GQ Apparel เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ GQ Cool Tech™ Jeans ครั้งแรกของโลก กับกางเกงยีนส์ที่เย็นทันทีที่สัมผัส

GQ Apparel แบรนด์นวัตกรรมเสื้อผ้าผู้ชายชั้นนำจากประเทศไทย ประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุด "GQ Cool Tech™ Jeans" (จีคิวคูลเทคยีนส์) นวัตกรรมกางเกงยีนส์ที่เย็นทันทีที่สัมผัส ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อความสบายสูงสุดสำหรับผู้สวมใส่ แม้ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย

กางเกงยีนส์เป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายยอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบ แม้ว่าสภาพอากาศของประเทศไทยจะร้อนเพียงใด คนไทยก็ยังคงเลือกสวมใส่กางเกงยีนส์ในทุก ๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะงานที่เป็นทางการ กึ่งทางการ หรือวันทำงาน เรียกได้ว่าถือเป็นเครื่องแต่งกายที่ทุกคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้าอย่างน้อย 1 ตัว 

อย่างไรก็ตามกางเกงยีนส์แบบดั้งเดิม มักมีปัญหาเรื่องการระบายอากาศที่ไม่ดี ทำให้รู้สึกอึดอัด เหนียวเหนอะหนะ เวลาที่สวมใส่หรือถอดในวันที่อากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความแข็งและความไม่ยืดหยุ่น ทำให้รู้สึกไม่คล่องตัวเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือกางเกงยีนส์บางประเภทยืดเกินไป เมื่อใส่ไปนาน ๆ ตัวกางเกงจะย้วยจนเสียทรง ทำให้ผู้สวมใส่เสียบุคลิก รวมถึงกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เพียงพอต่อการเก็บของส่วนตัว

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค GQ ได้ออกแบบ GQ Cool Tech™  Jeans ยีนส์แรกของโลกที่พร้อมมอบความเย็นทันทีที่สัมผัส ผ่านการทำงานร่วมกันของ GQ Ultra Ice Zone โซนความเย็นพิเศษที่พิมพ์หมึกเจลเย็น Cool Tech™ ลงไปบนเนื้อผ้า บริเวณต้นขาด้านในซึ่งเป็นจุดหลักที่ร่างกายระบายความร้อนตลอดทั้งวัน ช่วยชาร์จสะสมความเย็น และระบายความร้อน ลดอุณหภูมิลงได้สูงสุดถึง 2 องศา และ GQ Turbo Dry ด้วยเส้นใยแบบเกลียวพิเศษ เพิ่มพื้นผิวระบายอากาศให้ผ้าแห้งไวไม่อึดอัด โล่งสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ระบายเหงื่อได้ดี ช่วยให้รู้สึกสบายเวลาที่สวมใส่ แม้ในวันที่อากาศร้อน ด้วยสองเทคโนโลยีนี้ จึงทำให้ GQ Cool Tech™  Jeans ไม่ใช่แค่ยีนส์ที่แห้งเย็นด้วยการระบายอากาศอย่างเดียวแบบกางเกงยีนส์ทั่วไป แต่สามารถสร้างความเย็นที่คุณสัมผัสได้เองตั้งแต่แรกใส่ 

จอร์จ ฮาร์เทล Chief Commercial Officer เผยว่า “GQ COOL TECH JEANS เกิดจากการศึกษา Insight หลักของกลุ่มตัวอย่างกว่า 100 คนที่มี pain point เรื่อง “ร้อนเเต่อยากใส่ยีนส์” GQ จึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์ยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก จนได้กางเกงยีนส์ที่ “สบายที่สุดในจุดที่รับได้” ตอบโจทย์การสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ช่วยรับมือกับสภาพอากาศประเทศไทย โดยมีจุดเด่นด้านนวัตกรรมเจลเย็น Cool Tech ที่ผสานกับเนื้อผ้าสุดล้ำ  เข้ากับดีไซน์ที่ทันสมัย ให้สอดรับกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์การแต่งกายผู้ชายไทยยุคใหม่อย่างลงตัว มั่นใจได้กับคุณภาพการผลิตโดยผ้ายีนส์คุณภาพสูง มีความทนทาน และตัดเย็บอย่างประณีตอย่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดดเด่นกับเส้นใยแบบเกลียวที่ยืดหยุ่นแต่ไม่ย้วย ช่วยระบายอากาศได้ดี แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความรู้สึกสบายตัวตลอดวันแม้ในสภาพอากาศร้อนอบอ้าว สัมผัสความเย็นฉ่ำทันทีที่สวมใส่ โดยเฉพาะบริเวณขาด้านในที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิลงได้สูงสุดถึง 2 องศาเซลเซียส ให้ความรู้สึกเย็นสบายแม้ในวันที่อากาศร้อนจัด ขานรับความต้องการเฉพาะตัวของตลาดยีนส์ไทย” 

นอกจากนี้ GQ Cool Tech™ Jeans ยังปรับปรุงกระเป๋ากางเกงยีนส์ให้ใหญ่และลึกกว่าเดิม จากกางเกงยีนส์แบบดั้งเดิมที่มีเพียง 5 กระเป๋า แต่ GQ ได้มีการอัพเกรดเพิ่มเป็น 7 กระเป๋า โดยมีการเพิ่มกระเป๋าที่บริเวณด้านหลัง ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนส่วนใหญ่ ที่ชอบเก็บของส่วนตัว เช่น กระเป๋าสตางต์ และโทรศัพท์มือถือไว้ที่กระเป๋าหลัง โดย ON-THE-MOVE Pocket กระเป๋าหลังดีไซน์พิเศษจะช่วยแก้ปัญหาการนั่งทับของใช้ส่วนตัวในกระเป๋าหลัง ให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะนั่งทับจนของเสียหายหรือร่วงหล่นระหว่างเดินทาง และ ทำกิจกรรมต่างๆ โดยทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้สวมใส่คล่องตัวได้มากยิ่งขึ้น

ดูวีดีโอโฆษณาเพิ่มเติมได้ที่ https://youtu.be/hNWDeEV4lEo?si=7N-BM8ysWvrSvC9Y

GQ Cool Tech™ Jeans จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 ทรง (Regular, Straight และ Slim) 5 สี พร้อมวางจำหน่ายที่ร้าน GQ ทั่วประเทศ และทางออนไลน์ https://gqsize.link/ataojj 

ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสความเย็นสบายในสไตล์ยีนส์แบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

Share:

สจล. จัดพิธีลงนามในสัญญาโครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่ได้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และระบบศูนย์การเรียนรู้ ระหว่าง สจล. และบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาโครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่ได้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และระบบศูนย์การเรียนรู้ ระหว่าง สจล. และบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ออนวัลล่า จำกัด กิจการค้าร่วม วินเนอร์ เอเนอร์จี้ และเซ็นเตอร์พอยท์ และโซลาร์เอทู เดินหน้าลดคาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์เต็มรูปแบบ และมุ่งเป้า ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็น ‘The World Master of Innovation’ ในอนาคต  

รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สถาบันให้ความสำคัญกับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ Sustainable Campus  พร้อมเป็นต้นแบบ Green, Smart, และ Digital University ให้กับภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นแนวทางนำไปสู่การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน (Sustainable University) และต้นแบบให้กับประเทศ โดยตั้งเป้าหมาย ที่จะ ‘ลดปริมาณคาร์บอน’ ลงร้อยละ 50 ภายในปีคศ. 2028 และจะมุ่งเป้า ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และ ‘การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ ภายในปี ค.ศ. 2065 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ภายใต้บริบทของสจล. ในการเป็น ‘The World Master of Innovation’ ร่วมกับความเป็น Sustainable campus ที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ในการพัฒนานักศึกษา บุคลากรและสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG 17 เป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ 

ดังนั้นเพื่อเป้าหมายการเป็น Green University สถาบันจำเป็นต้องมีการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้ง solar rooftop เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ การใช้ KMITL EV mini shuttle bus ที่เป็นรถเวียนไฟฟ้า เพื่อลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดการระบบพลังงานแบบอัจฉริยะนำโดย สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือ SCIRA เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับความเป็น Smart Energy เพื่อให้มีการติดตามการใช้และการจัดการพลังงานส่วนที่เหลือจากการใช้สามารถกลับมาใช้ได้อีก แบบ real-time  

รองศาสตราจารย์  ดร.สมศักดิ์ มิตะถา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า การร่วมลงนามครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นตามแผนลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานที่สูญเปล่าและได้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นของสถาบัน ซึ่งโครงการนี้ เป็นการติดตั้ง Solar cell 10 MW ผลิตไฟฟ้าได้ 13,000,000 Wh/ปี (หน่วยต่อปี) สามารถคำนวณการปล่อยก๊าซ GHG emission ได้ประมาณ 3,000,000 Wh x 0.6933 kgCO2e/kWh = 9,012,900 kgCO2e/ปี หรือประมาณ 9 พันตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี หรือเทียบเท่าปลูกต้นไม้ได้ 900,000 ต้น/ปี 

สำหรับ Solar Rooftop มิใช่เป็นเพียง Solar Cell แต่เป็น Smart Device ที่มีสมองกล ส่งข้อมูลต่างๆ เช่น ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ ไปยัง สำนักบริหารข้อมูลดิจิทัลพระจอมเกล้าลาดกระบัง หรือ KDMC เพื่อจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลนั้น มาใช้ในการวางแผน การจัดการพลังงาน เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Digital University ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และบูรณาการข้อมูลต่างๆ จากระบบสารสนเทศ

สำหรับระบบศูนย์การเรียนรู้ ของสจล.จะทำการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์ขนาดไม่น้อยกว่า 20 kWp และติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงชนิด Battery ขนาดความจุพลังงานไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 60 kWh จำนวน 1 ระบบ และติดตั้งรองรับระบบการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System.) เพื่อ ใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยเป็นระบบ Smart Grid ที่ สามารถ รองรับเทคโนโลยี ได้แก่ Energy storage, Data Monitoring & Analytics, Blockchain 4.4 ถือเป็นการจำลองการปลดปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (net zero emissions) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแหล่งเชื้อเพลิงหลักไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์

สำหรับ "Net zero emissions" หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ คือ การที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความสมดุล เท่ากับก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งในสภาวะสมดุลนี้ก็ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ และหากทุกประเทศทั่วโลกสามารถบรรลุเป้า net zero emissions ได้ ก็แปลว่าเราสามารถหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่วนเกิน ที่ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนได้

ผศ. ดร.ชดชนก อัฑฒพงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า เนื่องจากสถาบันมีนโยบายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็นสถาบันที่ยั่งยืน (Sustainable Campus)  โดยมี  5 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ประกอบด้วย การสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษา, การสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่โดดเด่น, การสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน, การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, สร้างสรรค์ระบบการบริหารที่ยั่งยืน  ซึ่งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 5 ด้านนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG 17 เป้าหมาย แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ การพัฒนาคน (People) สิ่งแวดล้อม (Planet) เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง (Prosperity) สันติภาพและความยุติธรรม (Peace) และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership) ดังนั้น โครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) จึงเป็นการตอบโจทย์ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ทุกกลุ่ม

โดยเฉพาะการติดตั้ง Solar rooftop สามารถลดการปลดปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 9 พันตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ชดเชยได้ 900,000 ต้น/ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ ตรงกับ SDG ที่สถาบันกำลังมุ่งเน้น ได้แก่ SDG 4 Quality Education, SDG 7 Affordable and Clean Energy, SDG 9 Industry Innovation and Infrastructure, SDG 11 Sustainable Cities and Communities, SDG 17 Partnerships for the Goals เพื่อมุ่งสู่ความเป็น KMITL toward Sustainable Campus อย่างแท้จริง    

 สำหรับ บริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ ที่ร่วมลงนามกับ สจล. ครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัท ออนวัลล่า จำกัด กิจการค้าร่วม วินเนอร์ เอเนอร์จี้ และเซ็นเตอร์พอยท์ และโซลาร์เอทู เป็นการลงทุนแบบ Power Purchase Agreement(PPA) ในสัญญาการให้บริการไฟฟ้าระหว่างสถาบันฯ กับบริษัท EPC โดยสจล.จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าตามที่ EPC กำหนด และมีระยะเวลาสัญญา 20 ปี จนเมื่อสิ้นสุดสัญญาและสถาบันฯ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเจ้าของ Solar cell หรือให้รื้อออกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นับว่าทำให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวม 

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่  https://curriculum.kmitl.ac.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000


Share:

Bangkok International Digital Content Festival 2024 (BIDC 2024) เทศกาลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ดิจิทัลคอนเทนท์เฟสติวัล 2024 (บีไอดีซี) เทศกาลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 11 โดยการผนึกความร่วมมือแบบบูรณาการของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) และหน่วยงานภาคอุตสาหกรรม 5 สมาคมด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ได้แก่ สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอีเลิร์นนิ่งแห่งประเทศไทย (E-LAT) สมาคมดิจิทอลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (BASA) และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และยกระดับดิจิทัลคอนเทนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และหนุนศักยภาพสู่เวทีระดับโลก พร้อมเปิดเวทีเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการชั้นนำจากทั่วโลกรวมกว่า 110 บริษัทมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา คาดว่าจะสร้างมูลค่าได้มากกว่า 800 ล้านบาท พร้อมทั้งกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้แบบ Onsite และ Online รวม 12 หัวข้อ  รวมถึงการมอบรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ BIDC Awards ให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่มีผลงานโดดเด่นในรอบปี จำนวน 29 รางวัล ซึ่งจะมีการประกาศรางวัลในพิธีเปิดงาน ณ True 5G Pro Hub จึงถือได้ว่าเป็นงานที่มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ทั้งทางด้านเกม แอนิเมชัน คาแรคเตอร์ CG VFX และ อีเลิร์นนิ่งมาร่วมโครงการจำนวนมากที่สุด BIDC 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24  กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2567 

ในการนี้ ท่านประธานในพิธีเปิดงาน BIDC 2024 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า  DITP ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสเพิ่มช่องทางเจรจาธุรกิจและเครือข่ายทางการค้า เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันการค้าระหว่างประเทศให้กับผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย เห็นได้จากในปีนี้ DITP มีการดำเนินโครงการส่งเสริมดิจิทัลคอนเทนต์สู่ตลาดโลก 18 โครงการ สร้างมูลค่าแล้วมากกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งการจัดงานในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการใช้พลังสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม หรือ “ซอฟต์พาวเวอร์” ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น Hub ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ เป็นผู้นำด้าน IP ของเอเชีย ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่ง Outsource งานระดับสูง และเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

สำหรับงาน BIDC 2024 กรมยังคงสานต่อการสนับสนุนกิจกรรมเจรจาการค้า (Business Matching) และสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Business Networking) ที่จัดขึ้นในวันที่ 5 – 7 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับพันธมิตรธุรกิจจากทั่วโลก โดยปีนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 73 บริษัท และผู้ประกอบการเป้าหมายจากต่างประเทศจำนวน 42 บริษัท จาก 10 ประเทศทั่วโลก รวมกว่า 110 บริษัทมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา และมีนัดหมายเจรจาการค้าแล้วมากกว่า 540 คู่ คาดว่าสร้างมูลค่าได้มากกว่า 800 ล้านบาทอย่างแน่นอน นอกจากนี้ กรมยังต่อยอดนำคณะผู้ประกอบการต่างชาติเยี่ยมชมบริษัทดิจิทัลคอนเทนต์ชั้นนำของไทย เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยอีกด้วย

นางหริสุดา บุญยวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนต์ และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB)  กล่าวว่า TCEB ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีพันธกิจในการพัฒนาและยกระดับงานเทศกาลนานาชาติของไทยให้เติบโตในระดับนานาชาติ มุ่งหวังให้งานเทศกาลนี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการรวมตัวและต่อยอดธุรกิจของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ให้เป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งงาน BIDC 2024 สอดคล้องกับพันธกิจของ TCEB ในการพัฒนาและยกระดับงานเทศกาลนานาชาติของไทยให้เติบโตในระดับนานาชาติ จึงได้มีการสนับสนุนการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีแรก จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 11 ปี  ทั้งนี้ TCEB ยังได้จัดทำการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการจัดงานพบว่า งาน BIDC ได้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อรายได้ประชาชาติ (GDP) มีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 240 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 11,000 ตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้นงาน BIDC ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของคนไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตามเจตนารมณ์ของผู้จัดงาน และสอดรับกับนโยบาย Soft Power ที่จะผลักดันให้ดิจิทัลคอนเทนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ มีการประเมินว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ จะสามารถเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่ารวมจะขยายตัวไปถึง 44,983 ล้านบาท ภายในปี 2568 และในปีนี้ ดีป้าก็มีโครงการที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ โดยเฉพาะเกม และอีสปอร์ต ซึ่งได้รับความสนใจจากนักพัฒนาเกมไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคต ดีป้าตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่างาน BIDC 2024 จะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ทั้งด้านเกม แอนิเมชัน CG VFX  คาแรคเตอร์   อีเลิร์นนิ่ง   ผ่านทางกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการประกาศรางวัล Global Achievement Awards 3 สาขา โดยกรรมการสมาคมหรือสมาชิกสมาคมฯ ด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกรายชื่อที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่สร้างชื่อเสียงในวงการดิจิทัลคอนเทนต์ ผลักดันอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยไปสู่ระดับโลก โดยขอแสดงความยินดีผู้ได้รับรางวัลในสาขา Game ได้แก่  คุณเนนิน อนันต์บัญชาชัย สาขา Animation ได้แก่ คุณอัจฉรา กิจกัญจนาสน์  สาขา Visual Effect ได้แก่ The Monk Studios 

ด้านผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) โดย นายอิศรา เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านส่งเสริมเครือข่ายอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กล่าวว่า ในงาน BIDC 2024 ทาง CEA ร่วมผลักดันการพัฒนาผลงานของแรงงานสร้างสรรค์ และเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการในการเชื่อมโยง การผลิตผลงานคุณภาพ ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน  และในปี 2567 CEA มีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์กลุ่ม Creative Content มุ่งยกระดับทักษะ และพัฒนาขีดความสามารถที่จำเป็น พร้อมทั้งส่งเสริมโอกาสการเข้าถึงตลาดงาน ผ่านกิจกรรมการนำเสนอผลงาน การเจรจาธุรกิจ และการสร้างเครือข่าย โดยในปีนี้ ได้มีกิจกรรมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่บุคลากรสายอาชีพระดับต้นในอุตสาหกรรมเกมและแอนิเมชันเพื่อการส่งออกสู่ตลาดสากล โดยดำเนินการประกาศรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ Rising Star Awards  รวม 4 สาขา ประกอบด้วย เกม แอนิเมชัน การออกแบบคาแรกเตอร์ และ อิลลาสเตรเตอร์ หรือการวาดภาพประกอบ  โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ รวมถึงผู้เข้ารอบ 3 คนสุดท้ายในแต่ละสาขา จะมีโอกาสได้นำเสนอผลงาน และสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทยและต่างชาติชั้นนำอีกด้วย ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6 สิงหาคม 2567

สำหรับ นายกฤษณ์ ณ ลำเลียง ในฐานะผู้แทนภาคอุตสาหกรรมในการจัดงาน BIDC 2024 และนายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) กล่าวว่า ในนามผู้แทนภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ Bangkok International Digital Content Festival 2024 (BIDC 2024) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 ในการเป็นเทศกาลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการผนึกกำลังของภาคอุตสาหกรรม 5 สมาคมและได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ  ซึ่งในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฏาคม - 8 สิงหาคม 2567 โดยในวันนี้เป็นพิธีเปิด และการประกาศรางวัล BIDC Awards รางวัล Rising Star (CEA) และรางวัล Global Achievement Award (Depa) รวมทั้งหมด 29 รางวัล กิจกรรมสัมมนาโดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศเดินทางมาเป็นวิทยากร 2 หัวข้อ คือ 2024 Global Licensing Industry Study โดยผู้เชียวชาญด้าน Licensing คุณ Tani Wong [Managing Director (Licensing International), China & amp; Southeast Asia] และ หัวข้อ : GenAI in Animation, VFX, Video Games: a French perspective โดยวิทยากรจากปารีส  คุณ Quentin Auger ซึ่งเป็น Co-Founder & Head of Innovation of the Parisian studio DADA! Animation ขอขอบคุณ TCEB ที่ให้การสนับสนุน Keynote Session นี้ 

และในระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคมนี้ จะมีสัมมนาผ่านทางออนไลน์ โดยวิทยากรที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) ที่ให้การสนับสนุนระบบ อาทิ การสัมมนาหัวข้อ Indy Game Marketing in 2024 / การตลาดของอินดี้เกมในยุคปัจจุบัน โดย Chris Zukowski ที่ปรึกษาและนักวางกลยุทธ์ด้านการตลาดเกม จาก Return To Adventure Mountain, LLC หัวข้อ  Character & Personal Branding Trends โดย สุกฤษฏิ์ จิตต์ชอบ [Creative and Art Director - Kenji Technology Limited / Kenji Technology (Thailand) Co., Ltd.]  หัวข้อ  Empowering Educators with Next-Generation Digital Learning Tools โดย Mr.Kelvin Loh [CEO - eLearningMinds Group Sdn. Bhd.] ฯลฯ โดยผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ สามารถลงทะเบียนหรือติดตามอัพเดตข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/bidc.fest

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญในระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรม Bangkok Marriot Marquis Queen’s Park ได้แก่กิจกรรม Business Networking เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย และต่างชาติที่จะร่วมเจรจาการค้า และกิจกรรมไฮไลท์สำคัญของ BIDC คือ การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ชั้นนำจากทั่วโลก และในปีนี้ยังมีกิจกรรม Business Pitching และ Networking Session ระหว่างคณะ Rising Star Awards 12 คนสุดท้าย กับผู้ประกอบการที่มาร่วมในงาน BIDC 2024 และปิดท้ายกับกิจกรรมพิเศษในปีนี้คือ Studio Visit การนำผู้ประกอบการต่างชาติไปเยี่ยมชมสตูดิโอไทยชั้นนำ ทั้งสายเกม และแอนิเมชั่น  คณะทำงานขอขอบคุณทุกการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ Bangkok International Digital Content Festival 2024  เป็นเวทีแสดงศักยภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยในเวทีระดับสากล ต่อยอดให้เกิดการขยายตลาดในต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมให้แก่คนในอุตสาหกรรม 

  

Share:

ต้องจารึก! บุรีรัมย์เปิดฉาก มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” สุดงดงาม ยิ่งใหญ่อลังการ สมพระเกียรติ

จังหวัดบุรีรัมย์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งกับงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” กิจกรรมเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เปิดฉากวันแรกสุดงดงาม ตระการตา สมพระเกียรติ ผู้ร่วมงานกว่า 30,000 คนสวมใส่เสื้อสีเหลือง เนืองแน่นเต็มพื้นที่ด้านหน้า สนามฟุตบอลช้างอารีนา แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี และความสามารถของ “ฅนบุรีรัมย์” ตลอดถึงภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชนที่ร่วมกันจัดงานได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

งาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” มีกำหนดจัด 3 วันเต็ม ระหว่างวันที่  28-30 กรกฎาคม 2567 ที่สนามฟุตบอล ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุดได้เปิดฉากกิจกรรมวันแรกอย่างสุดประทับใจ โดยจัดขึ้นหลังจากพิธี จุดเทียนชัยถวายพระพร โดยพิธีการเริ่มจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน และประชาชน ประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม ร่วมกันจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงการแสดงเทิดพระเกียรติที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานอย่างมาก

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า งานลมหายใจของแผ่นดิน ถ่ายทอดความรัก ความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของ“ฅนบุรีรัมย์” เนื่องในโอกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ซึ่งเป็นลมหายใจของแผ่นดิน ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งใหญ่ต่อประชาชนชาวไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567 เข้าร่วมงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอด 3 วัน คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานมากกว่า 1 แสนคน

นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า  การแสดงในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคีและความสามารถของลูกหลานชาวบุรีรัมย์ ตลอดถึงภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชนที่ร่วมกันจัดงานได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากเปิดลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์มียอดจองเข้ามาถึงวันละ 30,000 คนเต็มทุกที่นั่ง จึงได้มีการจัดเสริมเก้าอี้ เพื่อรองรับประชาชนที่ลงทะเบียนไม่ทันหรือ บางส่วนที่ walk-in เข้ามาร่วมงานก็สามารถร่วมกิจกรรมได้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานค่อนข้างคึกคัก ทั้งในส่วนของที่พักร้านอาหาร มีการจองที่พักในช่วงวันที่ 27-30 กรกฎาคม มากกว่าปกติเท่าตัว ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมจะได้รับของที่ระลึกเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า เป็นเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 72 พรรษารัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณกุศล รับบริจาคโลหิต จำนวน 7,200 ยูนิต ทั้งภายในงาน และโรงพยาบาล 10 แห่งในโครงการ นอกจากนี้ยังมี โรงทานปันสุข บริการอาหารเครื่องดื่ม เปิดให้บริการตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป มีร้านอาหาร ของดีบุรีรัมย์ ร้านชื่อดังที่มาร่วมงาน ตลอด 3 วัน กว่า 240 ร้านค้า

บรรยากาศการจัดกิจกรรมการแสดงเทิดพระเกียรติ “ลมหายใจของแผ่นดิน” เปิดฉากวันแรก อย่างสุดยิ่งใหญ่ตระการตา มีการ Wrap ด้านหน้าสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เป็นสีขาวอย่างสวยงาม เพื่อให้กลายเป็นจอขนาดยักษ์ ฉายภาพด้วยเทคโนโลยี 3D Mapping นักแสดงและนักดนตรีลูกหลานชาวบุรีรัมย์กว่า 200 คน บรรเลงโดยวงดนตรีออร์เคสตรา (Orchestra) วงใหญ่ ผสมผสานเครื่องดนตรีอีสานใต้ กว่า 120 ชิ้น มีการนำสถานที่ท่องเที่ยวและของดีบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทหินพนมรุ้ง, ลูกชิ้นยืนกิน, กุ้งจ่อม, ผ้าไหมบุรีรัมย์ ฯลฯ มาชูโรงตลอดการแสดง

เนื้อความของมิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” เล่าเรื่องราวตัวละคร “ลุงหมง” ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จากโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรที่อยู่ใต้ร่มโพธิสมภาร โดยลุงหมงได้เล่าให้กับหลานสาวที่พาเพื่อนมาเยี่ยมได้รับรู้ ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจนานับประการ ที่พระองค์ทรงเสียสละ เพื่อพสกนิกรชาวไทย หลังจบโชว์มิวสิคัล เป็นการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติสุดยิ่งใหญ่ สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานอย่างมาก

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชม มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน”  ได้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 บริเวณสนามฟุตบอลช้างอารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจ BURIRAM UNITED

#ลมหายใจของแผ่นดิน

#บุรีรัมย์

#บุรีรัมย์ยูไนเต็ด


Share:

“แอร์เอเชีย” ทำถึง! จัดบิ๊กแคมเปญใหญ่ “เที่ยวนอกกลางปี โมเมนต์ดี มีเงินเหลือ กับแอร์เอเชีย” เอาใจสายเที่ยวนอกแบบจัดเต็ม ทั้งส่วนลด ของแจก ของแถม ร่วมสนุกในงานได้ลุ้นฟรี! ตั๋วเครื่องบิน

แอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 15 ปีซ้อน จาก Skytrax กระตุ้นการท่องเที่ยวกลางปี จัดบิ๊กแคมเปญใหญ่ เอาใจคนชอบท่องเที่ยวต่างประเทศ “เที่ยวนอกกลางปี โมเมนต์ดี มีเงินเหลือ กับแอร์เอเชีย” ชวนแพ็คกระเป๋าออกเดินทางเที่ยวต่างประเทศ สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับหลากหลายเส้นทางในฝันกว่า 63 เส้นทาง อาทิ เฉิงตู, คุนหมิง, โตเกียว, ฟุกุโอกะ, โอกินาว่า, ไทเป, เสียมราฐ, หลวงพระบาง, ดานัง และเส้นทางอื่นๆ อีกมากมาย พบกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ทั้งส่วนลด ของแจก ของแถม ไม่มีอั้น และกิจกรรมสุดพิเศษให้ร่วมสนุกในงาน ลุ้นฟรี! ตั๋วเครื่องบิน และของรางวัลอีกเพียบ! ที่งานนี้งานเดียวเท่านั้น! งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 28 ก.ค. 67 ณ ลานโปรโมชั่น โซน B ชั้น 1 เซ็นทรัล ลาดพร้าว

นางสาวธันย์สิตา อัครฤทธิภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า “จากสถิติด้านการท่องเที่ยว ช่วงกลางปีถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ที่บรรดานักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศน้อยกว่าช่วงอื่นๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงกลางปี แอร์เอเชียในฐานะสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 15 ปีซ้อน เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุด และคุ้มค่ามากที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยแคมเปญ “เที่ยวนอกกลางปี โมเมนต์ดี มีเงินเหลือ กับแอร์เอเชีย” ที่มาพร้อมความพิเศษมากมายภายในงาน ตลอด 4 วันเต็ม รวมถึงนำเสนอจุดหมายปลายทาง

ใหม่ๆ ที่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว มีสถานที่ไฮไลต์สวยๆ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังได้เที่ยวแบบสบายกระเป๋า เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ที่มีราคาลดลงในช่วงโลว์ซีซั่นอีกด้วย”

“สำหรับแอร์เอเชีย เรามองว่าการเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ใหม่ๆ เป็นหนึ่งในวิธีการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด

ที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้รับความตื่นเต้นผ่านการสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ  ได้สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง นอกจากข้อเสนอสุดพิเศษมากมายที่เรานำมามอบให้กับลูกค้าอยู่เสมอแล้ว เรายังมีเส้นทางบินกว่า 63 เส้นทาง ประกอบไปด้วยเส้นทางที่น่าสนใจ อาทิ เฉิงตู, คุนหมิง, โตเกียว, ฟุกุโอกะ, โอกินาว่า, ไทเป, เสียมราฐ, หลวงพระบาง, ดานัง และเส้นทางอื่นๆ อีกมากมาย ครอบคลุมทั้งในภูมิภาคอาเซียน เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดนี้ จะเป็นการมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่า และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าแอร์เอเชียอย่างเเน่นอน” ธันย์สิตา กล่าวเสริม

สายเที่ยวเมืองนอก พบดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายในงาน “เที่ยวนอกกลางปี โมเมนต์ดี มีเงินเหลือ กับแอร์เอเชีย” มากมาย ไม่ว่าจะเป็น…….

​- ซื้อตั๋วเครื่องบินเส้นทางต่างประเทศ ลดทันที 24% ทุกเส้นทาง

​- รับฟรี! ของแถมทุกการจองภายในงาน

​- ฟรี! อัพเกรดน้ำหนักกระเป๋า

​- ฟรี! Standard Seat Voucher

​- รับเพิ่ม! 5,000 AirAsia Points

**โปรโมชั่นพิเศษมีจำนวนจำกัด ∙ ยกเว้นวันหยุดยาวและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ∙  ราคาตั๋วโดยสารไม่รวมค่าบริการเสริมและค่าธรรมเนียมต่างๆ ∙  เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัทฯ

พร้อมร่วมสนุกกับหลากหลายกิจกรรมสุดพิเศษ ลงทะเบียนเล่นเกมส์ลุ้นรับของรางวัลมากมายในงาน อาทิ ลุ้นรับฟรี! ตั๋วบินเส้นทางต่างประเทศ และของรางวัลอีกมากมาย, กิจกรรมนาทีทอง ลุ้นสิทธิ์ซื้อ 1 แถม 1 ทั้งตั๋วเครื่องบิน และบริการ Red Carpet บริการเสริมจากแอร์เอเชีย มอบความ Privilege ให้ความรู้สึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เต็มอิ่มกับบริการระดับวีไอพี กับ 4 สิทธิพิเศษ ทั้งเช็คอินก่อนใคร ขึ้นเครื่องก่อนใคร รับกระเป๋าก่อนใคร และ บริการห้องรับรองที่ Coral Executive Lounge ทั่วประเทศไทย มาพร้อมโซนรับรองพิเศษ พร้อมรับเครื่องดื่ม Signature Drink ที่ Coral Executive Lounge ใน 4 สนามบิน

Share:

ปฏิทินข่าว สจล. ขอเชิญเข้าร่วมประกวดนวัตกรรม “KMITL Future Innovator 2024” ภายใต้แนวคิด“นวัตกรรมขับเคลื่อนชุมชนและสังคมสู่ความยั่งยืน”

 

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดย สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง / วิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุ/ คณะเทคโนโลยีการเกษตร/ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ เตรียมจัดงาน “KMITL Future Innovator 2024” ภายใต้แนวคิด“นวัตกรรมขับเคลื่อนชุมชนและสังคมสู่ความยั่งยืน” ในวันที่ 22 - 23 สิงหาคม 2567  เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 5 สิงหาคม 2567  โดยมีกิจกรรม

-วิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุ จัดการประกวดนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี ระดับประเทศครั้งที่ 12 ระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษาและบุคคลทั่วไป เพื่อนำองค์ความรู้ในด้านนาโนเทคโนโลยีมาพัฒนาและต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่สังคมอย่างยั่งยืน

-คณะเทคโนโลยีการเกษตร จัดการประกวดแข่งขันแนวคิดนวัตกรรมการเกษตรเพื่ออนาคต: Pitching เพื่อให้น้อง ๆ ระดับมัธยมปลายหรือระดับ ปวช. นำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยีการเกษตรและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเกษตรในอนาคต สำหรับสังคมคาร์บอนต่ำ ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน” จำนวน 30 ทีม สมาชิกในทีม 2 - 5 คน

-คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาทักษะดิจิทัลและการสร้างนวัตกรรม (iMake) จัดกิจกรรมArduino Explore IoT Kit Hackathon 2024 : Innovation to drive Zero Waste of BCG Economy สร้างโอกาสร่วมกันกับน้อง ๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับ ปวช. ออกแบบสร้างนวัตกรรมรักษาโลกใบนี้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) โดยใช้องค์ความรู้ทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (IoT)


ผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเดียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : KMITL Lifelong Learning Center หรือติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-326-8000 ต่อ 5084


Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก