  โทร.02 345 1000 หรือ www.enwastexpo.com 

Share:

เจ เวนเจอร์ส จับมือ นิด้า ลงนาม MOU เตรียมผุดโปรเจ็คสร้างประสบการณ์ตรงให้นักศึกษาจากมืออาชีพ

บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นำโดย นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด และ ศาสตราจารย์ ดร.สรศาสตร์ สุขเจริญสิน คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ผู้รับมอบอํานาจจากอธิการบดีสถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ลงนามใน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงและได้แลกเปลี่ยนความรู้จากโครงงานวิศวกรรมการเงิน เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ ทักษะการทํางานแบบมืออาชีพ และทักษะชีวิต เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับองค์กรภาคอุตสาหกรรม 

ศาสตราจารย์ ดร.สรศาสตร์ สุขเจริญสิน คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงที่มาของการลงนาม MOU ครั้งนี้ว่า “คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ มีเป้าหมายคือทำอย่างไรให้เด็ก

มีประสบการณ์มากที่สุดก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ด้วยโจทย์ว่างานวิจัยและโครงงานต้องไม่อยู่เฉพาะบนหิ้ง เราจึงมองหา Partner ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องการมุมมองใหม่ๆ จากไอเดียนักศึกษา และพัฒนา University-Industry Collaboration  ให้สำเร็จร่วมกัน คำว่า ‘วิศวกรรมการเงิน’ อาจจะไม่คุ้นสำหรับคนไทยเคยแต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของทั่วโลก  โดยการจะผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมการเงินต้องอาศัยองค์ความรู้ 4 ด้าน คือ เศรษฐศาสตร์ การเงิน วิศวกรรม และพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่แข็งแรง เราได้จับมือกับทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผลิตวิศวกร

ที่มีมุมมองใหม่ๆ ด้าน Financial Technology เพื่อตอบโจทย์ระบบเศรษฐกิจใหม่ และดิจิทัลเทคโนโลยี ในปี 2566 

เราคัดเลือกบริษัทในสายหลักทรัพย์ กองทุน และ สตาร์ทอัพ เพื่อเป็นโจทย์ท้าทายให้นักศึกษาได้เตรียมตัว โดยเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด ในฐานะผู้นำในกลุ่ม Fin Tech และ Start up ที่ทันสมัยและมีโซลูชั่นใหม่ๆ สู่ตลาดอยู่ตลอด มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงให้นักศึกษาได้ลงสนามจริง  นักศึกษาจะได้ฝึกการวิเคราะห์และแก้ปัญหา 

เพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาเป็นเวลา 2 เทอม ระยะเวลา 8  เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ถึง เมษายน 2567  

โดยเทอมแรกจะเป็นการนำเสนอ Proposal และในเทอมที่ 2 จะเป็นการ Implementation ซึ่งรูปแบบของการทำโครงงานมีความแตกต่างจากในอดีต คือกำหนดให้เป็นการเขียน White paper แบบของ Start up ที่ให้คนทั่วไปอ่านได้เข้าใจ และสามารถนำไปต่อยอดได้เลย”


ด้าน นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด กล่าวว่า 

“เรามักจะถูกสอนให้เรียนเพื่อเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไปเลย เราไม่เคยถูกสอนให้เป็นเป็ด คนในสายวิศวกรรมเองก็ไม่สามารถเก่งเฉพาะ Deep Tech อย่างเดียวเท่านั้น ที่ผ่านมาเวลาเราพูดถึง Fin Tech เราจะเน้นไปที่นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งที่จริงๆ แล้วกลุ่มคนเทคโนโลยีก็ไม่รู้ว่าภาคการเงินต้องการอะไร ดังนั้นการที่นิด้าออกแบบหลักสูตรนี้มา

จึงเป็น Combination ที่ประเทศไทยกำลังต้องการ ภาคธุรกิจทุกวันนี้ต้องการความ Flexible และ Fragile มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากกว่าที่เราคิด ธุรกิจทุกหน่วยงานโดนดิสรัปต์ เราต้องการบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเข้ามาช่วย

ทรานสฟอร์มองค์กร พอนิด้ามีโครงการนี้ขึ้นมา เราจึงไม่รีรอที่จะร่วมเป็นพันธมิตร เพราะเรามองว่าสิ่งนี้คือการทดลองร่วมกัน ซึ่งทางเราจะไม่มีโจทย์ให้นักศึกษาทำ แต่จะให้เขาเข้ามาหาข้อมูล มาสร้างโจทย์ และเสนอไอเดียเอง  เราจะเอาเคสที่มีมาช่วยกันค้นหาว่า Financial Engineering จะสร้างนวัตกรรมทางด้านการเงิน เพื่อตอบคำถามให้กับธุรกิจ

ได้อย่างไร ผมว่าเราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือ พัฒนาบุคลากรที่เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วไปทำประโยชน์ให้องค์กรได้เลย อย่างไรก็ดี ‘กระบวนการ’ ก็มีความสำคัญไม่แพ้ ‘เป้าหมาย’ เพราะก่อนที่จะได้ผลลัพธ์จับต้องได้ เช่น คิดค้นนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใดๆ ก็ตาม ต้องผ่านกระบวนการคิด ลองทำ ฟีดแบค และการเรียนรู้ ซึ่งในระหว่างทางเราจะเรียนรู้กันคนละมิติ ทั้งมิติอาจารย์ มิตินักศึกษา และมิติบริษัทฯ และผมเชื่อว่าซากของพัฒนาการที่หลงเหลือนั้น ถึงแม้อาจจะไม่ได้ใช้งานในช่วง 8 เดือนที่ฝึกงาน แต่ก็อาจจะมีคนเกิดไอเดียและนำไปต่อยอดเป็นโปรเจกต์อื่นๆ ได้อีก ซึ่งกระบวนการกับการเรียนรู้ตรงนี้ ผมว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” นายธนวัฒน์ กล่าว 

Share:

Adasoft โชว์ศักยภาพผู้นำ Digital Solution Provider เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ sKart, sBOX ในงาน HACKaTHAILAND 2023: DIGITAL INFINITY

Adasoft โชว์ศักยภาพผู้นำ Digital Solution Provider

Adasoft เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำเทคโนโลยีของคนไทย กับร้านค้าไร้พนักงานด้วยนวัตกรรม ทั้ง sKart รถเข็นช้อปปิ้งอัจฉริยะ แบบครบจบที่เดียวด้วย AI ที่ซื้อง่ายจ่ายสะดวก, SCO Self-Check Out จ่ายเงินง่ายๆ ได้แบบไม่ต้องพึ่งแคชเชียร์ และตู้ขายสินค้าอัจฉริยะ sBOX ซื้อสินค้าง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน สแกน => หยิบ => จ่ายเงิน แค่ใช้มือถือเครื่องเดียว

คุณเสาวนีย์ แย้มคง Business Development Director บริษัท Adasoft จำกัด เปิดเผยว่า เอด้าเป็นบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ โดยคนไทยและเติบโตมาเป็นปีที่ 23 และในฐานะเป็นผู้นำการให้บริการและประกาศตัวเป็น Digital Solution Provider ของคนไทย ทั้งนี้หลังการควบรวมบริษัทกับพาร์ทเนอร์แล้ว ทำให้บริษัทใหญ่ขึ้น มีพนักงานและมีศักยภาพมากขึ้น มีลูกค้าด้านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้ดูแลมากขึ้น และเรายังเป็นผู้นำของนวัตกรรมค้าปลีก พัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับร้านค้า ทำให้ลูกค้าภาคภูมิใจ

ทั้งนี้เราเป็นผู้นำของธุรกิจค้าปลีก นับตั้งแต่การเป็นบริษัทผู้พัฒนาระบบบริหารหน้าร้าน (Point of Sale) บนระบบปฏิบัติการ Windows เป็นรายแรกของประเทศไทย จนปัจจุบันพัฒนาเป็นระบบคลาวน์ที่รองรับได้หลากหลายอุปกรณ์ และมีระบบ AI ที่เป็นร้านค้าไร้พนักงานร้านแรกในประเทศไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย ซึ่ง depa จะเป็นหน่วยงานที่คอยสนับสนุนบริษัท ที่พัฒนาซอฟท์แวร์แบบพวกเรา นำนวัตธรรมมาโชว์ศักยภาพให้ตลาดได้รับรู้ว่าบริษัทคนไทยเราก็มีความแข็งแรง

คุณเสาวนีย์ กล่าวว่า ดังนั้นเอด้า จึงนำตลาดแห่งโลกอนาคต – Future Market ตลาดสดวิถีใหม่ที่ทำให้การซื้อสินค้าของสดในตลาดเป็นเรื่องง่าย เป็นการ transform พ่อค้าแม่ค้าให้เป็นพ่อค้าแม่ค้าดิจิทัล โชว์นวัตกรรมช้อปปิ้งอัจฉริยะ sKart, sBox, Self-Checkout ไม่ต้องมีพนักงานหรือแคชเชียร์ การชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด โดยนำเสนอตู้ขายของอัจฉริยะ "สมัยก่อนเรามีตู้ Vending Machine ซึ่งผู้ประกอบการจะลงทุนสูง เอด้าจึงคิดค้นเป็นตู้ขายของอัจริยะที่ไม่ต้องลงทุนมาก เป็นตู้เย็นธรรมดาทั่วๆไป ใช้เทคโนโลยีของเรา เช่นเมื่อมีการเปิดตู้อาจต้องแสดงตัวตน ว่าใครเปิด หยิบอะไรไป ระบบที่ทำไว้ก็จะได้ตัดเงินในระบบ จะเน้นว่าไม่ใช้เงินสด ก็จะไปลดเรื่องบุคลากร เป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต เพราะปัจจุบันคนใช้เงินสดกันน้อยลง โลกก็จะเปลี่ยนไป เทคโนโลยีของเราจะช่วยให้เจ้าของร้านค้าเกิดความสะดวกสบาย"คุณเสาวนีย์ กล่าวพ

พร้อมระบุว่าผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มที่ต้องการตู้อัจริยะนี้ไปใช้ในองค์กร หรือร้านค้าทั่วไปก็สามารถนำไปใช้ได้เช่นกัน และยังกันขโมยได้อีกด้วย ซึ่งเป็นตู้ที่ลงทุนไม่มากเท่า Vending อย่างไรก็ตามคู่สัญญาซื้อขายตู้อัจฉริยะนี้เมื่อมีการนำออกสู่ตลาดอย่างจริงจังแล้ว จะได้รับความสนใจจากเจ้าของแบรนด์และผู้ประกอบการอย่างแน่นอน

สำหรับตู้อัจฉริยะ ใช้พื้นที่น้อย การลงทุนก็ไม่มาก สามารถวางในพื้นที่จำกัดหรือในร้านค้าที่ต้องการใช้ตู้นี้ก็สามารถนำไปใช้ได้โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ยกตัวอย่าง ตู้ Vending ราคาประมาณ 3-4 แสน แต่ตู้นี้ ราคาเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

ส่วนลูกค้าที่นำระบบของเอด้าไปใช้ ที่เด่นๆ เช่น ฟู้ดคอร์ท ร้านค้าปลีก ไดโซะ บิ๊กคาเมร่า ทางฟู้ดคอร์ท เราเน้นพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถใช้บัตรพนักงาน ซื้ออาหารในโรงงานได้เลย และบัตรสามารถใช้ได้ในทุกสาขาของโรงงานนั้นๆ

เมื่อถามถึงลูกค้าที่ใช้เอด้าซอฟท์ มีจำนวนเท่าไหร่ คุณเสาวนีย์ บอกว่า ถ้าเป็นร้านค้ามีประมาณ 35,000 กว่าจุดขาย มีประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาวและกัมพูชา ที่เลือกระบบเอด้า ไปให้กับลูกค้าที่เขามีอยู่ในต่างประเทศด้วย ซึ่งระบบการดูก็ง่ายมากขึ้น ขบวนการทำงานหลังการขายก็เน้นที่จะให้ความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ระบบการแก้ไขบางเหตุการณ์ก็สามารถใช้ระบบรีโมทได้ไฮ

คุณเสาวนีย์ กล่าวในตอนท้ายว่า เอด้าซอฟท์ เป็นบริษัทของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและพัฒนาให้ล้ำอยู่เสมอแก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับคนไทยในงบประมาณที่จับต้องได้ เราคิดต้นทุนและความปลอดภัย เป็นหน่วยงานที่ดูแลนวัตกรรมให้กับลูกค้าทุกขนาด เราย่นย่อเพื่อใช้ต้นทุนน้อยกว่าระบบฝรั่ง โดยเอด้า พร้อมเป็นที่ปรึกษาแบบครบวงจรในทุกด้าน รองรับธุรกิจทุกขนาด  

ผู้สนใจสามารถติดตามได้ที่ www.ada-soft.com สำนักงานตั้งอยู่ที่ 26/ 5-8 ซอยลาดพร้าว 83 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10240 โทรศัพท์: 02 530 1681 มีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองผ่าน

สำหรับงาน “มหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัล HACKaTHAILAND 2023: DIGITAL INFINITY” กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 และวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2566 ณ ห้องเพลนารี 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วัตถุประสงค์เพื่อให้มีการนำเสนอการพัฒนา นวัตกรรม ความสามารถของเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลแพลตฟอร์มทางการค้าขาย สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ และพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมในทุกมิติในการทำเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation)

Share:

ผู้ว่าฯ นครพนม นำพาความห่วงใย ส่งต่อธารน้ำใจ มอบสิ่งของช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบฯ กรณีฝนตกหนักและน้ำโขงหนุนสูง

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2566 เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พรนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม

นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล , นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์) ปลัดจังหวัดนครพนม (นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์) และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำโขงหนุนสูง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งได้รับการสนับสนุนสิ่งของช่วยเหลือจาก องพจนกรโกศล มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ /หม่อมหลวงสราลี กิติยากร (มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน/มูลนิธิพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว และทุกภาคส่วนของภาคีเครือข่าย โดยจังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ในพื้นที่ ดังต่อไปนี้

1. ส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ตำบลบ้านข่า ตำบลท่าบ่อสงคราม และตำบลสามผง จำนวน 300 ชุด

2. ส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ตำบลบ้านเอื้อง ตำบลโพนสว่าง และตำบลนาเดื่อ จำนวน 150 ชุด

3. ส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ตำบลศรีสงคราม ตำบลนาคำ และตำบลหาดแพง จำนวน 150 ชุด

รวมทั้งสิ้น 600 ชุด 

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้มีเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างเพียงพอ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักต่อเนื่องและน้ำโขงหนุนสูง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่

ทางการเกษตรในพื้นที่จังหวัดนครพนม ณ หอประชุมโรงเรียนบ้านข่าพิทยาคม ตำบลบ้านข่า/หอประชุมโรงเรียนบ้านเอื้องพิทยาคม ตำบลบ้านเอื้อง และศาลาประชาคมท่านปฏิรูป หมู่ที่ 9 ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม



Share:

“พาร์เล่” แบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มบิสกิต และอันดับ 2 ในกลุ่มขนมจากอินเดีย บุกตลาดเมืองไทย เปิดตัวพาร์เล่ ไฮด์ แอนด์ ซีค และ ทเวนตี้-ทเวนตี้ บิสกิตคุ้กกี้ มาพร้อมรสชาติเหนือระดับที่ติดใจคนมาแล้วทั่วโลก

พาร์เล่ แบรนด์ขนมระดับโลกสัญชาติอินเดีย ส่งมอบความอร่อยให้คนทั่วโลกมาแล้วกว่า 9 ทศวรรษด้วยฐานการผลิตที่มากถึง 10 ประเทศสามารถส่งมอบสินค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วทุกมุมโลก โดยตั้งแต่ปี 2022 พาร์เล่ประกาศลุยตลาดประเทศไทย เปิดตัวพาร์เล่ ไฮด์ แอนด์ ซีค และ ทเวนตี้-ทเวนตี้ บิสกิตคุ้กกี้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของพาร์เล่ ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ คู่กับความหอมหวาน และรสสัมผัสที่มีระดับในราคาที่จับต้องได้ ทำให้พาร์เล่มั่นใจจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต และติดอันดับ 1 ใน 5 ของ บิสกิตที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยได้ ภายใน 3 ปี 

คุณอารุป ชัวฮาน Executive Director, Parle Products กล่าวว่า “พาร์เล่มีต้นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย เมื่อปี 1929 ด้วยคนงานเพียง 12 คน จากความต้องการให้คนอินเดียเข้าถึงอาหารได้อย่างเท่าเทียม ปัจจุบันผ่านไปแล้ว 94 ปี พาร์เล่ครองอันดับ 1 แบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุดในอินเดียเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน และส่งออกไปแล้วกว่า 120 ประเทศทั่วโลก มียอดขายกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะแนะนำพาร์เล่ให้แก่คนไทยทุกคนได้รู้จัก”

ในช่วงแรกพาร์เล่เข้าสู่ประเทศไทยด้วยช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) โดยจับมือกับคุณทศพร ปวเรศวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทย-สตาร์ ฟู้ดส์ แอนด์ เบฟเวอร์เรจ จำกัด ต่อมาพาร์เล่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) จับมือกับกลุ่มอำพลฟูดส์ บริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่พร้อมกระจายสินค้าและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า เข้าถึงพื้นที่ด้วยรถแคชแวนกว่า 500 คัน ประจำศูนย์กระจายสินค้ากว่า 80 ศูนย์ หนึ่งในบริษัทที่คลอบคลุมพื้นที่การขายมากที่สุดกว่าร้อยละ 75 ของประเทศไทย มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคชาวไทยจะเข้าถึงสินค้าของพาร์เล่ได้มากขึ้น

ดร.กฤษฎา โสภา ผู้อำนวยการส่วนงานการตลาดและสารสนเทศ กลุ่มอำพลฟูดส์ กล่าวว่า 

“อำพลฟูดส์มีความแข็งแกร่งในการกระจายสินค้า ด้วยจำนวนร้านค้าในระบบกว่า 300,000 ราย แคชแวน และศูนย์กระจายสินค้าที่ครอบคลุม มั่นใจว่าจะสามารถทำให้พาร์เล่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้อำพลฟูดส์ยังมีประสบการณ์การทำตลาดในประเทศที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างพาร์เล่ และผู้บริโภคชาวไทย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเสริมให้พาร์เล่ประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทย”

พาร์เล่ บุกตลาดประเทศไทย ภายใต้แคมเปญ “Love at First Bite คำแรกก็หลงรัก” ชวนให้ทุกคนลิ้มลองรสชาติอีกระดับกับพาร์เล่ จนหลงรักในคำแรก วางกลยุทธ์การสื่อสารบนสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ด้วยภาพยนตร์โฆษณา ชื่อชุดว่า “Love at First Bite คำแรกก็หลงรัก” นอกจากนี้ พาร์เล่ มุ่งสื่อสารผ่านโลกออนไลน์เปิดตัว 2 แคมเปญออนไลน์ สร้างการรับรู้และประสบการณ์ร่วมกับพาร์เล่ (Parle Moment) ได้แก่ แคมเปญของผลิตภัณฑ์พาร์เล่ ไฮด์ แอนด์ ซีค “LET’S BREAK THE ICE” ที่ชวนเปิดรับสิ่งใหม่ ก้าวข้ามข้อจำกัดไปกับพาร์เล่ และแคมเปญของผลิตภัณฑ์พาร์เล่ ทเวนตี้-ทเวนตี้

พบกับผลิตภัณฑ์พาร์เล่ได้ที่ร้านค้าชั้นนำ ร้านค้าท้องถิ่นได้แล้ววันนี้ทั่วประเทศไทย หรือสั่งซื้อออนไลน์ ได้ที่ www.goodlifeforyou.com หรือ Facebook Goodlifeforyou และ Line @goodlifeforyou ส่งฟรีทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-078-1111

Share:

มูลนิธิรักษ์ไทยและมูลนิธิเพื่อนหญิง ผนึกกำลังสยามพิวรรธน์ จัดงาน #SHEISME : Unconditional Love : Embracing The Colors of Empower เสริมสร้างพลังผู้หญิง และบทบาทของ “แม่” กับแง่มุมที่หลากหลาย

มูลนิธิรักษ์ไทยร่วมกับมูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม และบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด พร้อมด้วยพันธมิตรภาคธุรกิจร่วมมือกันเป็นภาคีจัดงาน #SHEISME Unconditional Love: Embracing the Colors of Empower เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและความหลากหลายในสังคม ในการให้ความรู้ สร้างโอกาส เพิ่มบทบาท และสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมได้เข้าใจคำว่า “แม่” ในแง่มุมต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น แม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อแม่กลุ่ม LGBTQ+ ผู้ที่เลี้ยงดูเรามาแม้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด รวมไปถึงการผลักดันสิทธิบทบาทสตรีในแง่การถูกกดจากบทบาททางสังคมหรือถูกบรรทัดฐานในสังคมกดเอาไว้  ผ่านกิจกรรมและการเสวนาในแนวทางของความเท่าเทียมและยุติความรุนแรง (Gender Equality and Stop Violence) การเสริมสร้างพลังผู้หญิงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Women Empowerment and Sustainable Development)  ระหว่างวันที่ 25 - 27 สิงหาคม 2566 นี้ ตั้งแต่เวลา 10:00 - 20:00 น. ณ Atrium 1 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

งาน #SHEISME Embracing The Colors of Empower ได้รับเกียรติจาก มลชยา เตชะไพบูลย์ และ     ดร.เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล กรรมการมูลนิธิรักษ์ไทย พร้อมด้วย ธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง และมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ยังมีแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ ได้แก่ โยชิ-รินรดา ธุระพันธ์ ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ครี-พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา หมิง-อรินทร์มาศ บุญครองทรัพย์ และนนท์ อินทนนท์ มาร่วมเสวนาเกี่ยวกับสิทธิและความเท่าเทียมกันในสังคมของสตรี และความเท่าเทียมทางเพศ รวมถึงเรื่องบทบาทความเป็น “แม่” จากหลากหลายแง่มุม ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตโดย ตุ้ย-เกียรติกมล ล่าทา ร่วมมอบความบันเทิงในวันเปิดงาน

ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากคนดังมากมายที่จะมาร่วมเสวนา พูดคุยถึงความหลากหลากหลายทางเพศ การเสนอแนวทางในการยุติความรุนแรง เสริมสร้างพลังผู้หญิงให้มีความเท่าเทียมในสังคมตลอด 3 วัน อาทิ แอนนา เสืองามเอี่ยม โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน หมวย-อริสรา กำธรเจริญ และอีกมากมายมาร่วมพูดคุยในเรื่องความเท่าเทียม และบทบาทของความเป็น “แม่” ทั้งนี้ยังมีการอบรมเกี่ยวกับ Standup Against Street Harassment การยืนหยัดต่อต้านการคุกคาม โดยบริษัท ลอลีอัล ปารีส พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์คช็อปจากชุมชนและครอบครัวหญิงสาวชาวบ้าน  

ที่มูลนิธิรักษ์ไทยร่วมเคียงข้าง ไม่ว่าจะเป็น พวงกุญแจชาวเขา, ต่างหูชาวเขา และพวงกุญแจ Eco-Print จ. น่าน  การทำเสื้อและโปสการ์ด DIY และปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ นำโดย Matcha, Alala, Monica และ Yes Indeed โดยมีพิธีกรมากความสามารถ นาขวัญ รายนานนท์ มาสร้างสีสันบนเวทีตลอด 3 วัน

นอกจากนั้นยังมีส่วนของนิทรรศการ SHE IS ME ที่มีทั้งสาระความรู้และความสนุกสนาน ในการสร้างแรงบันดาลใจจากพลังผู้หญิง รวมถึงการมีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดการเลือกปฏิบัติ และสร้างความเท่าเทียม ยุติความรุนแรง เสริมสร้างพลังผู้หญิงเพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในสังคมไทย ทั้งนี้ยังสามารถร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์งานฝีมือจากชุมชนผู้หญิงที่มูลนิธิรักษ์ไทยร่วมสนับสนุน พัฒนา และเคียงข้าง สร้างสังคมเท่าเทียมมาตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ภายในพื้นที่จัดงาน “สยามเซ็นเตอร์” ซึ่งมีจุดยืนเป็น ‘DiversCity Building’ สถานที่ศูนย์รวมคอมมูนิตี้และให้ความสำคัญต่อผู้คนที่มีความหลากหลายในทุกด้าน อาทิ เพศ เชื้อชาติ สุขภาพ อย่างเท่าเทียม เพื่อตอกย้ำการเป็น The Ideaopolis หรือเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์

ภายในงานยังมีกิจกรรมทำนายโชคชะตา นำโดยทีมนักพยากรณ์ชื่อดังจากสถาบันโหราศาสตร์วิทยา ครั้งละ 299 บาท โดยจะนำไปสมทบทุนให้มูลนิธิรักษ์ไทย ผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงพลังในการรณรงค์เพื่อสร้างความเท่าเทียมและยุติความรุนแรง และร่วมสร้างตระหนักรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิสตรี รวมถึงสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคนในสังคม

พบกับงาน #SHEISME Embracing The Colors of Empower งานเพื่อสิทธิและความเท่าเทียมกันของ “สตรี” ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมที่มีทั้งสาระและความบันเทิงมากมายได้ ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ระหว่างเวลา 10.00 - 20.00 น. ณ บริเวณ Atrium 1 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : มูลนิธรักษ์ไทย Raks Thai Foundation และ https://www.raksthai.org/

มูลนิธิรักษ์ไทย ภายใต้การดำเนินงานที่เป็นสากลระดับโลก ในฐานะสมาชิกองค์การแคร์นานาชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2540 เพื่อสานต่องานของ CARE International (ประเทศไทย) ในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง และช่วยเหลือผู้เปราะบาง ภายใต้การดำเนินงานโครงการหลัก 5 ประการ คือ ส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของผู้หญิง (Women’sEmpowerment), ส่งเสริมพัฒนาการเด็กและเยาวชน (Children/Youth), สิ่งแวดล้อม (Environment), สุขภาพ (Health), บรรเทาสาธารณภัย (Emergency Response) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประชาคมเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้สิทธิความเสมอภาค สามารถกำหนดอนาคตของตนเองและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” และยุทธศาสตร์ “เสริมสร้างศักยภาพ ชุมชนยากจนและกลุ่มด้อยโอกาส โดยการวิเคราะห์แก่นแท้ของปัญหากำหนดและดำเนินการทางเลือกที่เหมาะสม และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในงานพัฒนาอย่างยั่งยืน”

โดยเฉพาะงานในด้านการส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของผู้หญิงเน้นพัฒนาศักยภาพและทักษะด้านอาชีพให้กับผู้หญิงบนดอยภาคเหนือ และผู้หญิงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถมีทางเลือกในการประกอบอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวอย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีในชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพ โครงการภายใต้การดูแล อาทิเช่น โครงการ She made it ผู้หญิงพลิกฟื้นเศรษฐกิจในครอบครัวและชุมชน เป็นการดึงศักยภาพและความสนใจเพื่อนำมาประกอบเป็นวิชาชีพเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้หญิงที่ถูกตีกรอบด้วยความเชื่อและทัศนคติทางวัฒนธรรม เช่น กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สูญเสียสามีที่เป็นผู้นำครอบครัวไปกับความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้หรือกลุ่มชาติพันธุ์

มูลนิธิเพื่อนหญิง เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ.2523 ภายใต้ชื่อ "กลุ่มเพื่อนหญิง" นำโดย คุณธนวดี ท่าจีน มีบทบาทในการพิทักษ์สิทธิและให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติความรุนแรงจากภัยคุกคามทางเพศการถูกข่มขู่คุกคามและเผยแพร่คลิปวิดีโอ การถูกทำร้ายโดยบุคคลในครอบครัวที่ส่งผลกระทบด้านร่างกาย จิตใจ สิทธิ เสรีภาพและความมั่นคงในชีวิตตั้งครรภ์และไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ/ท้องในวัยเรียน/ถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศ/การใช้แรงงานที่ผิดกฏหมายจากกระบวนการค้ามนุษย์ ถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือถูกเลือกปฏิบัติ ด้วยเหตุแห่งเพศ/เชื้อชาติ/ศาสนา เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้มีผลในเชิงโครงสร้าง ส่งเสริมความเข้าใจบริบทมิติหญิงชายในกระแสการพัฒนาของสังคมยุคใหม่/สร้างความเข้มแข็งใหกับเครือข่ายขบวนการต่อสู้ของผู้หญิงเพื่อร่วมสร้าง ร่วมคิด ร่วมทำสังคมที่เสมอภาคและเป็นธรรม ซึ่งในงานนี้ถือเป็นแคมเปญเปิดศักราชใหม่ในปีนี้ของทางมูลนิธิรักษ์ไทยและมูลนิธิเพื่อนหญิงในด้านการพัฒนาความเท่าเทียมในสังคม ซึ่งจะเป็นธีมในการรณรงค์ไปตลอดทั้งปีไปตลอดจนถึงกิจกรรมในวันแม่ และวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล 

Share:

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ผนึกพันธมิตร จัดเต็มบริการมาตรการความสะอาด โรง “i-Tail PET CINEMA” ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องฆ่าเชื้อโรค เครื่องฟอกอากาศ

นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ พรชัย ตติยชัยทวีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัทไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านความสะอาดของโรงภาพยนตร์สำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของเมืองไทย “i-Tail PET CINEMA” ทั้ง 3 สาขา คือ โรงภาพยนตร์เมกา ซีนีเพล็กซ์, อิสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์ และ เมเจอร์ ซีนีม่า  โรบินสันราชพฤกษ์ ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตร เกติพินิจ เยี่ยมพาณิชย์ภักดิ์ ประธานบริหาร บริษัท เยี่ยมพาณิชย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าผ้าอ้อม แผ่นรองฉี่สัตว์เลี้ยง แบรนด์ Sukina Petto, ฐิติวัฒน์ บรรจงกาลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเทค อินโนเวชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ UV Care254 Airflow, มร.ไดสุเกะ มุราคามิ ประธานกรรมการ บริษัท สยามไดกิ้น เซลล์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศไดกิ้น, รุ่งนภา เมตตาประสพกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง แบรนด์เชนการ์ด และ ณฐวรพร ดุษณีย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท กรุ๊ป เอสอีบี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Tefal X-Force Flex 9.60 Animal จัดเต็มบริการมาตรการความสะอาดเพื่อให้ลูกค้าคนรักน้องหมา น้องแมว ที่เข้ามาใช้บริการได้มั่นใจในความสะอาดของโรงภาพยนตร์ Pet Friendly ณ โรงภาพยนตร์ i-Tail PET CINEMA อิสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์

บริษัท กู๊ดเทค อินโนเวชั่น จำกัด ซึ่งผู้จัดจำหน่ายเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ UV Care254 Airflow ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการมอบคุณภาพอากาศที่ดี ภายในโรงภาพยนตร์ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโรงภาพยนตร์ “i-Tail PET CINEMA” ได้อย่างมั่นใจ และปอดปลอดภัยมากขึ้น

ลูกค้าผู้ที่จะเข้าใช้บริการโรงภาพยนตร์ “i-Tail PET CINEMA” ควรเผื่อเวลาสำหรับเตรียมความพร้อมของสัตว์เลี้ยงก่อนเข้าชมภาพยนตร์อย่างน้อย 30 นาที เพื่อใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้กับสัตว์เลี้ยงก่อนเข้าชมภาพยนตร์ และเมื่อเข้าโรงภาพยนตร์จะต้องนำสัตว์เลี้ยงใส่ไว้ในกระเป๋า Pet in Cinema ที่วางไว้ให้บนเก้าอี้ โดยภายในกระเป๋าจะมีบริการปูด้วยแผ่นรองซับทำความสะอาดด้วย

ส่วนมาตรการทำความสะอาดภายในโรงภาพยนตร์ “i-Tail PET CINEMA” ภายในโรงภาพยนตร์จะเปิดเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ UV Care254 Airflow เพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ  และลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์   รวมถึงเปิดเครื่องฟอกอากาศ ที่ติดตั้งกระจายอยู่ภายในโรงภาพยนตร์ จำนวนอย่างละ 4 - 6 เครื่อง เพื่อให้มั่นใจในบรรยากาศ และอากาศภายในโรงภาพยนตร์ ตลอดระยะเวลาการในชมภาพยนตร์

​หลังฉายภาพยนตร์จบ จะทำความสะอาดภายในโรงภาพยนตร์ ก่อนเปิดรอบฉายในรอบต่อไป เช่น ทำการดูดฝุ่น ดูดขนสัตว์ ตามเบาะ ที่นั่งและภายในโรงภาพยนตร์ ฉีดน้ำยากำจัดเห็บ - หมัด กำจัดกลิ่น อบโอโซนภายในโรงภาพยนตร์ และฉีดน้ำยาดับกลิ่นภายในโรงภาพยนตร์

สร้างพื้นที่ Premium Quality Air ได้ทุกที่ ทุกเวลา "เพราะอากาศดี ขับเคลื่อนชีวิตที่ยืนยาว"

UV Care254 Airflow เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ แบบ Hi Performance
• ช่วยลดกลิ่นตั้งแต่ต้นเหตุ
• ปอดปลอดภัยทั้งคน และสัตว์เลี้ยง
• ช่วยปรับคุณภาพอากาศให้อยู่ในขั้นดี-ดีมาก ภายใน 2 ชั่วโมง
• ผ่านการรับรอง 7 สถาบันชั้นนำ
• มาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล (Hospital Grade)
• กำจัดเชื้อโรคในอากาศได้ 99.99% ภายใน 1.6 วินาที ด้วยความเข้มข้นของรังสี UVC สูงกว่ามาตรฐาน 30 เท่า
• เป็นเครื่องเดียวที่มีเทคโนโลยีลดการติดเชื้อซ้ำซ้อน (Superimposed Infection) และฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยได้
• เปิดได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ค่าไฟวันละ 2 บาท*
 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Website : www.goodtechthai.com
Facebook : Goodtech Thailand
LineOA : @goodtech

 

Share:

แมริออท บอนวอย พร้อมส่งมอบความเป็นสิริมงคลเแด่ทุกท่านผ่านขนมไหว้พระจันทร์สุดพิเศษ

เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ โรงแรมแปดแห่งในกรุงเทพฯ และ พัทยา ร่วมเผยโฉมคอลเล็คชั่นขนมไหว้พระจันทร์อันแสนเลิศรสและสมบูรณ์แบบ ให้ทุกท่านได้อิ่มเอมในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง หรือมอบเป็นของขวัญมงคลแด่เพื่อน ครอบครัว และ พันธมิตรทางธุรกิจ

สิงหาคม 2566, กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – แมริออท บอนวอย (Marriott Bonvoy) ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ในประเทศไทยด้วยคอลเล็คชั่นขนมไหว้พระจันทร์อันแสนเลิศรส จัดเตรียมอย่างปราณีตโดยเหล่าเชฟมากฝีมือ บรรจุในกล่องของขวัญอันหรูหราสง่างามน่าสะสม พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ณ โรงแรมในเครือฯแปดแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และ พัทยา 

ทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านขนมอบ ณ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok), เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ (The St. Regis Bangkok), เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ (JW Marriott Hotel Bangkok), แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park), แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ (Bangkok Marriott Hotel The Surawongse), ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ (W Bangkok), เรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ (Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel) และ คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท พัทยาเหนือ (Courtyard by Marriott North Pattaya) ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สุดพิเศษ ทั้งแบบคลาสสิกและร่วมสมัย ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง หรือซื้อหาเป็นของขวัญของฝากมงคลสำหรับเพื่อนๆ ครอบครัว และพันธมิตรทางธุรกิจ  

เริ่มกันที่ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ที่เผยโฉมคอลเล็คชั่นกล่องของขวัญขนมไหว้พระจันทร์สุดหรูหราสำหรับปี 2566 ด้วยสี่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และอีกสองรสชาติคลาสสิก โดยเซ็ต แอทธินี เทรเชอร์ บ็อกซ์ (Athenee Treasure Box) ถ่ายทอดด้วยสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรือง หรือหากคุณกำลังองหาชุดของขวัญอันล้ำเลิศ ทางโรงแรมยังมี อะเรียนนาส์ บูเคต์ เพอร์ วิตตอเรีย คอลเล็คชั่น (Arianna's Bouquet Per Vittoria Collection) ให้เลือกสรร ซึ่งจำหน่ายในจำนวนจำกัด ในเซ็ตประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์สี่ชิ้น พร้อมด้วยผ้า บูเคต์ เพอร์ วิตตอเรีย คอลเล็คชั่น ฟาวลาร์ด (Bouquet per Vittoria Collection Foulard) ราคาเริ่มต้น 1,088 บาทสุทธิต่อกล่อง     

เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เชิญคุณให้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งรสชาติอันแสนพิเศษและความเย้ายวนใจด้วยคอลเล็คชั่น “มิทธิเคิล มูนเค้ก” (“Mythical Mooncakes”) ณ เดอะ เลานจ์ (The Lounge) ในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ กับขนมแสนอร่อยบรรจุในกล่องคอสเมติกอันหรูหราสง่างาม โดยคอลเล็คชั่นพิเศษนี้มาพร้อมขนมไหว้พระจันทร์สี่รสชาติ ประกอบด้วยทุเรียน ถั่วแดง ถั่วรวม และรสชาติใหม่สำหรับปี 2566 อย่าง ชาไทยผสมแมคคาเดเมีย ในราคา 1,888บาทสุทธิ   

ในปีนี้ เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ และ ห้องอาหารจีนมานโฮ (Man Ho Chinese Restaurant) ได้บรรจงรังสรรค์ชุดขนมไหว้พระจันทร์อย่างพิถีพิถัน บรรจุในกล่องของขวัญที่ตกแต่งด้วยลวดลายต้นหลิวสีน้ำเงิน อันเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันที่มิอาจเสื่อมคลาย ภายในกล่องประกอบไปด้วยขนมไหว้พระจันทร์สี่รสชาติ ได้แก่ ทุเรียน ถั่วรวม เม็ดบัว อินทผาลัมและแมคคาเดเมีย และไข่แดง สัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขจากการให้ และ ดื่มด่ำกับรสชาติอันแสนพิเศษของขนมไหว้พระจันทร์เหล่านี้ได้ในราคา 1,288 บาทสุทธิ 

แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค พร้อมมอบมิติใหม่แห่งรสชาติให้กับประเพณีแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ โดยมาสเตอร์เชฟ ณ ห้องอาหารจีนพาโกด้า (Pagoda Chinese Restaurant) ได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์อันแสนเย้ายวนใจ ด้วยการผสมผสานของสามรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอภายในบรรจุภัณฑ์อันหรูหราสง่างาม ของขวัญอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้เหมาะสำหรับมอบแด่ผู้เป็นที่รัก ณ ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองแห่งปี ในราคาเริ่มต้นเพียง 228 บาทสุทธิต่อชิ้น หรือ 1,288 บาทสุทธิต่อกล่อง    

แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์สูตรพิเศษ ที่สะท้อนถึงประเพณีและตำนานอันรุ่มรวยของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ อาทิ เม็ดบัว พุทรา ถั่วรวม หมูแผ่นปรุงรส (bak-kwa) และ ทุเรียนจันทบุรี ที่มาพร้อมไข่แดงเต็มใบ บรรจุภายในกล่องสีแดงหรูหรา ตกแต่งด้วยลวดลายกระต่ายที่เป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ราคาเริ่มต้น 1,188 บาทสุทธิ สำหรับชุด ลูน่า ลักซ์ชูรี บ็อกซ์ (Lunar Luxury Box) (ขนมไหว้พระจันทร์สี่ชิ้น) หรือราคา 188 บาทสุทธิต่อชิ้น  


ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ
พาคุณยกระดับรสสัมผัสแห่งความรุ่งโรจน์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ด้วยการออกเดินทางไปยังดวงจันทร์ เพื่อนำโชคดีกลับมาสู่คุณ ด้วย “เดอะ คิวเรียส แรบบิท” (“The Curious Rabbit”) กับขนมไหว้พระจันทร์บัวหิมะสูตรดั้งเดิมที่มาในรสชาติสุดสร้างสรรค์ อาทิ บานอฟฟี่ ซิตรัส รัมและเรซิ่น เรดเวลเวต รวมถึงขนมไหว้พระจันทร์แบบอบ ในรสชาติอันทันสมัย ทั้ง ซอลเทดคาราเมล ทุเรียนดีไลท์ เชสท์นัท รวมถึงผลไม้และถั่ว ในราคา 1,599 บาทต่อกล่อง (ขนมไหว้พระจันทร์สี่ชิ้น) หรือราคา 199 บาทสุทธิต่อชิ้น  

เรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ที่ เฟยยา (Fei Ya) ห้องอาหารจีนร่วมสมัยของโรงแรมฯ ด้วย “เรน รีกัล มูนเค้ก” (Ren Regal Mooncakes) ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง โดยความละเอียดอ่อนของขนมอบด้วยมือเหล่านี้มาพร้อมกับสี่รสชาติอันเย้ายวนใจ ทั้ง เม็ดบัวไข่แดง ทุเรียนไข่แดง เชสท์นัทและแมคคาเดเมีย และคัสตาร์ด บรรจุในกล่องเรียบหรูมีสไตล์ หนึ่งกล่องประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์สี่ชิ้น ในราคาเพียง 1,057 บาทสุทธิ    

คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท พัทยาเหนือ ขอเชิญคุณสู่การเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยขนมไหว้พระจันทร์อันแสนประณีต รังสรรค์ขึ้นด้วยความเอาใจใส่ พิถีพิถันสูงสุด จากส่วนผสมระดับพรีเมียม ดื่มด่ำไปกับการเดินทางอันเย้ายวนใจแห่งรสชาติจาก คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท พัทยาเหนือ หนึ่งเซ็ตประกอบด้วยขนมไหว้พระจันทร์แปดชิ้น ในราคาเพียง 1,618 บาทสุทธิ  

ขนมไหว้พระจันทร์นับเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองทั่วเอเชียตะวันออกในวันที่ 15 เดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ โดยจะมีการเฉลิมฉลองผ่านขนมและน้ำชาอันแสนเลิศรสสำหรับเติมเต็มช่วงเวลาพิเศษไปกับผู้เป็นที่รัก หรือมอบเป็นของขวัญแด่เพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ในฐานะของขวัญอันเป็นสิริมงคล  

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์ กรุณา คลิกที่นี่ หรือติดต่อโรงแรมแต่ละแห่งได้โดยตรง สนใจสมัครสมาชิก แมริออท บอนวอย เพื่อรับสิทธิพิเศษและข่าวสารดีๆก่อนใคร คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียนฟรี! สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ แมริออท อินเตอร์เนชันแนล ในประเทศไทย สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซด์ www.marriott.com  

Share:

พิซซ่า ฮัท ส่งมอบความสุขให้น้อง บ้านนกขมิ้น กรุงเทพฯ

นายชัยรัตน์ มิดชิด (ที่สี่จากซ้าย) หัวหน้าฝ่ายระดมทุน มูลนิธิบ้านนกขมิ้น กรุงเทพฯ ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบสิ่งของอุปโภคและบริโภคจาก คณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารแฟรนไชส์ พิซซ่า ฮัท 1150 ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในสังคม และส่งเสริมให้พนักงาน พิซซ่า ฮัท 1150 ร่วมสร้างรอยยิ้ม ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทย ผ่านโครงการ “พิซซ่า ฮัท ปันสุข – An Equal Slice for Everyone”

Share:

Merz Aesthetics Expo: Haus of Confidence ปิดฉากความสำเร็จครั้งแรก ด้วยยอดผู้เข้าชมงานสูงถึง 6,600 คน ตลอด 5 วัน สร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งวงการนวัตกรรมเสริมความงาม

ประเทศไทย วันที่ 21 สิงหาคม 2566 - เมิร์ซ เอสเธติกส์ บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่อง Ultherapy® และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนทั่วโลก ปิดฉากความสำเร็จครั้งแรกของการจัดงาน Merz Aesthetics Expo: Haus of Confidence เมื่อวันที่ 3-7 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน ด้วยยอดผู้เข้าร่วมงานสูงถึง 6,600 คน ที่ได้มาร่วมเปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญ และสัมผัสกับกิจกรรมที่สะท้อนแนวคิดและคอนเซ็ปต์อันน่าสนใจของเมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทยอย่างเต็มอิ่มตลอด 5 วัน โดยงานดังกล่าวยังกลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มสร้างสรรค์ ที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าถึงโลกแห่งความงามได้อย่างครบทุกมิติ

Merz Aesthetics Expo: Haus of Confidence นับเป็นงานเอ็กซ์โปที่พลิกวงการนวัตกรรมเสริมความงาม ด้วยการมอบประสบการณ์สุดพิเศษและองค์ความรู้เพื่อช่วยยกระดับความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค โดยผู้ร่วมงานทั่วไป รวมไปถึงเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังที่ตบเท้าเข้าร่วมสัมผัสโลกแห่งความงามภายใน Merz Haus ยังได้พบกับแพลตฟอร์มรูปแบบอินเทอร์แอกทีฟพร้อมการโชว์เคสนวัตกรรมเสริมความงาม บิวตี้และไลฟ์สไตล์เวิร์กชอป รวมทั้งเอ็กซ์คลูซีฟเซสชั่น “Meet The Expert” กับการเปิดเวทีให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมอัปเดตความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับเหล่าสื่อมวลชนและอินฟลูเอ็นเซอร์

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมและเวิร์กชอปที่ช่วยยกระดับความมั่นใจและค้นหานิยามความดูดีในสไตล์ของตนเอง ผ่านการเยี่ยมชมห้องแห่งนวัตกรรมเสริมความงาม อย่าง Ultherapy® Room, Xeo Room และ Belo Room พร้อมกันนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับเหล่าคนดัง เพื่อต่อยอดความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด อาทิ กิจกรรมแต่งหน้าเค้กกับเชฟเต็งหนึ่ง - คณิศ ปิยะปภากรกูล เวิร์กชอปจัดดอกไม้กับ Flower in Hand by P. ร้านดอกไม้สุดอบอุ่นในย่านอารีย์ และเซสชั่น Personal Color ตามหาโทนสีประจำตัวกับโค้ชวี - แสงระวี มิตรประเสริฐพร ที่ปรึกษาด้านการสร้างภาพลักษณ์จากสถาบัน The Image Signature Academy นอกเหนือจากกิจกรรมที่อัดแน่นไปด้วยความเพลิดเพลินแล้ว เมิร์ซ เอสเธติกส์ยังเสิร์ฟความอร่อยให้กับผู้ชมในงานผ่านป๊อปอัพคาเฟ่สุดชิค “Merz Aesthetics x Drop by Dough Café พร้อมกับจัดแสดงโชว์มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน T-POP ตัวท็อป ทั้ง 4EVE และ Proxie

สำหรับไฮไลต์สุดพิเศษของงาน คือการต้อนรับซูเปอร์สตาร์ “อีมินโฮ” แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Ultherapy® ที่บินลัดฟ้ามาเปล่งประกายความมั่นใจบนพรมแดงงาน Merz Aesthetics Expo: Haus of Confidence ร่วมกับเหล่าเซเลบริตี้ระดับแนวหน้าของเมืองไทย  ซึ่งการมาเยือน ‘Merz Haus’ แบบเอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้ อีมินโฮ ได้ร่วมพูดคุยและเปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับความมั่นใจและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านกิจกรรม “See My Skin, Lift My Way” ของ Ultherapy® โดยอีมินโฮได้ถือโอกาสนี้แชร์เรื่องราวในฐานะที่เป็นคนดังระดับโลก ที่แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความกดดันจากมาตรฐานความงามของสังคม แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดในความมั่นใจและเอกลักษณ์ของตัวเองได้ ทำให้เรื่องราวการก้าวผ่านความกดดันของสังคมของเขา ถูกส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมเซสชั่น ให้สามารถปลดปล่อยตัวตนและเผยความงามที่มีเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองออกมา

ความสำเร็จของ Merz Aesthetics Expo: Haus of Confidence คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์พิเศษอีกมากมายที่จะตามมาในไม่ช้า โดยเมิร์ซ เอสเธติกส์ ยังคงเดินหน้าผลักดัน ให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกมีความมั่นใจ อย่าลืม! ติดตามข่าวสารและอัปเดตล่าสุดจากทาง เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ผ่าน Facebook ของ Merz Aesthetics Thailand และ LINE OA @merzbeautyconnect

#MERZAESTHETICS #MERZAESTHETICSEXPO #HAUSOFCONFIDENCE

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก