ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กับเสน่ห์พหุวัฒนธรรม "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก"

เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ ที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้  วันนี้ Insight พาเที่ยว เราพาเพื่อนๆลงมากันสุด ทางใต้ของประเทศเลย  เราได้มาเที่ยว สงขลา-ปัตตานี-ยะลา ในระหว่างวันที่ 9 –12 กันยายน 2566 เรียกได้ว่าครั้งแรกที่ได้มา และประทับใจแตกต่างจากความรู้สึกที่คิดไว้ครั้งแรก เมืองน่ารักๆ อบอุ่น กับความเป็นอยู่แบบพหุวัฒนธรรม อย่างกลมกลืน ระหว่างไทย-พุทธ และ ไทย-มุสลิม 

การเดินทางครั้งนี้ จัดขึ้นโดย "บริษัท 9  หน้าดี จำกัด" นำทีมโดย คุณชดา บูรณพิมพ์ ,คุณรุ่งนภา  ปักษี ในชื่อทริปที่ว่า "โครงการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 ชายแดนใต้ " เป็นการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้ทราบถึงเสน่ห์ วัฒนธรรม ที่หลากหลาย อาหารประจำถิ่น ฯลฯ ของ  3 จังหวัดชายแดนใต้ 

ภายใต้การสนับสนุนของ พันเอกชลัช ศรีวิเขียร ศูนย์สันติวิธี กอ.รมน. กับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่พาคณะสื่อมวลชนส่วนกลาง  เดินทางไปสัมผัส กับวัฒนธรรมวิถีความเป็นอยุ่ ของจังหวัดชายแดนใต้ 

โดยวันแรก

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้  หรือ วัดราษฎร์บูรณาราม วัดสวย ปัตตานี ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี เลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็น ที่เที่ยวปัตตานี ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวใต้ ไม่ว่าใครที่มาถึงปัตตานี ต้องแวะมาเที่ยวชมความสวยงาม และกราบสักการะหลวงปู่ทวด องค์จำลองตามที่ทุกท่านเคยได้ยินถึงความศักดิ์สิทธิ์ ตำนาน หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า 

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ทวดได้เดินทางด้วยเรือสำเภาไปยังอยุธยา แต่เกิดพายุ และไม่สามารถเดินทางต่อได้ ระหว่างนั้นน้ำดื่มก็หมดลง หลวงปู่ทวดจึงได้จุ่มเท้าซ้ายลงไปในน้ำทะเล และน้ำบริเวณนั้นกลับกลายเป็นน้ำจืดที่สามารถดื่มได้ ทำให้เป็นที่อัศจรรย์ 

เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ได้มีการนำพระศพท่านมาไว้ที่วัดช้างให้แห่งนี้ ทำให้มีการจัดงานสรงน้ำอัฐิหลวงปู่ทวด เป็นประจำทุกปี ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 ช่วงประมาณเดือนเมษายน   ซึ่งในครั้งนี้ทางคณะรู้สึกประทับใจมาก ๆ  เพราะเป็นวันดีคือวันที่ 9 เดือน 9  ถือว่าโชคดีจริง ๆ 

หลังจากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อ เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่

ร้านอิควาน ดีไลท์   (IKHWAN DELIGHT)  จังหวัดปัตตานี ต้องขอบอกเลยว่าที่นี่ เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก  คณะเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก อาจารย์อาคม  โสมนัส (มะรูฟ) ผู้บริหาร และน้อง ๆ ที่ GISBH  อาหารอร่อยทุกอย่าง มีหลากหลายสไตล์  ไม่ว่าจะเป็น ผัดไทย ไก่ทอด ซุปเห็ดกับขนมปังกระเทียม โรตี ทานกับแกง สลัดไก่รมควัน ซีซาร์สลัด ราดหน้า  และข้าวต่าง ๆ  จากอุสเบกิสถาน  อาหรับ และปากีสถาน ฯลฯ

อีกทั้งยังมีน้ำผลไม้รสชาติละมุน ไม่หวาน มาเสริฟให้คณะเราได้ดื่มกัน อาทิเช่น น้ำมะม่วง น้ำแอปเปิ้ล น้ำกีวี  ที่ส่งตรงมาจากนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย  รวมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากมาเลเซีย  ด้วย   

เกี่ยวกับ GISBH  นั้นมีร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก มากกว่า 100 แห่ง  ซึ่ง GISBH  มีแนวคิดตรงกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 

โดยมีธุรกิจครอบคลุมครบวงจร มีสาขาทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม ของประชาชน โดยเฉพาะที่สังคมอิสลามตามหลักความรักซึ่งกันและกันในทุกเชื้อชาติศาสนา มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก มีบริษัทลูก 10 บริษัท ดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยมีธุรกิจต่าง ๆ มากกว่า 500 ธุรกิจ 
นอกจากจะมีร้านอาหาร เบเกอรี่แล้ว ยังมีโรงงาน ซักรีด คลินิค ร้านบูติก ร้านตัดเสื้อ ตลอดจน ในเรื่องของการศึกษา ที่มีตั้งแต่ระดับเนิร์สเซอรี่ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาทั่วประเทศ ส่วนสาขาในต่างประเทศ พยายามให้มีสาขาในทุกทวีป หรือหากไม่มีก็จะส่งตัวแทนไปเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับสังคมที่นั่น กับผู้นำ และองค์กรศาสนา ทั้งใน ออสเตรเลีย รัสเซีย โดยมีเป้าหมายหลักคือ การกลับคืนสู่พระเจ้า 

อิ่มหนำสำราญกันแล้ว คณะเราก็ได้เดินทางต่อ  เพื่อเยี่ยมชม

แหล่งผลิตรังนกแท้  แบรนด์ “แหลมทองรังนกไทย”  ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณธานัท  เด่นสันติกุล หรือคุณแบงค์  ชายหนุ่มรูปงามเจ้าของผลิตภัณฑ์แหลมทองรังนกไทย ซึ่งคณะเราได้ดื่มรังนกแท้  ทั้งในแบบบรรจุขวด ซึ่งมีทั้งแบบสเตอริไลซ์ และแบบพาสเจอไรซ์  รวมทั้งรังนกต้มสดกับใบเตย  ซึ่งหอมอร่อย  เมื่อดื่มแล้วสดชื่นมาก 

โดยได้ความรู้ว่ารสชาดของรังนกแท้จะคล้ายกับไข่ขาว  แล้วจะรออะไรหล่ะคะ ก็ขออนุญาตเข้าเยี่ยมชมโรงงาน ดูไลน์การผลิต ตั้งแต่เริ่มต้น  จนถึงขั้นตอนสุดท้าย กันเลย  ทำให้คณะเรารู้คุณค่าของรังนกแท้ว่า กว่าจะได้ดื่มกันในแต่ละแก้วนั้น  มีกรรมวิธีการผลิตอย่างไรในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ทำให้ทราบว่ามันเหมาะสมกับมูลค่าราคาที่ค่อนข้างสูงมากจริง ๆ   

ก่อนจะถึงร้านอาหาร   แวะชมแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดคือ 

มัสยิดกลางปัตตานี  ซึ่งความพิเศษของมัสยิดกลางนี้คือ เป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของผู้นับถือศาสนาอิสลามในภาคใต้ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งมัสยิดกลางปัตตานี ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 
เนื่องจากรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวปัตตานีส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีชาวมุสลิมจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่สี่จังหวัดภาคใต้จึงเห็นสมควรให้จัดสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ ไว้เพื่อเป็นศูนย์กลางแก่ชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศ    สาวคณะเราได้ถ่ายรูปในลุคการแต่งตัวตามแบบฉบับสาวมลายูมาให้ได้ชมกันด้วย  
โดยชุดได้รับการสนับสนุนของคุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ) เจ้าของแพ ร้านอาหารมายาวีร์ และบ้านสวนมายาวีร์  

และในค่ำคืนนี้จะเป็นคืนพิเศษสำหรับคณะเราที่จะได้ ล่องแพไปบนแม่น้ำปัตตานี ที่เป็นความใฝ่ฝันของหลายท่าน  ในครั้งนี้คณะเราได้รับเกียรติจาก ท่านพาติเมาะ สะดียามู  ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี  ซึ่งท่านเป็นผู้ว่าหญิงชาวมุสลิมท่านแรกของประเทศไทย 

ที่มีศักยภาพในความเป็นผู้นำชุมชนที่ เข้าถึงประชาชนในทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา  ได้มาร่วมล่องแพทานอาหารไปพร้อมกับคณะเราด้วย  ในบรรยากาศอันแสนโรแมนติค ได้เห็นวิถีชิวิตบ้านเรือนของคนที่อยู่ริมน้ำ ได้ยินเสียงละมาดจากมัสยิด     

ล่องแพ ทานข้าว ชมความงามทั้งสองฝั่งแม่น้ำปัตตานีที่ ร้านมายาวีร์ โดยเจ้าของร้าน คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  ในค่ำคืนนั้น ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ตกปรอยๆ  ถ่ายรูปสวยๆกันอย่างเพลิด กับอาหารรอร่อย หลากหลายเมนู  ใครสนใจล่องแพ ฟินๆ แบบนี้ โทรจองที่นั่งล่วงหน้ากับทางร้านได้เลยค่ะ

วันที่สอง

ที่หมายแรกของวันนี้เราเยี่ยมชม ศูนย์เรียนรู้พิพิธภัณฑ์ปราชญ์ท้องถิ่น มูลนิธิอาจารย์ฮัจจียร์ สุหลง โต๊ะมีนา โดยมี  คุณหมอเพชรดาว โต๊ะมีนา เรียกได้ว่า เป็นสาวแกร่ง สาวเก่ง อีกท่านนึงของปัตตานี ได้มาบรรยายเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของมูลนิธิฯ และยังมีอีก 2  ท่าน  ที่มาให้ความรู้กับคณะเราอีกคือ 

คุณจตุรนต์  เอี่ยมโสภา  สมาชิกสภาจังหวัดปัตตานี  และกรรมการมูลนิธิฯ  และคุณมูฮัมหมัดอารีฟ  แวสาแล  ผู้ช่วยคุณหมอเพชรดาว  อีกทั้งยังได้เลี้ยงอาหารว่าง  ที่มีโรตีกรอบ จิ้มกับนมข้นและขนมอร่อย ๆ  อีกหลายอย่าง รับรองคณะเราอีกด้วย  ไม่เท่านั้น คุณหมอ ยังได้ส่งลองกอง จากสวนของคุณหมอเอง  มาให้กับคณะเรา ได้ชิมความหอมหวานถึง โรงแรมที่พักกันอีกด้วย  

การเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้  ต้องแจ้งล่วงหน้า กับทางมูลนิธิฯ ก่อน  เพื่อที่จะได้จัดเตรียมต้อนรับผู้ที่สนใจมาศึกษาถึงประวัติความเป็นมาอาจารย์ฮัจจียร์ สุหลง โต๊ะมีนา และเหตการณ์สำคัญ ๆ  ต่าง ๆ ที่ท่านไม่เคยรู้  

ก่อนกลับพวกเราก็ได้รับเกียรติจากท่านเด่น  โต๊ะมีนา  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี  ซึ่งท่านเป็นคุณพ่อของคุณหมอ  มาถ่ายภาพร่วมกับคณะเราด้วย

มื้อพิเศษของวันนี้ เป็นอาหารกลางวันวันนี้คงจะไม่ง่ายที่จะหารับประทานได้ทั่วไป  เนื่องจากเป็นอาหารพื้นบ้านประจำท้องถิ่น  ซึ่งคณะเราได้รับเกียรติจาก คุณมูฮัมหมัดอารีฟ  แวสาแล  (คุณยี) ให้เข้าไปร่วมในพิธีฉลองแต่งงานของชาวมลายู  ที่เรียบง่ายและเป็นกันเองมาก  มีการเลี้ยงอาหารกันตลอดทั้งวัน  คือใครอยากมาเมื่อไหร่ก็มา  อาหารมีพร้อมเสริฟตลอดเวลา  

ซึ่งคุณยี  ได้บอกกับคณะเราว่า  ในการทำอาหารให้กับแขกที่มานั้น  จะคัดสรรแม่ครัวที่มีฝีมือในอาหารแต่ละชนิดมาเป็นผู้ปรุงอาหาร และจะทำเป็นหม้อใหญ่ ๆ  เพื่อจะได้มีเสริฟตลอด  ซึ่งในการจัดโต๊ะก็เหมือนกับโต๊ะจีนที่บ้านเรานั่นเอง ถ้าที่นี่เราก็คงจะเรียกเป็นโต๊ะมลายู ก็คงได้เนอะ 

จากนั้นเดินทางไปยัง จังหวัดยะลา ที่ได้รับเกียรติจากท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานรัฐสภา คนปัจจุบัน ได้เปิดบ้านต้อนรับคณะเราได้ไปเยี่ยมชม  

จากนั้นคณะเราก็ได้ไป  ร้านจำหน่ายฮิญาบ ชื่อดังของปัตตานี  โด่งดังไปไกลถึงเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างมาเลเซีย  ที่เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักร้าน  ZU UAN  ร้านจำหน่ายฮิญาบ    ที่ได้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จากสวารอฟสกี้ (Swarovski) ประเทศออสเตรเลีย ที่จะนำคริสตัล มาประดับประดาติดลงบนผืนผ้าฮิญาบที่มีสีสันให้เลือกหลากหลาย  

โดยมีดีไซเนอร์ (designer) คนไทย เป็นผู้ออกแบบ   สนนราคาเริ่มต้นจากหลักร้อย ไปจนถึงหลักแสน  มีความสวยงามอลังเป็นอย่างมาก  ซึ่งเจ้าของร้านคือ คุณธาราทิพย์  ปาตัน  (ซูอ้วน)  และคุณวันฮูเซ็น มานิตย์พันธ์ 

อีกทั้งยังมี คุณฮายันตี  สะนิ  เป็นผู้จัดการร้าน  คุณอารียา  กูนา  เป็นรองผู้จัดการร้าน  และคุณธัญมล  สุขาเชิน  เป็นดีไซเนอร์  ให้การต้อนรับคณะเรา    ในครั้งนี้  ซูอ้วน  ให้คณะเราเลือกผ้าฮิญาบ ที่ปักคริสตัลของสวารอฟสกี้ เลือกสีกันตามใส่ชอบเลย ที่สำคัญใส่แล้ว สวย หรูหา มีเสน่ห์จริงๆ 

คืนนี้เราได้ไปรับประทานอาหารที่บ้านสวนมายาวี  ที่บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์  ประดับด้วยไฟส่องสว่างสวยงามในยามค่ำคืนมาก เป็นอีกหนึ่งสาขาของ คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  


ได้จัดเมนูอาหารแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มใส่ข้าวโพด  ก๋วยเตี๊ยวเรือ  ราดหน้า  สุกี้แห้ง  ผัดสะตอ  และอื่น ๆ อีกมากมาย  มาให้คณะเราได้ทานกันอย่างเต็มที่  

บ้านสวนมายาวี  ยังเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะกระเทียมดำ   ซึ่งได้รับรางวัลคุณภาพสินค้ามาการันตี และราคาเป็นกันเองอีกด้วย  

วันที่สาม

เช้านี้เราได้เยี่ยมชม วังยะหริ่ง  จังหวัดปัตตานี  ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2438ในสมัยรัชกาลที่ 5  โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม เป็นวังที่มีลักษณะเฉพาะตัวด้วย สถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างไทยมุสลิม จีน และยุโรป   

ตัวอาคาร 2 ชั้น มีลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ ชั้นล่างเป็นลานโล่ง ใต้ถุนตึกสูงชั้นบนแบ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีห้องพักของเจ้าเมืองและบุตรธิดา  ช่องรับแสงประดับด้วยกระจกสีสด ช่องระบายอากาศ หน้าจั่วทำด้วยไม้ฉลุลวดลายงดงามจุดเด่น คือ บันไดโค้งแบบยุโรปทอดขึ้นสู่ระเบียงทั้งสองด้าน จากระเบียงมีประตูเปิดสู่ห้องโถงใหญ่ ลักษณะคล้ายท้องพระโรง บริเวณโดยรอบแวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ร่มรื่นอายุกว่า 100 ปี  

อีกทั้งยังเคยเป็นที่พักของ พลเอก ณรงค์ เด่นอุดม หรือ “คุณลุงติ๋ว” หรือ ต่วนกูอับดุลเลาะ ท่านเคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และเป็นที่ปรึกษากองทัพบก เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นที่ยอมรับอย่างสูงในความรู้ความสามารถ ความดี และเป็นแบบอย่างที่ดีงาม จึงเป็นความภาคภูมิใจของคนปัตตานีอย่างมาก 

โดย พลเอก ณรงค์ เด่นอุดม สืบเชื้อสายสุลต่านฟาฏอนี (ราญาฟาฏอนี) เป็นลูกหลาน “ตึงกูลามีเด็น” อดีตราญาปาตานีดารุสสลาม เกิดที่บ้านแขก ธนบุรี กรุงเทพฯ สมรสกับ ตึงกูซาบีดะห์ หรือ วุจจิรา พิพิธภักดี บุตรีของ พระพิพิธภักดี อดีตเจ้าเมืองสตูล มีบุตรด้วยกัน 3 คน จบการศึกษาจากสวนกุหลาบ และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ เคยรับราชการในกองทัพบก ผ่านตำแหน่งสำคัญมากมาย และเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ในปี 2542-2544 หลังเกษียณราชการได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวที่กรุงเทพฯ และที่วังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี  

ทั้งนี้   “วังยะหริ่ง”  เป็นที่รู้จักไปทั่วเมื่อครั้งถูกถ่ายทอดผ่านงานเขียนด้วยฝีมือของ “พนมเทียน” หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ และมีโอกาสโลดแล่นผ่านบทละครทางโทรทัศน์ในเรื่อง “มัสยา” ซึ่งผู้ประพันธ์ได้แรงบันดาลใจและผูกโยงเค้าโครงเรื่องจากการได้สัมผัสกับสถานที่แห่งนี้  รวมทั้ง  ภาพยนตร์เรื่อง ละติจูดที่ 6 เรื่องราวความรัก ความศรัทธา ท่ามกลางสงคราม ความขัดแย้ง และคราบน้ำตา ภายใต้การสนับสนุนของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อ กอ.รมน.  
ซึ่งการเข้าชมสามารถติดต่อขออนุญาตได้ที่ทายาทเจ้าของวัง โดยมีคุณเจ๊ะน่าห์  พิพิธภักดี  ผู้จัดการบริษัทแด๊กซินและผู้จัดการวังยะหริ่ง  เป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาอีกด้วย 

หลังจากเยี่ยมชมวังแล้ว อาหารมื้อพิเศษอีกหนึ่งมื้อ เราได้รับเกียรติจาก  คุณหนึ่งฤทัย  อับดุลบุตร (คุณอูม)  เหลนเจ้าเมืองยะหริ่ง   เจ้าของร้านอาหารข้าวผัดปูพี่อูม  ที่มีสาขาทั้งหมด 4  สาขาด้วยกัน พี่อูมเล่าว่าไม่บ่อยที่จะได้ทำข้าวยำสูตรพิเศษนี้(เฉพาะแขกพิเศษของพี่อูมเท่านั้น) เป็นสูตรแบบสุขภาพให้ชื่อว่า ข้าวยำสูตรวังยะหริ่ง  รวบรวบผักนานาชนิดกว่า 30 ชนิด ค้ดสรร วัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ยิ้งขั้นตอนการทำน้ำบูดูแบบสูตรพิเศษเช่นกัน  

มาพร้อมกับอาหารพิ้นถิ่น อีก เซตใหญ่ เช่น ไก่กอแระ ปลากอแระ ผักเคียง ที่มี แตงกวา พริกขี้หนู มะเขือ สะตอ โดยเฉพาะเมื่อทานข้าวยำไปแล้ว ดื่มน้ำชาตามลงไป  มันวิเศษมากมาย    ตบท้ายกันด้วย ผลไม้ และขนมพื้นบ้าน ลองกอง และรูกู    

จากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อไปเพื่อเยี่ยมชม สถาบันการศึกษาปอเนาะอิฮ์ซานียะห์ ดัรฮัม โดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก  คุณมูฮำมัดซูวรี  สาแล  นายกสมาคมสถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งในครั้งนี้ทำให้คณะเราได้เข้าใจถึงการเป็นผู้ให้  โดยสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งช่วยเหลือและพัฒนาเด็กที่ด้อยโอกาส  ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โดยที่ได้รับการสั่งสอนอบรมดูแลจากครู  ที่ไม่ได้รับเงินเดือนมากมายอะไร  แต่ทำด้วยใจ  ให้ความเมตตากับเด็ก ๆ เหล่านี้เพื่อส่งออกสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพสามารถเลี้ยงตัวเองได้  และมีอนาคตที่ดีต่อไป  

หลังจากนั้นคณะเราก็ได้ไปเที่ยวชม ทะเลแหลมตาชี หรืออีกชื่อเรียกคือ แหลมโพธิ์   อันซีนความงามจากธรรมชาติ ที่ปลายขวานทองของไทย โดยรอบของ แหลมตาชี ก็จะมีทั้งรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศอยู่เรียงรายตลอดเส้นทาง   แต่ก็มีเฉพาะนักท่องเที่ยวท้องถิ่นมากกว่า 

แต่ที่นี่ค่อนข้างจะปลอยภัยในเรื่องของการเดินทาง เพราะเราสามารถเดินทางด้วยทางเรือจากปากแม่น้ำปัตตานีได้ ตัดตรงเข้าสู่แหลมตาชีได้เลย คณะเราได้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ ของท้องทะเล น้ำทะเลสีเขียวสวยงาม มีกังหันอยู่อีกฝั่งของทะเล  ได้ถ่ายรูปกับขอนไม้ธรรมชาติ  และเรือกอและ ที่มีเหลืออยู่เพียงลำเดียวในเวลานั้น  เพราะที่เหลือออกทะเลไปแล้ว   โอ๊ย มันสดชื่น และดีต่อใจมากมาย  


ค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้  เรียกได้ว่าพิเศษอีกแล้ว  คณะเราได้รับเกียรติจากท่านพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี  เลี้ยงอาหารค่ำให้กับคณะเรา  ที่จวนผู้ว่าปัตตานี  หรืออีกชื่อคือ   เรือนชบา เมื่อเข้าไปข้างในอลังการมาก  อาหารที่ท่านผู้ว่านำมาเลี้ยงคณะเรานั้น ก็เป็นอาหารท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นขนมจีนน้ำยาใต้  สะเต๊ไก่และเนื้อ  ข้าวยำ  อื่น ๆ อีกมากมาย  ตบท้ายด้วยลองกอง และทุเรียนทรายขาวที่ขึ้นชื่อ ทั้งแบบแช่แข็ง และทานสด   มาถึงปัตตานี ต้องห้ามพลาด  ก่อนกลับไปพักผ่อนในคืนนี้  คณะเราได้เก็บบรรยากาศ ร่วมถ่ายภาพหมู่ในท่าชบาบาน เพราะจังหวัดปัตตานี  มีดอกชบา เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนั่นเอง 

วันสุดท้ายแล้ว

เช้าวันสุดท้ายของทริป คณะเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไปหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และไปไหว้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว  ที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปัตตานี ขอพรรับความสำเร็จ  และรอบ ๆ ศาลเจ้าแม่ ยังมี มีสตรีทอารท์ รวมถึงบ้านเลขที่ 1 ซึ่งเจ้าของคือเจ้าของโรงแรง CS Hotel  โรงแรมชื่อดังในปัตตานี ให้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ อีกด้วย

จากนั้นคณะเดินทางต่อไปยังตลาดกิมหยง หาดใหญ่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะมาจับจ่ายซื้อของฝาก โดยเฉพาะ ผลไม้  ถั่วหลากชนิด ไก่ทอดหาดใหญ่ ผ้าปาเต๊ะที่ราคาไม่แพง มาตลาดกิมหยงก็ถือว่ามาถึงหาดใหญ่หล่ะ  


การเดินทางมา 3 จังหวัด
 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรก และลบภาพความน่ากลัวในหัวออกไปเลย ณ ปัจจุบัน ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเคย เสพข่าว ที่นี่ถือว่าหน่วยงานราชการดูแลอย่างดี ในเรื่องของความปลอดภัย   ถ้าใครได้มาจะ “หลงรัก” ที่นี่เลยแหละ  เป็นพหุวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ ความเป็นอยู่ ที่เรียบง่ายดูอบอุ่น วัฒนธรรม และภาษายาวี มันดูแตกต่างนะ ดังที่ท่านพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี กล่าวไว้   “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก” คำๆนี้มีอยู่จริงๆ

ขอบคุณสถานที่พัก : โรงแรม  เดอะริเวอร์  

โรงแรมติดแม่น้ำปัตตานี บรรยากาศดี สวยสะดุดตา ห้องพักสะอาด พนักงานบริการดี 

ขอขอบคุณ

  • ท่านพาตีเมาะ  สะดียามู   ผู้ว่าราชาการจังหวัดปัตตานี 
  • พันเอกชลัช  ศรีวิเชียร  รองเสนาธิการ กอ.รมน. 
  • คุณนารีนาถ  มั่นใจเกษตร (คุณนับ)  เจ้าของร้านอาหารมายาวี/บ้านสวนมายาวี 
  • คุณหนึ่งฤทัย  อับดุลบุตร (คุณอูม)  เหลนเจ้าเมืองยะหริ่ง   เจ้าของร้านอาหารข้าวผัดปูพี่อูม 
  • คุณธาราทิพย์  ปาตัน  (ซูอ้วน)  เจ้าของร้าน ZU UAN   
  • GISBH 
  • คุณรชต ลาตีฟี  AMC Group สนับสนุน ประสานงานด้านแหล่งท่องเที่ยว/อาหาร  
  • บริษัท 9 หน้าดี จำกัด   การตลาดและประชาสัมพันธ์ โดย  คุณชดา  บูรณะพิมพ์  และ คุณรุ่งนภา  ปักษี   ผู้บริหาร  และผู้จัดโครงการ
  • ภาพถ่ายโดย : คุณนาริฐา จ้อยเอม



Share:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก