Space Water จัดงานรับซัมเมอร์ ‘Space of Freshtival’ เปิดตัวน้องใหม่!! ‘Space Flavored Water กลิ่นอุทัยสเปซ’

บริษัท สเปซ วอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มแบรนด์ สเปซ วอตอร์ (Space Water) จัดงาน “Space of Freshtival” เนรมิตสยามสแควร์ให้กลายเป็นเทศกาลแห่งความเฟรช พร้อมเปิดตัวน้ำกลิ่นสมุนไพรน้องใหม่ “Space Flavored Water”ครั้งแรกในไทยกับน้ำกลิ่นอุทัยสเปซ (UTAISPACE) เพื่อเป็นตัวช่วยดับกระหาย คลายร้อนรับซัมเมอร์ พร้อมกิจกรรมสนุกๆ และโชว์สุดพิเศษจากคู่จิ้นฉบับออนไลน์ แน็ก ชาลี–กามิน และนางเอกหน้าใส มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ ณ สยามสแควร์วัน

กฤตภาส พาณิชอภิชัย

นายกฤตภาส พาณิชอภิชัย กรรมการบริหารบริษัท สเปซ วอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “สเปซ วอเตอร์ ในฐานะแบรนด์น้องใหม่ในตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดของเมืองไทย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่โดยมีมูลค่าตลาดราว 4 หมื่นล้านบาท เราจึงเร่งลุยปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ จากเดิมเป็นผู้ผลิตน้ำดื่ม OEM กว่า 90% ให้กับลูกค้า มาสู่การเป็นผู้พัฒนาสินค้าและการสร้างแบรนด์ โดยเริ่มจากการขยายเซกเมนต์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “Space Flavored Water” น้ำผสมกลิ่นรายแรกของประเทศไทย ที่ใช้กลิ่นอุทัยมาเป็นตัวชูโรงนำร่องส่งเข้าตลาดน้ำดื่ม ซึ่งเป็นกลื่นที่หลายคนคุ้นเคย พร้อมด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายเพียงขวดละ 10 บาท อีกทั้งยังอุดมไปด้วยคอลลาเจน ซิงค์ และวิตามินบี 6 และมีความใกล้เคียงน้ำเปล่ามากที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งกลุ่มผู้ซื้อน้ำดื่ม น้ำแร่ และเครื่องดื่มผสมวิตามิน ประเภท Functional Drink ทั้งกลุ่มเดิมและผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ชอบสร้างความแปลกใหม่”

“โดยเป้าหมายของบริษัท มองว่าจะสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดจากทั้ง 3 กลุ่มคือน้ำเปล่า น้ำแร่ และน้ำวิตามิน ในปีแรกตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาด Traditional Trade 50%, Modern Trade 30% และ Export 20% และการเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง New S-Curve และสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้”

ภายในงาน พบกับหนุ่มเซอร์สายติสท์ “แน็ก-ชาลี” ควงคู่มากับติ๊กต๊อกเกอร์สาวสุดฮอต “กามิน” และนางเอกสาวหน้าใสขวัญใจหนุ่มๆ มุก-วรนิษฐ์ ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ความเฟรชสดชื่น และร่วมกิจกรรมกับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด พร้อมขนโชว์สุดพิเศษแบบจัดเต็มให้ผู้ชมที่ร่วมงานรับความสนุกพกความเฟรชกลับบ้าน

มุก-วรนิษฐ์

 Space Flavored Water น้ำผสมกลิ่น มาพร้อมกับกลิ่นไฮไลท์ อุทัยสเปซ (UTAISPACE) น้ำกลิ่นสมุนไพร ช่วยดับกระหาย คลายร้อน สร้างความสดชื่น และ 2 กลิ่นแนะนำ ซอฟพีช (Soft Peach) น้ำกลิ่นพีช หอมชื่นใจด้วยกลิ่นลูกพีชสด เพิ่มความสดใสในตัวคุณ  และซอฟไรซ์ (Soft Rice) น้ำกลิ่นข้าวหอม ผ่อนคลาย หอมละมุน ด้วยกลิ่นข้าวอ่อนๆ พร้อมส่วนผสมของ คอลลาเจน ซิงค์ และวิตามินบี 6 ที่ดีต่อสุขภาพ ดื่มได้ทุกวัน

แน็ก ชาลี และ กามิน

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความเฟรชกับ Space Flavored Water ได้ที่ ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าใกล้บ้าน ช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เร็วๆ นี้

สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของ Space Water ได้ที่ www.spacewaterfactory.com  และ Facebook: https://www.facebook.com/spaceflavoredwater

Share:

กว่า 40 ปี แห่งความมุ่งมั่น เพื่อเอาชนะโรคมะเร็ง ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ส่งมอบการบริบาลครอบคลุมทุกมิติ

 

นพ. ณรงค์ศักดิ์ เกียรติขจรธาดา หัวหน้าศูนย์มะเร็งฮอไรซันบำรุงราษฎร์แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา และโลหิตวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ศูนย์มะเร็งฮอไรซันบำรุงราษฎร์ มีเป้าหมายในการให้การบริบาลรักษาโรคมะเร็งอย่างครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การดูแลเชิงป้องกัน การวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง รวมทั้งการเฝ้าติดตามป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ  โดยให้การดูแลรักษาที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นการดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อรักษาโรคและอาการที่ซับซ้อน ที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแพทย์ทั้งหมด รวม 1,400 คน เป็นแพทย์ประจำ เกือบ 400 คน มีแพทย์หลากหลายสหสาขาและแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง ครบทุก Sub Specialty ซึ่งทำให้เราสามารถจัดทีมแพทย์ที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแต่ละรายได้ การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น ทุกจุดทุกขั้นตอนมีความสำคัญ เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในจุดต่างๆ ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ตลอดจนการเฝ้าติดตามผลการรักษา ซึ่งการที่เรามีทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดและนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีได้

นพ. รุจาพงศ์ สุขบท รองประธานอาวุโสปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน เป็นอีกหนึ่งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence) ของบำรุงราษฎร์ ที่เราจะยกระดับการรักษาให้เป็นสถาบัน (Institute) ในปี 2567 นี้ โดยศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งกว่า 12,500 คนต่อปี และมีผู้ป่วยใหม่กว่า 1,000 คนต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของทีมแพทย์

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้การดูแลรักษาโรคมะเร็งที่ศูนย์มะเร็งฮอไรซันบำรุงราษฎร์แตกต่างจากที่อื่น คือ

  1. การดูแลรักษาด้วยประสบการณ์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็งมากว่า 40 ปี
  2. การดูแลครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ป้องกัน วินิจฉัย และรักษาในทุก stage ของโรคมะเร็ง และออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
  3. การดูแลรักษาโรคมะเร็งแบบสหสาขาวิชาชีพ มีการประชุม Multidisciplinary Tumor Board และ Comprehensive Palliative Care
  4. การประยุกต์และผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีก้าวหน้า เช่น NGS มาร่วมในการวินิจฉัย และออกแบบการรักษาภาวะมะเร็งอย่างสมบูรณ์แบบ ให้มีความถูกต้องและแม่นยำ ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดี
  5. ความมุ่งมั่นที่จะไปสู่การคัดกรอง การวินิจฉัย และการรักษาที่แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของการดูแลโรคมะเร็ง ด้วยการบูรณาการวิวัฒนาการทางการแพทย์พันธุศาสตร์

นพ. ธนาวัฒน์ จิรกุลาภรณ์ แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีการประชุม Multidisciplinary Tumor board หรือการประชุมของทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง เช่น อายุรแพทย์ด้านโรคมะเร็ง ศัลยแพทย์ด้านโรคมะเร็ง พยาธิแพทย์ รังสีแพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคมะเร็ง เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการและเภสัชกร เพื่อหาวิธีการรักษาร่วมกัน

โดยมีทีมผู้ชำนาญการทางด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถแปลผลการตรวจได้อย่างแม่นยำ เช่น แพทย์เฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์และนักพันธุศาสตร์, พยาธิแพทย์ผู้มีความชำนาญชั้นสูงด้านการตรวจชิ้นเนื้ออย่างละเอียดเพื่อวินิจฉัยเซลล์มะเร็งอย่างแม่นยำ, ทีมสหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางทุกสาขาที่เกี่ยวข้องในการให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและร่วมจัดโปรแกรมการตรวจที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนและศึกษาแนวทางการรักษาใหม่ๆ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้จากระดับนานาชาติ (update guideline) ให้กับบุคลากรของศูนย์อย่างสม่ำเสมอ

นพ. หฤษฎ์ สุวรรณรัศมี แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่า การรักษามะเร็งในอดีต เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็ง จึงเริ่มทำการรักษาตามระยะอาการของโรค ซึ่งมักเป็นการรักษาด้วยวิธีฉายแสง เคมีบำบัด และการผ่าตัด ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ทั้งยังให้ผลข้างเคียงจากการรักษาค่อนข้างมาก เพราะเป็นการรักษาที่ทำให้เซลล์ปกติต้องถูกทำลายไปพร้อมกันกับเซลล์มะเร็ง แต่ปัจจุบัน มีการตรวจรักษามะเร็งแบบ Precision approach ซึ่งเป็นวิธีตรวจความผิดปกติระดับชีวโมเลกุล เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีรักษามะเร็งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยในทุกระยะ โดยแพทย์จะทำการตรวจชิ้นเนื้อปัจจุบันของผู้ป่วย ก่อนจะนำมาวิเคราะห์หาความผิดปกติในระดับชีวโมเลกุล และเลือกใช้ยารักษาที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคล ทำให้ผลข้างเคียงจากการรักษาลดลง ต่างจากการรักษามะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัด ทั้งยังเป็นการตรวจมะเร็งที่สะดวก ไม่ใช้เวลานานมาก เมื่อผู้ป่วยได้รับการตรวจมะเร็งแบบ Precision Cancer Medicine เพื่อหาความผิดปกติที่จำเพาะกับมะเร็ง จะช่วยให้แพทย์เลือกยาที่ช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาได้มากขึ้น ลดระยะเวลาการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นพ. อภิชาต พานิชชีวลักษณ์ แพทย์ชำนาญการด้านรังสีรักษา และมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายว่ารังสีรักษาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปตำแหน่งของเซลล์มะเร็งเพื่อทำลายกลุ่มก้อนเซลล์มะเร็งนั้น โดยเรามุ่งหวังให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค หรือ  ลดอาการหรือความทรมาน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายของการใช้รังสีรักษา คือ การรักษาที่แม่นยำ ถูกต้อง,  ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงน้อยที่สุด หรือไม่มีผลข้างเคียง และ ลดระยะเวลาในการเข้ารับการรักษาด้วยรังสี เช่น การฉายรังสีโรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบันใช้เวลาสั้นมากขึ้นจากเดิม 6 สัปดาห์เหลือเพียงแค่ 4 สัปดาห์ และในแต่ละครั้งของการใช้รังสีใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ในขณะที่การฉายรังสีในมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดเวลาการรักษา จาก 8 สัปดาห์ เหลือ 3 สัปดาห์ เป็นต้น

นพ. บวร วีระสืบพงศ์ แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า ศูนย์มะเร็งฮอไรซันมีผลลัพธ์การรักษาที่ดีมาก เรามีอัตราการรอดชีวิตสูงเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานในสหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่าง ผลลัพธ์การรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 450 คน จากสถิติในปี 2564-2565 พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะ 1-3 มีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปี หลังได้รับการรักษา ถึง 100% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐานในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 99%, 97% และ 94% (ตามลำดับระยะ 1-3) ในขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะที่ 4 มีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปี สูงถึง 90% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61%

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยารักษามะเร็งที่ให้ในกลุ่มของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีข้อบ่งชี้ในการให้ยาก่อนการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือภูมิคุ้มกันบำบัด จากนั้นเอาชิ้นเนื้อจากการผ่าตัดไปตรวจหาเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่ พบว่าอัตราที่เซลล์มะเร็งจะถูกทำลายไปหมดจากการให้ยาก่อนผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่รักษาที่ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน มีค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลที่สหรัฐอเมริกา ในทุกประเภทของมะเร็งเต้านม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน มีการเลือกใช้ยาที่มีประสิทธิภาพสูง และเหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของทีมแพทย์ในการวางแผนการรักษาอย่างละเอียดและแม่นยำ

พญ. สุธิดา สุวรรณเวโช แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา และ Palliative Care โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การดูแลแบบประคับประคอง สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย (Palliative Cancer Care)  เป็นการดูแลที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ช่วยลดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยจะคำนึงถึงความต้องการและความปรารถนาของผู้ป่วยและครอบครัวร่วมด้วยเสมอ โดยศูนย์มะเร็งฮอไรซันมีทีม Palliative Tumor Board ประกอบด้วยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลแบบประคับประคองที่จะคอยติดตามประเมินอาการและให้การดูแลในทุกมิติอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำดนตรีบำบัดเข้ามาดูแลผู้ป่วยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากการที่เราไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในโลกปัจจุบัน คือการหาพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและในระดับสากล เพื่อพัฒนาการรักษาและส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน พร้อมสร้างเครือข่ายด้านการแพทย์ที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน นพ. รุจาพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร. 1378

Share:

“แน็ก ชาลี – มุก วรนิษฐ์” ชวนเปิดประสบการณ์ความเฟรช ในงาน “Space of Freshtival” 30 มีนาคมนี้ ที่ สยามสแควร์วัน

 

กรุงเทพฯ – พบกับงาน Grand Opening สุดยิ่งใหญ่…ใจกลางสยาม! ในงาน “Space of Freshtival” เปิดประสบการณ์ความเฟรชกับผลิตภัณฑ์น้ำผสมกลิ่นสมุนไพรน้องใหม่ “Space Flavored Water” ครั้งแรกในไทยกับน้ำผสมกลิ่น อุทัยสเปซ (UTAISPACE) ที่มาพร้อมกับกลิ่นที่คุ้นเคยของสาวๆ ยุค Y2K หอมชื่นใจ และยังมีอีก 2 กลิ่นแนะนำอย่าง ซอฟพีช (Soft Peach) น้ำกลิ่นพีช และซอฟไรซ์ (Soft Rice) น้ำกลิ่นข้าวหอม ที่มาช่วยดับกระหาย คลายร้อน เปลี่ยนให้ซัมเมอร์นี้มีแต่ความสดชื่น

ภายในงานพบกับหนุ่มเซอร์สายติสท์ “แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์” และนางเอกสาวหน้าใสขวัญใจหนุ่ม ๆ “มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์” ที่จะมาร่วมกิจกรรมสุดพิเศษกับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด พร้อมโชว์พิเศษสร้างสีสันในงาน นอกจากนี้ยังมีคาราวานความสดชื่นเสิร์ฟ ฟรี! ทั่วทั้งสยามสแควร์ มาร่วมปลุกความเฟรชกับ “Space Flavored Water” ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567

ณ ลานโปรโมชัน สยามสแควร์ วัน เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/spaceflavoredwater

Share:

ฐานรากก่อนกาลอภิวัฒน์สยาม ALTERATION: Prelude of Siamese Reform เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจตลอดรัชสมัยในรัชกาลที่6ด้วยการสื่อสารประวัติศาสตร์ผ่านสื่อ

มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ฯ และมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา ร่วมกับ มิวเซียมสยาม เผยแพร่ประวัติศาสตร์และพระราชกรณียกิจตลอดรัชสมัยในรัชกาลที่ 6 ชวนเรียนรู้ไปกับนิทรรศการและกิจกรรมในงาน ฐานรากก่อนกาลอภิวัฒน์สยาม ALTERATION: Prelude of Siamese Reform ที่จะทำให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์สนุกกว่าที่คิด

ในวาระครบรอบ 100 ปี วันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ 100 ปี วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา ร่วมกับ มิวเซียมสยาม จัดงาน ฐานรากก่อนกาลอภิวัฒน์สยาม ALTERATION: Prelude of Siamese Reform เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจตลอดรัชสมัยในรัชกาลที่6ด้วยการสื่อสารประวัติศาสตร์ผ่านสื่อ และวิธีการอันหลากลาย ที่มุ่งเน้นกระบวนทัศน์ใหม่ทางประวัติศาสตร์ ตามความสนใจในการเรียนรู้ของประชาชนทุกช่วงวัย 

เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติ ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์สังคมของรัชสมัยได้นำไปสู่ความตระหนักในคุณค่าทั้งทางกายภาพ มรดกวัฒนธรรมของชาติ และเกิดแรงบันดาลใจจากการเข้าใจอดีตของสังคมไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้นำข้อคิดจากประวัติศาสตร์มารับใช้ปัจจุบันและสร้างสรรค์อนาคต อีกทั้ง เพื่อเป็นการรฤกในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติพระองค์ที่ทรงมีคุโณปการอย่างใหญ่หลวงแก่พสกนิกรทั้งในรัชสมัย และสืบเนื่องมายังพสกนิกรในปัจจุบัน

มิวเซียมสยามรับหน้าที่สร้างสรรค์นิทรรศการและกิจกรรมเพื่อสื่อสารประวัติศาสตร์ภายใต้ชื่องาน “ฐานรากก่อนกาลอภิวัฒน์สยาม ALTERATION: Prelude of Siamese Reform” โดยจะจัดแสดงนิทรรศการ เรื่อง “รากฐานสู่การวัฒนา: จากปิยมหาราชาสู่มหาธีรราชเจ้า” เพื่อเชิญชวนผู้เข้าชมย้อนไปรับชม15 พรรษาแรกในฐานะ “เจ้าชาย” ของพระมหากษัตริย์ “รัชกาลที่6” พระองค์นี้ที่ทรงได้รับพระราชภาระสืบต่อสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “รัชกาลที่ 5” ได้ทรงวางรากฐานเอาไว้ ผ่านการ “บ่มเพาะ” เจ้าชายพระองค์น้อยพระองค์หนึ่ง นิทรรศการจะจัดแสดงที่ มิวเซียมสยาม ถนนสนามไชยไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกให้ร่วมเรียนรู้โดยไม่ต้องท่องจำมากมาย ทั้งที่ มิวเซียมสยาม ถนน      สนามไชย หอวชิราวุธานุสรณ์ ถนนสามเสน และพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย

Kidscovery Zone ก่อนกาลอภิวัฒน์กับสถาปัตยศิวิไลซ์ พื้นที่กิจกรรมเจาะกลุ่มเป้าหมายสำหรับเด็กให้ได้เพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้ สถาปัตย์ศิวิไลซ์ก่อนกาลอภิวัฒน์สยาม และสัมผัสประวัติศาสตร์รสนิยมโลกในห้วงกว่า 100 ปีก่อน ด้วยการลงมือทำ พบกับวิทยากรพิเศษจากครีเอเตอร์สายสถาปัตยกรรม อาทิ HANDIGRAPH, CAPYPER, BLUE BANGKOKฯลฯ 
TALKS เสวนาชวนฟังและพาเดิน เพื่อสำรวจข้อมูลหมุดหมายสำคัญแห่งโครงข่ายการพลิกโฉมสยามรัตนโกสินทร์สู่ เมืองแห่งความ “ศิวิไลซ์” บนประจักษ์พยานทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์รสนิยม (History of Taste)                                                                                                                  
    
 WALKS 15:15:15 เดินมองประวัติศาสตร์ ผ่านรส – นิยม ผู้คนร่วมรัชสมัยสำรวจย่านอย่างออกรส เพื่อฉายบรรยากาศรสนิยมร่วมรัชสมัย ทั้งแหล่งที่ฮิปสเตอร์ที่รุ่นใหญ่เมื่อ 100 ปีก่อนมาใช้ชีวิต ทั้งร้านรวง ย่านการค้า สรรพสิ่ง เพื่อให้ยังได้กลิ่นอายเมืองเก่าอย่างมีอรรถรส

BOARD GAMES เกมกระดานสโมสรบอร์ดเกม เพื่อการทำความรู้จักเรื่องราวของสังคม พลวัตเมื่อ 100 ปีก่อน พบกับบอร์ดเกมร่วมรัชสมัยทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ ดุสิตธานี-ท้องถิ่นวิวัฒน์ และ "ดุสิตธานี – รัฐเนรมิต, สถาปัตย์ศิวิไลซ์ใน 100 กว่าปี, กาลานุกรมพระมงกุฎเกล้า, แยกธาตุเกมในสังกัดกรมพาณิชย์สถิติพยากรณ์, และไฮไลต์พิเศษ เกม “สยามรัฐพิพิธภัณฑ์ นานาชาแนล เอกซฮิบิเซนแห่งสยาม” แนวคิดการจัดงานเอ็กโปนานาชาติในช่วงต้นปี 2468 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ การลงทุนในประเทศไทยให้แก่นานาประเทศบนพื้นที่สวนลุมพินี งานใหญ่เมื่อ 100 ปีที่ไม่ได้สร้างแต่ต่อยอดมาเป็นแนวพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน อีกทั้งยังมี THE ALTERATION TRAILS การนำชมพิเศษ หอวชิราวุธานุสรณ์ ทรรศนา: ดุสิตธานี พระบรมราชะประทรรศนีย์ สถานธีรนิทรรศน์ และสีสันจากการทำกิจกรรมเวิร์คช้อปอีกมากมาย

นอกจากนี้ ในงานได้รับเกียรติจาก ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการเรื่อง รากฐานสู่การวัฒนา: จากปิยมหาราชาสู่มหาธีรราชเจ้า พร้อมกับ มอบของที่ระลึกให้กับ นางสาวไทยประจำปี พ.ศ 2567 ดินสอสี-พนิดา เขื่อนจินดา ในฐานะที่ได้รับเลือกจากมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิเพชรรัตน -  สุวัทนา ให้ทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เชิญชวนรณรงค์อุดหนุนของที่ระลึกทั้งสองมูลนิธิฯ 

โดยได้มีการถ่ายสปอตและภาพนิ่งรณรงค์เชิญชวนอุดหนุนของที่ระลึกเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนที่สนใจได้ร่วมสนับสนุน เช่น เสื้อคอโปโลปักพระตราวชิระสีขาว เสื้อคอโปโลปักลายพญามังกร สีกรมท่า หมวกแก๊ป กระเป๋าลายสุนัขทรงเลี้ยง แฟลชไดรฟ์เรือหลวงพระร่วง พัดผ้าไหมลายนกโรบิน สมุดโน้ต และอีกมากมาย โดยรายได้จากการจำหน่ายของที่ระลึกจะนำไปช่วยเหลือด้านการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนไทย พร้อมทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเชิญชวนเที่ยวชมนิทรรศการและกิจกรรมในงานอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมนิทรรศการและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม - 28เมษายน 2567 (มิวเซียมสยาม เปิดบริการเวลา 10.00 – 18.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ หอวชิราวุธานุสรณ์ เปิดบริการวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 – 16.00 น.) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: MuseumSiam หรือ www.museumsiam.org สอบถามข้อมูลการสนับสนุนของที่ระลึกมูลนิธิฯ ได้ที่ Facebook มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ ร.6 และ Facebook มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา

Share:

BCC เปิดตัวหลักสูตรใหม่ล่าสุด “BCC Global Program” หลักสูตรการศึกษาเพื่อการพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ ในแนวคิดความเป็นพลเมืองโลก

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย (BCC) ภูมิใจประกาศเปิดตัวหลักสูตรใหม่ล่าสุด “BCC Global Program” ถือเป็นการประกาศศักราชใหม่ของการศึกษาทั่วประเทศ ด้วยแนวทางที่มีวิสัยทัศน์ นำเสนอผ่านแนวคิดที่มีศูนย์กลางอยู่ที่สัญลักษณ์หมายเลขสี่ หลักสูตรนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการศึกษา โดยปูทางไปสู่การพัฒนานักเรียนแบบองค์รวมและความเป็นเลิศทางวิชาการในแนวคิดความเป็นพลเมืองโลก 

Bangkok Christian College (BCC) proudly announces the launch of its groundbreaking new curriculum called "BCC Global Program", heralding a new era in education across the nation. With a visionary approach centered around the symbolic number four. The curriculum aims to bring a transformative shift in the educational landscape, paving the way for holistic student development and academic excellence in the Global Citizenship Concept. 

สี่วันแห่งการสร้างประสบการณ์การในการเรียน:  

แตกต่างจากรูปแบบการศึกษาแบบดั้งเดิม นักเรียนของ BCC Global Program จะมีส่วนร่วมเชิงประสการณ์กับเนื้อหาหลักสูตรหลักตลอดระยะเวลาสี่วัน แนวคิดนี้ผ่านการวิจัยที่ล้ำสมัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการจัดตารางการเรียนรู้แบบย่อส่วนที่ทรงพลัง นับแนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การเรียนรู้ที่มุ่งเน้นและเข้มข้น ซึ่งเป็นการเพิ่มประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่ยังคงเข้มข้นในเนื้อหาเพื่อรักษาความเข้าใจในการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ 

FOUR Days of Immersive Learning:  

In a bold departure from traditional educational models, BCC Global Program students will engage with core curriculum content over the course of four days, drawing from cutting-edge research on the efficacy of condensed learning schedules. This innovative approach ensures focused, intensive learning experiences that maximize student retention and comprehension. 

เสาหลักสี่ประการของการเรียนรู้:  

หัวใจของหลักสูตร BCC Global Program มีเสาหลักสี่ประการของการเรียนรู้ ได้แก่ ความเป็นเลิศทางวิชาการ ความเป็นพลเมืองโลก ความตระหนักรู้ทางวัฒนธรรม และทักษะด้านนวัตกรรม เสาหลักเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับการเติบโตและการพัฒนาของนักเรียน โดยเป็นแนวทางให้กับนักการศึกษาในภารกิจในการเลี้ยงดูบุคคลที่มีความรอบรู้และพร้อมที่จะเจริญเติบโตในภูมิทัศน์ระดับโลกที่มีพลวัต 

FOUR Pillars of Learning:  

At the heart of the BCC Global Program lie four pillars of learning: Academic Excellence, Global Citizenship, Cultural Awareness, and Innovation Skills. These pillars serve as the foundation for student growth and development, guiding educators in their quest to nurture well-rounded individuals equipped to thrive in a dynamic global landscape. 

 ค่านิยมหลักสี่ประการ: 

ด้วยปรัชญาแห่งความเป็นเลิศ ความซื่อสัตย์ การไม่แบ่งแยก และความยั่งยืน หลักสูตร BCC Global Program จึงปลูกฝังค่านิยมที่สำคัญที่กำหนดลักษณะนิสัยของนักเรียนและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป ความมุ่งมั่นในการศึกษาแบบองค์รวมนี้ทำให้มั่นใจได้ว่านักเรียนไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังพัฒนาพื้นฐานสำคัญให้นักเรียนมีความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมและความเป็นพลเมืองโลกอีกด้วย 

FOUR Core Values:  

Grounded in a philosophy of excellence, integrity, inclusivity, and sustainability, the BCC Global Program instills essential values that shape students' character and guide their actions. This commitment to holistic education ensures that learners not only excel academically but also embody the principles of ethical leadership and global citizenship. 

 สี่ระบบนิเวศการเรียนรู้: 

ความสำเร็จของหลักสูตร BCC Global Program ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญสี่กลุ่ม ได้แก่ โรงเรียน(ครู,ผู้บริหาร,ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม) นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือที่แข็งแกร่งภายในระบบนิเวศเหล่านี้ โปรแกรมนี้จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำงานร่วมกันซึ่งเอื้อต่อความสำเร็จทางวิชาการและการพัฒนาส่วนบุคคล  

FOUR Learning Ecosystems:  

The success of the BCC Global Program hinges on the collaboration and support of four essential stakeholders: School(Teacher, Administrator, Resource, and Environment), students, parents, and community. By fostering strong partnerships within these ecosystems, the program creates a synergistic environment conducive to academic achievement and personal growth. 

สี่ทักษะทางเทคโนโลยี: 

BCC Advanced Integrated Robotics and Security Systems (BCC AIRS) เป็นหลักสูตรใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมทักษะทางเทคโนโลยี ที่พัฒนาจากวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในกลุ่มวิชาวิทยาศาตร์ฯและแนวคิดการออกแบบเพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม นักเรียนจะได้รับความเชี่ยวชาญในขอบเขตเทคโนโลยีที่สำคัญสี่ส่วนได้แก่ A ทักษะปัญญาประดิษฐ์ (AI SKILL), I อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT), R วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) และความปลอดภัยในโลกดิจิทัล S (Security in Cyberspace) ทักษะเหล่านี้ช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักและสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการใช้ชีวิตในบริบทของดิจิทัลอย่างฉลาด และเต็มไปด้วยความมั่นใจ 

FOUR Technological Skills:  

BCC Advanced Integrated Robotics and Security Systems (BCC AIRS) is a new curriculum that has been developed to promote technological skills. The curriculum includes the computational science subject and the Design Thinking concept for innovation. Students gain proficiency in four critical technological domains: Artificial Intelligence Skills (AI SKILL), Internet of Things (IoT), Robotics, and Security in Cyberspace. These skills equip learners with the tools to navigate the digital landscape with confidence and ingenuity. 

สี่ระดับของการพัฒนาที่ครอบคลุม: 

BCC Global Programme นำเสนอประสบการณ์การเรียนรู้แบบองค์รวมที่ปรับให้เหมาะกับสี่ระดับที่แตกต่างกัน ได้แก่ ป.1-3, ป.4-6, ม.1-3 และ ม.4-6 วิธีการเรียนรู้เฉพาะบุคคลนี้ทำให้มั่นใจได้ว่านักเรียนจะได้รับการสอนและการสนับสนุนที่ตรงเป้าหมายในอย่างมีลำดับขั้นตลอดเส้นทางการศึกษาของนักเรียน 

FOUR Levels of Comprehensive Development: 

BCC Global Program offers holistic learning experiences tailored to four distinct levels: Prathom 1-3, Prathom 4-6, Mathayom 1-3, and Mathayom 4-6. This personalized approach ensures that students receive targeted instruction and support at each stage of their educational journey. 

สี่ประเด็นระดับโลกเพื่อเปลี่ยนความรู้สู่การปฏิบัติ: 

นักเรียนสร้างสรรค์โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการรู้นำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ(Capstone Projects) ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงผ่านมุมมองของประเด็นระดับโลก 4 ประเด็นในแต่ละระดับ รวม 12 ประเด็นตั้งแต่ 1) การสร้างรากฐานสำหรับการทำความเข้าใจปัญหาระดับโลก (Building Foundations for Understanding of Global Issues) 2) การสำรวจเครือข่ายของโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน (Exploring Global Connections) 3) การพัฒนามุมมองที่สำคัญต่อความท้าทายระดับโลก (Developing Critical Perspectives on Global Challenges) 4) มีส่วนร่วมในการสนทนาระดับโลกที่ซับซ้อน (Engaging in Complex Global Discussions) ด้วยการใช้ความรู้เพื่อจัดการกับข้อกังวลระดับโลก นักเรียนจะปลูกฝังนวัตกรรมและมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายต่อชุมชนของตนและในมุมมองที่กว้างขึ้น 

FOUR Global Issues Integration:  

Students create projects to develop their knowledge skills and put their knowledge into practice(Capstone Projects). Students engage with real-world challenges through the lens of four global issues at each level, totaling 12 issues starting from 1) Building Foundations for Understanding of Global Issues. 2) Exploring Global Connections. 3) Developing Critical Perspectives on Global Challenges. 4) Engaging in Complex Global Discussions. By applying their knowledge to address global concerns, students cultivate innovation and make meaningful contributions to their communities and beyond. 

หลักสูตรใหม่ "BCC Global Program" แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในด้านการศึกษา การยอมรับนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และการมีส่วนร่วมในระดับโลก เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 โครงการริเริ่มการเปลี่ยนแปลงนี้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับความเป็นเลิศในการศึกษาของไทย ช่วยให้นักเรียนมีความเป็นเลิศในด้านวิชาการ จริยธรรม และนวัตกรรม บนพื้นฐานการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นพลเมืองโลก 

New Curriculum "BCC Global Program" represents a paradigm shift in education, embracing innovation, collaboration, and global engagement to prepare students for success in the 21st century. This transformative initiative sets a new standard for excellence in Thai education, empowering students to excel academically, ethically, and innovatively based on Global Citizenship Education.

Share:

ชวนเที่ยวงานบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุเจ้าเจดีย์วัดบ้านปางถิ่นกำเนิดและละสังขารของครูบาเจ้าศรีวิชัย

 

ครูบาเจ้าศรีวิชัย “ตนบุญแห่งล้านนา” พระเถระชาวจังหวัดลำพูน ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและบูรณะพุทธศาสนสถานหลายแห่งทั่วภาคเหนือของประเทศไทย 

วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ถือเป็นอีกพุทธศาสนสถานที่เก่าแก่อายุประมาณ ๙๘ ปี อีกแห่งหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นถิ่นกำเนิดและสถานที่ละสังขารของครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปางยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการสร้างของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย เจ้าอาวาสวัดบ้านปาง รูปที่ ๑ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘  ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน

แต่ในปัจจุบันเจดีย์เกิดการแตกร้าวและทรุดโทรมเป็นอย่างมาก หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน พระภิกษุสงฆ์ และคณะศรัทธาวัดบ้านปาง จึงได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์ เพื่อให้เจดีย์มีความมั่นคงแข็งแรง มีความสวยงามอีกทั้งเพื่อน้อมรำลึกถึงสังฆบารมีครูบาศรีวิชัย 

เนื่องในวาระครบรอบ 150 ปีชาตกาล ในปีพุทธศักราช 2570 ซึ่งจังหวัดลำพูนได้เสนอชื่อครูบาศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก ต่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ครูบาศรีวิชัย หรือ พระศรีวิไชย เป็นพระเถระชาวจังหวัดลำพูน ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและบูรณะพุทธศาสนสถานหลายแห่งทั่วภาคเหนือของประเทศไทย จนได้รับการขนานนามว่า ตนบุญแห่งล้านนา เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2421, อำเภอลี้ และละสังขารเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2482 ณ วัดบ้านปาง ครูบาศรีวิชัย ตำบล ศรีวิชัย

ในการดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์นี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่10 ทรงมีพระราชศรัทธาบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดสร้างยอดฉัตรทองคำประดับอัญมณี เพื่อประดิษฐานบนยอดพระเจดีย์ ถวายเป็นพุทธบูชาในบวรพระพุทธศาสนาสืบไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อคณะศรัทธาวัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนและพสกนิกรชาวจังหวัดลำพูนทุกหมู่เหล่า 

งานบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุเจ้าเจดีย์วัดบ้านปาง ได้รับความเมตตาจากพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน รับเป็นที่ปรึกษา และพระครูสุเมธธรรมวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน รับเป็นเจ้าภาพ โดยมีแผนในการบูรณปฏิสังขรณ์ 1 ปี นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ถึง เดือนพฤษภาคม 2567 ใช้งบประมาณ จำนวน 13,175,000 บาท (สิบสามล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาทถ้วน) จำแนกเป็น งบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ จำนวน 4,675,000 บาท (สี่ล้านหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาทถ้วน) และงบประมาณปิดทองคำเจดีย์ (ตั้งแต่คอระฆังขึ้นไปยังยอดฉัตร) และฉัตรยอดเจดีย์ จำนวน 8,500,000 บาท (แปดล้านห้าแสนบาทถ้วน)

วัดบ้านปางเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญ มหากุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมทำบุญปิดทองคำ และหุ้มทองจังโก บูรณะเจดีย์พระธาตุวัดป่าปาง วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน 

ข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจร่วมทำบุญ สามารถติดต่อพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน หรือ พระครูสุเมธธรรมวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) หรือ บริษัท ชาร์จ ทู เอิร์น จำกัด 0966919995

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก