เป็นปลื้ม เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ปลื้มใจ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมใจ ไปรษณีย์ไทย ใช้กล่องบรรจุผลไม้ DIT ส่งฟรีทั่วไทย

ส่งผลไม้คุณภาพดี-ตรงถึงมือผู้บริโภคแถมฝากส่ง EMS ได้ทั่วไทยฟรีถึง 30ก.ย.2567 ชี้ ช่วยระบายผลผลิต ลดต้นทุนขนส่ง เพิ่มยอดขายให้เกษตรกร ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรณรงค์บริโภคผลไม้ ปี 67 ของกระทรวงพาณิชย์ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ Facebook Fanpage กรมการค้าภายใน DIT

#กระทรวงพาณิชย์ #MOCThailand #MOC #กรมการค้าภายใน #ข่าวเศรษฐกิจ

Share:

Prospire Holding เล็งข้ามช็อต AI บุกอุตสาหกรรม Neurotechnology ว่าที่ S Curve ใหม่ของโลก ชิงส่วนแบ่ง 1 ล้านล้าน

 

วันนี้ (24 สิงหาคม 2567) คุณชิตพล มั่งพร้อม ผู้ก่อตั้งบริษัท Zanroo ซึ่งเป็นบริษัท MarTech ของไทยที่ประสบความสำเร็จไปหลายประเทศทั่วโลก และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น CEO บริษัท Prospire Holding ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการ Martech, Big Data, AI จัดงานแถลงข่าวร่วมกับ ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ ที่ปรึกษาด้าน Neuroscience และ ผู้ร่วมก่อตั้ง BrainSpoke  และ คุณวฤณต์ ตรีโสภา CEO ของ pync   ในชื่องาน   “Is NeuroTech The Next Future Era?” ขึ้น ณ Em Glass ชั้น G ห้างสรรพสินค้า เอ็มสเฟียร์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุน และผู้ที่สนใจด้าน MarTech และ NeuroTech ได้เล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจที่มีการพัฒนาก้าวล้ำไปไกลซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจที่สร้างกำไรได้อย่างมหาศาล 

ภายในงานมีบริษัท BrainSpoke และ pync ที่อยู่ภายใต้การร่วมทุน รวมถึงบริษัท partners ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันมาร่วมงานมากมาย อาทิ บริษัท Kommercecorner ที่จับมือ Shopgenix เพื่อดันจุดยืนการเป็น Commercial and Creative Marketing Agency, บริษัท Pana Entertainment จากเกาหลีสะท้านวงการ Influencer ด้วยการเปิด TikTok Live Streaming House ในเมืองไทย รวมถึงบริษัทพัฒนาโปรแกรมซอร์ฟแวร์อย่าง                                   Glonix Technologies และบริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลี Shinest บุกตลาดไทยจับมือ Prospire Holding เพื่อเขย่าวงการ Martech และยังรวมถึง Zipmax จับกระแสการเติบโตของวงการหนังสั้นแนวตั้งสู่ตลาดมือถือทั่วโลก   จึงเป็นการร่วมทุนตลาด Martech ที่ใหญ่ที่สุดรวมไว้ในงานเดียวกัน รวมถึงนักลงทุนและเซเลปบริตี้ ชื่อดังมากมาย อาทิ     คุณมนาเทศ  อนวัฒน์, คุณกมลนัย  ชัยเฉนียน, คุณสุจินต์ หวั่งหลี, คุณรุจิราภรณ์  หวั่งหลี, คุณเศรษฐพงศ์ เพียงพอ และ คุณภูวดี คุนผลิน เป็นต้น

คุณชิตพล มั่งพร้อม กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ตนมองเห็นนั้นได้เล็งไปอนาคตของโลกหลังจากยุคอินเตอร์เน็ต มาถึงยุค AI เล็งเห็นว่า S Curve ใหม่ของโลกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ปีที่จะมาสร้างการเจริญเติบโตให้ GDP ของโลกเติบโตในก้าวต่อไปได้อย่างมหาศาลนั้น คือ Neurotechnology คุณชิตพลได้บรรยายให้เห็นอนาคตดังกล่าว ด้วยการอธิบายว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปมากด้วยการทำให้มนุษย์คุยกับคอมพิวเตอร์ได้ หากมนุษย์คุยกับสมองอันชาญฉลาดของเราเองรู้เรื่องและสมองสามารถคุยกับอุปกรณ์อะไรก็ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ โอกาสใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะเข้าสู่สังคม นี่คือ เหตุผลของคำว่า S Curve ใหม่ของโลก Neurotechnology คือสิ่งที่จะนำมาซึ่ง Applications ที่จะเข้ามาอำนวยสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับมนุษยชาติยิ่งกว่ายุคอินเตอร์เน็ต และ AI อย่างมากมายมหาศาล Neurotechnology จะไม่ได้เป็นเรื่องของหมอและนักวิชาการทางสมองเท่านั้น แต่จะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใช้กันนับพันล้านคนบนโลก ทำให้เกิด“โอกาสทางธุรกิจระดับโลก” ระดับ Trillion Dollar หรือ ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใน 10 ปีข้างหน้า และนี่คือสิ่งที่คุณชิตพลมองข้ามช็อต AI   ไปข้างหน้าและจำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

คุณชิตพล กล่าวต่อว่า ในฐานะของ Chief Executive Officer ของ Investment Firm                               ชื่อ Prospire Holding จึงเข้าลงทุนใน BrainSpoke บริษัทที่ถูกวางตัวให้เป็น Key Player ในระดับ Global ของอุตสาหกรรม Neurotechnology ดังนั้น BrainSpoke จึงเป็นหัวหอกหรือ Flagship แรกของ Prospire Holding ที่จะเริ่มบุกเบิกและสร้างตลาด Neurotechnology ที่จะส่งผลิตภัณฑ์แรกของบริษัท คือ BrainSpoke Wearable ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการด้าน Mindfulness ที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันมีขนาดตลาดกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี BrainSpoke Wearable ที่ได้รับการออกแบบอย่างพรีเมี่ยม ใช้กับไลฟสไตล์ของคนทั่วไปได้อย่างตลอดเวลา เป็น Wearable Product ที่จะนำเทคโนโลยี่ทำการแปรผลคลื่นสมอง เป็น         Big Data และใช้ AI ประมวลผลส่งเป็นรายงานให้ผู้ใช้ได้รับทราบถึงสภาวะทางการทำงานของสมองที่มีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และ ความสามารถของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง BrainSpoke Wearable นี้จะวางตลาดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เป็น Tier แรก 

ดร. ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์  ที่ปรึกษาทางด้าน Neuroscience และผู้ร่วมก่อตั้ง BrainSpoke กล่าวถึง สาเหตุที่เล็ง Applications ของ BrainSpoke Wearable ไปที่ตลาด Mindfulness นั้นเพราะสิ่งที่อินเตอร์เน็ตและ AI นำมาสู่มวลมนุษย์นั้นไม่ได้มีแค่ส่วนดีด้านเดียว แต่ นำเรื่องปวดหัว ความเครียด ความวิตกกังวลมากมายมาด้วย ทำให้ตลาด Mindfulness เติบโตอย่างรวดเร็ว และ มี Pain Points ให้เราเข้าไปฉวยโอกาสได้อย่างเด่นชัดด้วย Neurotechnology นั่นเอง

คุณชิตพลได้เสริมเพิ่มเติมอีกว่า นอกเหนือจาก People Application แล้ว ทาง Prospire Holding ก็ยังมองไปถึงโอกาสใหม่ๆของการนำ Neurotechnology มาสร้างประโยชน์ให้มนุษย์ นั่นคือ การใช้เทคโนโลยี่ที่จะทำให้มนุษย์สามารถรับรู้และสื่อสารกับ Pet หรือสัตว์เลี้ยงจึงเกิดการปั้นบริษัทที่ชื่อว่า pync โดย คุณวฤณต์ ตรีโสภา CEO ผู้ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตในนิวยอร์ค  “pync” ที่อ่านว่า พิงค์ มีที่มาจากคำว่า Pet และ Sync รวมกันเพื่อเป็นอีกมิติในการเชื่อม Human และ Pet เป็นการ “pync” ร่วมกันนั่นเอง โดยจุดขายนั้นอยู่ที่การเป็นอุปกรณ์ Pet Wellness Equipment ที่จะอยู่กับตัวน้องหมาน้องแมว ในรูปแบบ “Smart Collar” ทำงานด้วยการแปลความคิด ความรู้สึกของสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของคนให้ออกมาเป็นสิ่งที่คนเราจะเข้าใจได้ ผนวกร่วมคู่กับ Application ครบวงจร ที่สนองความต้องการของคนรักสัตว์ที่อยากเข้าใจจิตใจของสัตว์เลี้ยง โดยออกแบบให้เทคโนโลยี่มาในรูปแบบของความเป็น Fashionable Lifestyle Gadget ที่จะให้ผู้ใช้ได้สนุก เลือกสรรอย่างเพลิดเพลิน ทาง Prospire Holding เชื่อว่า “pync” นี้ จะเป็นสินค้า flagship ของทางบริษัท ที่จะสยายปีก      ด้าน Neurotechnology ในกลุ่มของ Prospire Holding ได้เป็นอย่างดี

 “เป้าหมายทางการเงิน” ในส่วนของเป้าหมายทางการเงินระยะสั้นจาก BrainSpoke Wearable นั้น    คุณชิตพลกล่าวว่า เรามองไปยังตลาด Mindfulness ที่มีขนาดตลาด 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีที่หากนำ                     Neurotechnology มาพัฒนาต่อยอดเพื่อแก้ Pain Point ที่เราศึกษามาเชื่อว่า เราจะสามารถเข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ในระดับ 20-30% ของตลาด 500 ล้านเหรียญสหรัฐได้ภายใน 3-5 ปี และ BrainSpoke และ pync จะเป็น Flagship Products สองตัวแรกที่จะเป็นสื่อสร้างแบรนด์ของทั้งสินค้าและบริษัท ที่จะลงทุนพัฒนาทั้ง        เทคโนโลยี่และผลิตภัณฑ์และ Applications หลากหลาย ตลอดจนการ Collaborations กับบริษัทชั้นนำของโลกในสาขาต่างๆที่จะประยุกต์เทคโนโลยี่ของเราเข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อีกมากมาย เพื่อเป็นการช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจระดับ ล้านล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาต่อไป หากเราสามารถแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดในโลกยุค Neurotechnology ได้เพียง 1% ในฐานะ Key Player คนนึง นั้นหมายความว่า เรากำลังมองไปที่ตัวเลข 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐกันเลยในอนาคต 10-15 ปี

 “ทิ้งท้ายถึงนักลงทุน” เมื่อถามถึงโอกาสที่นักลงทุนหากมีความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในโอกาสของ   S Curve ใหม่นี้ที่คุณชิตพลได้กล่าวมาข้างต้น จะมีโอกาสมากน้อยเพียงใด คุณชิตพล CEO ของทั้ง Prospire Holding  และ CEO ของ BrainSpoke กล่าวว่า เรายินดีแบ่งปันโอกาสเพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างแน่นอนครับ โดยมี CEO แต่ละบริษัทในกลุ่ม Prospire Holding ร่วมกล่าวเสริม

ดร. ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์  ที่ปรึกษาทางด้าน Neuroscience และผู้ร่วมก่อตั้ง BrainSpoke กล่าวว่าBrainSpoke จะเป็นผู้นำนิวโรเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ (Neurotechnology & AI)  เพราะทุ่มพัฒนา เทคโนโลยี่อุปกรณ์สวมใส่ที่ใช้ถอดรหัสการทำงานของสมองในทุกบริบทของชีวิต  เพื่อช่วยปรับเปลี่ยน lifestyle  เพื่อสุขภาวะทางใจที่ยั่งยืนของทุกคน 

คุณวฤณต์ ตรีโสภา Chief Executive Officer ของ “pync” เล่าถึงโลกแห่งอนาคต มิติอีกมิติที่       มนุษย์และสัตว์เลี้ยงจะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นโดยเทคโนโลยี่ที่ BrainSpoke ได้ทำขึ้นมานั้นคือแรงบันดาลใจในการต่อยอดเป้าหมาย Mission จุดนี้ของ “pync” ที่เชื่อว่าเทคโนโลยี และผลิตภัณท์นี้จะทำให้ทุกๆชีวิตมีความสุขมากขึ้น มีการรับรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น หรือแม้กระทั่ง อาจช่วยในการป้องกันภัยอันตราย ก่อนที่จะสายเกินไปได้อีกด้วย โดยคุณวฤณต์ ยังเชื่ออีกว่า หาก Neurotechnology และ AI นั้น นำมาใช้ให้ถูกทางอย่างถูกต้องแล้วนั้น จะสร้างปรากฎการณ์ในหลายๆมุมกว้าง ที่ส่งผลต่อยอดให้ “โลก” ใบนี้ หรือที่ๆ เราเรียกว่า “บ้าน” นั้น เป็นที่ๆน่าอยู่ขึ้นอย่างแน่นอน

คุณประภาวรินท์ โชคประเสริฐกุล Co-Chief Executive Officer (CEO) ผู้บริหาร Pana Entertainment   กล่าวถึงการจัดตั้งบริษัท Pana Entertainment ที่จะเป็นสังกัดแรกในไทยสำหรับการสร้าง Influencer เพื่อดันวงการ TikTok Live Streaming  House กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ ก้าวสู่ธุรกิจการสร้างนักไลฟ์สด หรือ TikTok Live Streaming Agency โดย Pana Entertainment มีคุณ Kang Sehyoek เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (Founder) และคุณ Park Seungeun ในฐานะ CO- Chief Executive Officer (CEO) ร่วมกัน เพื่อเป็นบริษัทต้นสังกัด ที่ฝึกสอนและผลิต TikTok Live Streamers หน้าใหม่ที่ผู้เข้าร่วมนอกจากจะได้รับการฝึกทักษะการไลฟ์เพื่อรายได้แล้วยังช่วยเพิ่มเติมศักยภาพหรือความสามารถในการเป็น Creator เพื่อขายสินค้าและบริการในช่องทาง TikTok ได้อีกด้วย

คุณเอกอมร อินทรลักษณ์ Managing Director บริษัท Kommercecorner ประกาศร่วมมืออย่างเป็นทางการกับบริษัท MCN ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่าง Shopgenix ผู้ครองตลาด TikTok MCN ด้วยยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี Kommercecorner จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจด้วยการดึงพันธมิตรอย่าง Shopgenix เข้ามาร่วมมือกันเพื่อขยายขีดความสามารถทางการแข่งขัน ชูจุดแข็ง          Social Commerce, Affiliate Marketing, และ Digital Marketing

Shin Kyung Tae, Chairman บริษัท Shinest จากประเทศเกาหลีที่ให้บริการเทคโนโลยีที่หลากหลายทั้งเทคโนโลยี่บล็อกเชน และ การจัดการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการดำเนินธุรกิจด้วย AI เพื่อตอบสนอง       ความต้องการของบริษัทในตลาดโลก Shinest ร่วมมือกับ Prospire Holding  นำเสนอแพลตฟอร์มใหม่     “Aime: Affiliated Marketing” ในประเทศไทยเชื่อมั่นสามารถดึงความสนใจให้ทั้งตลาดนักลงทุน นักธุรกิจ และผู้ใช้งาน รวมไปถึงซอฟแวร์ AI Celebrities ชื่อ “AVIGEN” แอปพลิเคชันที่ให้เหล่าผู้ใช้งานได้ใกล้ชิดสื่อสาร              กับ Celebrity ชื่อดัง และสุดท้าย “Review Circle” นำเสนอโปรแกรมการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Trial Program) เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดสอบการใช้งานก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือสมัครใช้บริการแบบเต็มรูปแบบ  ผู้ใช้สามารถทดลองใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 7 วัน 14 วัน หรือ 30 วัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยโปรแกรมนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าและบริการ ทำให้เกิดการเพิ่มโอกาสการขายและตัดสินใจซื้อหรือสมัครบริการได้ง่ายยิ่งขึ้น

คุณธีระกฤษ พร้อมมูล Chief Executive Officer แห่ง Glonix ที่เป็นบริษัทพัฒนาโปรแกรมซอฟแวร์   ยกทีมงานกว่า 50 ชีวิต เปิดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ขยายทีม ขยายฐานลูกค้าทั้งองค์กรระดับเล็กกลางใหญ่ ด้วยความพร้อมและศักยภาพในการพัฒน


Share:

ผสานพลัง!! ขนมปังโกลด์เบรด สปอนเซอร์หลักร่วมกับ Clover Solution และนมแมกโนเลียกิงโกะ เสริมทัพด้วย TESF และ สพฐ.จัดการแข่งขัน ROV ชิงถ้วยโครงการ Esports What? School Tour 2024 Grand Final!

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ แกรนด์สเตชั่น ชั้น 2 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ได้จัดงานชิงแชมป์ในโครงการ Esports What? School Tour 2024 Grand Final ขึ้น โดยมีขนมปังโกลด์เบรด และแมกโนเลีย กิงโกะ เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเฟ้นหาสุดยอดแชมป์ตัวจริงเกม ROV ในระดับมัธยม จากการเดินทางคัดเลือกทีมผู้ชนะเลิศทั้ง 20 โรงเรียนตลอดปี 2024 เพื่อมาแข่งรอบ Grand Final ชิงถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติพร้อมเกียรติบัตร และทุนการศึกษารวมกว่า 440,000 บาท  

โครงการได้เริ่มต้นซีซั่นที่ 2 ขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2023 มีการจัดงานแถลงข่าวพร้อมสื่อมวลชนและบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยโครงการยังคงมุ่งสร้างองค์ความรู้ทางด้านกีฬา อีสปอร์ต ให้เป็นที่รู้จัก

สำหรับการดำเนินงานตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา กับ 20 โรงเรียนที่ได้เดินทางมอบสาระความรู้ และความบันเทิงจากการแสดงของนักเรียนที่มาโชว์ทักษะด้านดนตรีและโคฟเวอร์แดนซ์ ทำให้เกิดการต่อยอดเป็นโครงการ Cover Dance & Music Band What? School Tour 2024 เพื่อจัดแข่งขันในกลุ่มโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จนได้รับการตอบรับจากทุกโรงเรียนเป็นอย่างดี และแสดงให้เห็นถึงการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่มีความพยายามสร้างเวทีให้เยาวชนมีพื้นที่แสดงความสามารถ ซึ่งทีมที่ชนะทั้งวงดนตรีและโคฟเวอร์แดนซ์ ก็ได้เตรียมมาจัดแสดงให้ผู้ชมอย่างเต็มที่ในวันดังกล่าวด้วย

นอกจากนั้นความพิเศษในซีซั่น 2 ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ทางโครงการได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มอบสิทธิ์เข้ารับทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ได้รับแชมป์ และรองแชมป์ 2 อันดับ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการนี้สามารถต่อยอดทางการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง

การแข่งในรอบ Grand Final นี้ ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศการต่อสู้ที่ดุเดือดของเหล่านักกีฬาขาสั้น เพื่อเป็นสุดยอดทีมโรงเรียนที่นอกจากจะได้รับถ้วยแชมป์ไปครองแล้ว ยังเป็นการปิดโครงการครั้งนี้อย่างสมบูรณ์

โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณปิยะวรรณ นราธรรม ช่วยอำนวยการสายงานบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.เอส.โกลด์เบรด จำกัด ผู้สนับสนุนหลักโครงการอย่างเป็นทางการได้กล่าวถึงความประทับใจที่เกิดขึ้นในงาน Esports What? School Tour 2024 ครั้งนี้ว่า “วันนี้อย่ามองแค่ว่าใครเป็นผู้สำเร็จ แต่ให้มองว่านี่คือเวทีแรกที่น้องๆ ได้มีโอกาสได้มาแสดงฝีมือ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่านี่ไม่ใช่เวทีสุดท้าย และไม่ใช่ปีสุดท้ายของโครงการนี้ พวกเราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ใจดี คอยซัพพอร์ตกิจกรรมเหล่านี้ ร่วมกับทางราชการและทางโรงเรียนรวมถึงทางโครงการที่จะเกิดขึ้นได้อีกในปีถัดๆ ไป อยากให้เกมไม่ใช่ผู้ร้าย แต่อยากให้เป็นโอกาสของน้องๆ เป็นกิจกรรมที่จะสร้างอาชีพใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในวงการและประเทศไทย ”

โครงการในซีซั่น 2 นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีอย่าง บริษัท เอ็น.ซี.เอส. โกลด์เบรด จำกัด ผู้ผลิตขนมปังโกลด์เบรด สปอนเซอร์หลัก และบริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด สินค้าแมกโนเลียกิงโกะ ที่พยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง และในซีซั่น 2 นี้ ได้มี 2 หน่วยงานที่เข้ามาเสริพทัพให้โครงการแข็งแกร่งขึ้นนั่นก็คือ สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกีฬาอีสปอร์ตระดับประเทศ  และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกับโรงเรียนเป็นอย่างดี ทำให้การดำเนินงานมีความราบรื่นตลอดโครงการ ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับกีฬาอีสปอร์ต ในประเทศให้มีภาพลักษณ์ที่ดี ลบภาพเด็กติดเกมแบบเดิมๆ แทนที่ด้วยองค์ความรู้และโอกาสที่เข้าถึงในอาชีพในอนาคตได้ 

​ท้ายที่สุดหวังอย่างยิ่งว่าโครงการดีๆ แบบนี้จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีอย่างต่อเนื่องจนเกิดซีซั่น 3  ซึ่งยังมีโรงเรียนจำนวนมากที่ยังรอคอยกิจกรรมดีๆ แบบนี้ เพื่อส่งเสริมน้อง ให้มีโอกาสที่ดีกับการเรียนรู้บนเส้นทางสาย อีสปอร์ต อย่างถูกต้องและเหมาะสม

โปรดติดตามการแข่งขันโครงการ Esports What? School Tour ในครั้งต่อไปได้ที่เพจ ขนมปังโกลด์เบรด : Clover Solution, GoldBreadและ Esports What? School Tour

Share:

Colors of Buriram บุรีรัมย์อวดโฉมผ้าไทยสุดวิจิตร ในงาน THAI TEXTILE HEROES 2024 EPISODE 3

22 สิงหาคม 2567 พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน นิทรรศการ Colors of Buriram งานผ้าไทยที่เปิดประตูอาณาจักรเส้นทางสายไหมของจังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการนำเสนอนิทรรศการรูปแบบทันสมัย ชูหัตถศิลป์พื้นถิ่นสู่ไฮแฟชั่นสุดอลังการ ให้ได้สัมผัสกับ ภูมิปัญญา,วัฒนธรรมและความเป็นไทยผ่านผลิตภัณฑ์ผ้าทอนานาชนิด และงานหัตถกรรมต่างๆ โดยการออกแบบและสรรค์สร้างโดยชาวบุรีรัมย์ทุกชิ้น 

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน  กล่าวว่า  งาน “Colors of Buriram” เป็นการจัดนิทรรศเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวบุรีรัมย์ได้แสดงผลงานผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชุมชน ให้ประชาชนในวงกว้างได้รับรู้และชื่นชม โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567   ได้มีพิธีเปิดนิทรรศการให้เข้าชมเป็นวันแรก ภายในงานได้จัดแสดงเส้นทางการพัฒนากระบวนการทอผ้าของชุมชนต่างๆในบุรีรัมย์ ที่มาพร้อมกับการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ผ้าทอ รวมถึงงานฝีมือนานาชนิด ซึ่งยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆที่น่าสนใจวางจำหน่ายภายในงานให้ผู้ที่สนใจได้ซื้อหาอีกด้วย  งาน THAI TEXTILE HEROES 2024 EPISODE 3  นิทรรศการผ้าไทย “Colors of Buriram ” จัดแสดงระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม ถึง 22 กันยายน 2567 บริเวณไอคอนคราฟต์ ชั้น 4  ไอคอนสยาม

นางสาวชิดชนก ชิดชอบ ผู้จัดงานนิทรรศการ “Colors of Buriram” กล่าวว่า ในครั้งนี้เกิดจาก เป็นการรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาจากทั้ง 23 อำเภอ โดยเฉพาะผ้าไหมของชาวบุรีรัมย์ที่มีการพัฒนาต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัย ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ถักทอด้วยความประณีต ออกแบบและตัดเย็บสวยงาม สืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย และสนับสนุนกลุ่มอาชีพผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น”

สำหรับผู้มาร่วมงานในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย  นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นางสาวสุภานัน นิราษิท ภริยานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.ศรินดา จามรมาน ที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก

นายเศรณี ชาญวีรกูล บุตรชายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

Share:

True world Travel เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลี 2024-2025 กลับมาอีกครั้งกับงานที่ทุกคนรอคอย ฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลี 2024-2025 ต้อนรับฤดูการท่องเที่ยวเกาหลี ถึงอีกครั้ง “ทรู เวิลด์ ทราเวล” ร่วมกับ “แอร์ปูซาน”

จัดทริปเที่ยว 2 ประเทศ “ปูซาน – มัตสึยามะ” เปิดเส้นทางใหม่ที่เดียวในไทยพร้อมต้อนรับและบริการนักท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยว   ยกระดับจุดหมายทางการท่องเที่ยวระดับโลก มีความสวยงามหลากหลายแบบหลายมุม แตกต่างกันไป 

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล ร่วมกับ สายการบิน ปูซานแอร์ไลน์ เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลี  NEW SEASON OPENING ชวนคนไทยท่องเที่ยวฉ่ำๆ สองประเทศ เกาหลีและญี่ปุ่น ครั้งแรกในเมืองไทย โดยมีนักท่องเที่ยวและเอเยนซี่ ร่วมเปิด season คับคั่ง 

Mr. Kim Jongcheol General Manager Bangkok Branch กล่าวว่า “แอร์ปูซาน ยินดีต้อนรับผู้โดยสารคนไทยทุกท่าน แอร์ปูซาน เรามีเส้นทางการบิน กรุงเทพ-อินชอน และกรุงเทพ-ปูซาน และนี่เป็นการเปิดเส้นทางใหม่ครั้งแรก ร่วมกับกับบริษัททรู เวิลด์ ทราเวล คือ ปูซาน - มัตสึยาม่า  ปูซาน เมืองใหญ่ที่น่าเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ และเมืองมัสสึยะมะซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น”

ด้านนางสาว พธู ณ สงขลา ผู้บริหาร บริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล จำกัด กล่าวถึง การเปิดเส้นทางใหม่ เที่ยวสองประเทศในครั้งนี้ว่า NEW SEASON OPENING ปี 2024-2025 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเกาหลีกลับมาอีกครั้ง รอบนี้ทรู เวิลด์ ทราเวล มาเปิดตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินแอร์ปูซาน เป็นการร่วมมือครั้งแรกของเรา 

ซึ่งซีซันที่ผ่านมา ปี 2023-2024 ทรู เวิลด์ ทราเวล พาคนไทยไปเที่ยวเกาหลีรวม 50,000 กว่าคน และได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีมาก ๆ กระแสตอบรับล้นหลาม ทำให้ครั้งนี้ ทรู เวิลด์ ทราเวล เปิดทริปเที่ยวเกาหลีเพิ่มเติมขึ้นมา เป็นทริปพิเศษ นอกเหนือจากทริปที่เป็นซิกเนเจอร์ของ ทรู เวิลด์ ทราเวล ไม่ว่าจะเป็น ปูซาน โซลพลัสที่ให้เที่ยวอิสระ  เป็นเคทีเอ็กซ์ให้เที่ยวทั้งปูซานและกรุงโซล รวมถึงเกาะเจจูรอบนี้เปิดด้วย และรอบนี้พิเศษสุดๆ กับทริปที่เที่ยวสองประเทศในครั้งเดียว คือไปทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นในคราวเดียว 

โดยบินกับแอร์ปูซาน สายการบินที่บินทั้งสี่ไฟล์ทเป็นอินเตอร์ทั้งหมด ที่ญี่ปุ่น เที่ยวที่เมืองมัตสึยามา หลายคนยังไม่รู้จัก เพราะประเทศไทยไม่มีบินตรงไปที่นั่น ใครอยากเที่ยว เมืองเก่าแก่ ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ต้องบินไปกับเรา เพราะเราพาบินจากปูซานไปมัตสึยาม่า ใช้เวลาบินแค่ห้าสิบนาที ทริปของเรา 6 วัน 4 คืน เที่ยวสองประเทศ จุกๆ รับรองว่าประทับใจแน่นอน ญี่ปุ่นของเราเริ่มเดินทางวันนี้ วันที่ 20 สิงหาคม 2567  และออกเดินทางทุกวันอังคาร ยาวไปถึง เดือนธันวาคม ใครอยากเที่ยวฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหิมะตก เตรียมพร้อมจองทัวร์กันได้เลย ส่วนซีซันใหม่ของเราเริ่มวันนี้วันแรก เช่นเดียวกัน มีทั้ง ปูซาน 4 วัน 2 คืน ปูซาน 5 วัน  3 คืน โซลพลัส 4 วันและ โซลพลัส 5 วัน รวมถึงเจจู พบกันแน่ๆ เร็ว ๆ นี้คะ ถ้าไปเที่ยวเกาหลี แค่มี KETA สามารถเข้าไปท่องเที่ยวเกาหลีได้  ถ้าใครเลือกทริปเกาหลี - ญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่น ใช้  visit Japan ลงทะเบียนตอนนี้ ทรู เวิลด์ ทราเวล ลงทะเบียนให้ด้วย แค่คุณมีพลาสปอร์ต และ KETA และ visit Japan สามารถไปเที่ยวกับได้แล้ว 

สามารถจองผ่านบริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล หรือที่ตัวแทนจำหน่าย บริษัทเอเยนซีทั่วประเทศไทย สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง facebook : True World Travel และ www.gotrueworld.com

Share:

สจล. เปิดศูนย์วิจัยนวัตกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ “KAISEM”ครบวงจรแห่งแรกในไทย พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่การพัฒนาประเทศ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 64 ปี

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 64 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 65 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดตัวศูนย์ “KMITL Academy of Innovative Semiconductor” (KAISEM) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่ครบวงจรแห่งแรกในประเทศ เนื่องในโอกาสครบรอบ 64 ปี ซึ่งศูนย์ KAISEM จะทำหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการกลาง (Central Laboratory) ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขามาร่วมมือกันในการทำวิจัย นวัตกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ รวมทั้งกระบวนการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ 
และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เซมิคอนดักเตอร์ของไทย ซึ่งเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ และเป็นศูนย์กลางในการศึกษาและพัฒนาบุคลากร นำ สจล.มุ่งสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก หรือ The Word Master of Innovation อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความร่วมมือกับบริษัท  National Instruments Singapore ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมชั้นนำระดับโลก ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภารกิจของศูนย์ KAISEM ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ บริหารองค์กรอย่างบูรณาการและยั่งยืน มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านการศึกษาตามแนวทาง Global Leaning และ Global Citizen ภายในปี 2569 ส่งเสริมให้เกิดการผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสูง ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม รองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ยกระดับการพัฒนาประเทศไปสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0”  ในพื้นที่ตะวันออก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง 

รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า การดำเนินนโยบายขององค์กรมุ่งการทำงานให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ตัวชี้วัด 5 Global Index ในการขับเคลื่อนงานของสถาบันด้านวิชาการ งานด้านวิจัย และนวัตกรรม งานบริการสังคม ซึ่งประกอบด้วย Global Citizen ที่เน้นหลักสูตรทันสมัย, Global Innovation ยกระดับคุณภาพงานวิจัยและนวัตกรรมสู่ระดับแนวหน้า, Global Learning สร้างวิทยาเขตชุมพรฯ และพื้นที่สถาบันที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ครบวงจรร่วมกับชุมชนด้านเกษตรอัจฉริยะ, Global Infrastructure สร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนและการทำงาน และGlobal Management มุ่งให้มีระบบการบริหารจัดการภายในสถาบันที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการบริหารงานด้วยข้อมูล โดยแผนบริหารทั้ง 5 Global Index ได้กำหนดกระบวนการที่เรียกว่า KMITL Readiness Level (KRL) มีเป้าหมายในระยะเวลา ปี พ.ศ.2567- 2569 

โดยตลอด 64 ปีที่ผ่านมา สจล. ได้สร้างชื่อเสียงในด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ เช่น วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมระบบการผลิต และวิศวกรรมวัสดุ รวมทั้ง สจล. ได้มีการศึกษาวิจัยที่ยาวนานเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบบวงจรรวม การพัฒนาอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ หรือการออกแบบแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ประยุกต์ใช้งานในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำจากทั่วโลก เช่น ไต้หวัน ประเทศญี่ปุ่น และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จึงมีความพร้อมในการที่จะเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์และจัดตั้งศูนย์ “KMITL Academy of Innovative Semiconductor Manufacturing” (KAISEM) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะทางและเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาในการก้าวสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยความท้าทายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เชื่อมโยงภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมเพื่อให้บริการวิชาการที่ครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก

รองศาสตราจารย์ ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า  ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหลักสูตรของภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่พร้อมผลิตบุคลากรคุณภาพรองรับตำแหน่งงานด้านเซมิคอนดักเตอร์ จากความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำกว่า 11 องค์กร ทำให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. มีห้องปฏิบัติการด้านเซมิคอนดักเตอร์และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย สนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางการผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศไทย   

นอกจากนี้ คณะยังได้เสนอแนวทางการเรียนไปพร้อมกับการทำงาน (WIL) ซึ่งช่วยให้บุคลากรพร้อมเข้าสู่ตลาดงานได้ทันทีและลดระยะเวลาในการรอให้กับภาคอุตสาหกรรม ภายในงานการเปิดศูนย์ KAISEM ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันฯ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ บริษัท National Instruments Singapore ซึ่งเป็นบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ ชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบทดสอบและวัดผลอัตโนมัติ และมีการให้บริการในหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ อากาศยาน อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม มาช่วยยกระดับการเรียนการสอนและการวิจัยของคณะ ให้ก้าวสู่ระดับสากล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิภู ศรีสืบสาย รักษาการแทนคณบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุ สจล. กล่าวว่า ทั้งในอดีตและปัจจุบัน สจล. ให้ความสำคัญกับการสร้างนวัตกรรม โดยเป็นผู้ให้บริการงานด้านวิชาการกับทั้งภาครัฐและเอกชนจนเป็นที่ยอบรับมาอย่างยาวนาน  รวมทั้งวิทยาลัยฯ เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมวัสดุ (Material Engineering) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ การเปิดศูนย์ KAISEM ครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จ ซึ่งในพิธีเปิดศูนย์ยังจัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU)  ระหว่างสองฝ่าย โดยมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย การค้นหาและสร้างความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ กลุ่มวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ การเข้าร่วมในโครงการวิศวกรรมเชิงนวัตกรรมของสถาบัน การเข้าร่วมการประชุมวิศวกรรมนานาชาติ เช่น การประชุม IEEE  ในโครงการความร่วมมือเฉพาะและจะยืนยันโครงการเหล่านั้นผ่านการสรุปข้อตกลงเพิ่มเติม ซึ่งมีระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่ลงนาม และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลา 12 เดือนต่อไป เว้นแต่จะมีการแจ้งยกเลิกโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

รองศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรพล ภคศิริ รักษาการแทนคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง สจล. กล่าวว่า  ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย จากไต้หวัน ประเทศญี่ปุ่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศอื่น ๆ ที่ศูนย์ KAISEM กำลังดำเนินงานอยู่ จะเป็นส่วนช่วยในการส่งเสริมงานวิจัยขั้นสูง ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมที่เป็นที่ยอมรับ โดยการสร้าง Central Laboratory ด้านเซมิคอนดักเตอร์ และการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ และจะเป็นศูนย์รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ที่จะสร้างงานวิจัยขั้นสูงเกี่ยวกับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ และ PCB สามารถทำการออกแบบ ทำต้นแบบ และการทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคาร 55 พรรษาฯ มีภารกิจในงานบริการด้านวิชาการ รวมถึงการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาและการฝึกอบรม ทั้งนี้เพื่อให้บริการได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

การก้าวเข้าสู่ปีที่ 65 ของ สจล. ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย ศูนย์ KAISEM เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ และเป็นการยืนยันถึงบทบาทของ สจล. ในการเป็น The World Master of Innovation พร้อมนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th  และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่  https://curriculum.kmitl.ac.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000 

Share:

สจล.จัดพิธีลงนามในสัญญา KMILT Smart Campus การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการสู่สถาบันอัจฉริยะ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดพิธีลงนามในสัญญา KMILT Smart Campus การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการสู่สถาบันอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อและบริหารจัดการอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IoT) สู่การแสดงผลข้อมูลสารสนเทศผ่านแบบจำลองเสมือนของสถาบัน (Building Information Modelling: BIM) ในรูปแบบ Digital Twins ภายในศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligent Operation Center: IOC) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการความปลอดภัยและทรัพยากรของสถาบันให้มีประสิทธิภาพ พร้อมเป็นต้นแบบให้กับภาครัฐและเอกชนในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน (Sustainable Campus) ให้กับประเทศ 

พิธีลงนามในสัญญาโครงการดังกล่าวมี รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพ สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สจล. นายภานุพงษ์ วรินธนาพันธ์ กรรมการบริษัท แทพ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และผู้แทนบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในสัญญา โดยมีคณาจารย์ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สจล.  (เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567)

รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (สจล.) กล่าวว่า  การเปิดตัวโครงการ "KMITL Smart Campus" ครั้งนี้ ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสถาบัน เพราะเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาและยกระดับสถาบันให้เป็นสถาบันอัจฉริยะ โดยทางสจล.ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อและบริหารจัดการอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IoT) และนำข้อมูลเหล่านี้มาแสดงผลผ่านแบบจำลองเสมือนของสถาบัน (Building Information Modelling: BIM) ในรูปแบบ Digital Twins ภายในศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligent Operation Center: IOC) ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการความปลอดภัยและทรัพยากรของสถาบันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

โครงการนี้ยังมุ่งหวังที่จะเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้กับทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Campus) ในอนาคตของประเทศไทยด้วยวิสัยทัศน์ของสถาบันที่มุ่งเน้นการเป็น "The World Master of Innovation" อีกทั้ง สถาบันยังได้ดำเนินนโยบาย 5 Global Indexes ที่ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากรบุคคล ระบบการทำงาน คุณภาพชีวิต การต่อยอดเครือข่าย การส่งเสริมนวัตกรรม และการผลักดันด้านการเรียนรู้ 

 

“ เรามีความเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งนักศึกษา บุคลากร และพันธมิตร เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวและเป็นต้นแบบที่โดดเด่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ต่อทั้งสถาบันและสังคมโดยรวม” รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี กล่าว  

 รองศาสตราจารย์ สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพ สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สจล. กล่าวว่า    โครงการ KMITL Smart Campus ไม่เพียงแต่เป็นการนำเทคโนโลยี ใหม่ๆ มาใช้ในการจัดการและพัฒนาสถาบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การวิจัย และการสร้างนวัตกรรมอย่าง เต็มที่ โดยมีการติดตั้งระบบต่างๆ เช่น ระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่สามารถลดการใช้พลังงานและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และศูนย์การเรียนรู้ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อ สนับสนุนการศึกษาและการวิจัย 

            การเปิดตัวโครงการนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของสจล.ที่จะขับเคลื่อนสถาบันให้ก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบัน

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่  https://curriculum.kmitl.ac.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000 


Share:

มอนเดลีซ พร้อมเปิดตัว ‘Dentyne Splash Lychee Collagen & Vit C’ ครั้งแรกกับหมากฝรั่งผสมคอลลาเจนกลิ่นลิ้นจี่ อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์แบบไม่มีน้ำตาล

พบกันในงานพร้อมด้วยเหล่า KOLs ชื่อดังร่วมแชร์เคล็ดลับความเป๊ะได้ทุกโฟกัส

กรุงเทพฯ 15 สิงหาคม 2567 - เดนทีน แบรนด์หมากฝรั่งยอดนิยมอันดับ 1 ของคนไทย ภายใต้บริษัท บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด พลิกโฉมหมากฝรั่งอย่างแตกต่าง ตอกย้ำความเป็นผู้นำของวงการ เตรียมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘Dentyne Splash Lychee Collagen & Vit C’ หมากฝรั่งสอดไส้ปราศจากน้ำตาล ผสมคอลลาเจนและวิตามินซี กลิ่นลิ้นจี่ ครั้งแรกของหมากฝรั่งพร้อมกับนวัตกรรมสอดไส้ผสมคอลลาเจนและวิตามินซี อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์เอาใจคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและภาพลักษณ์ที่ดูดี

ทั้งนี้งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ Baby Bar Bangkok ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 โดยนอกจากจะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมเวิร์คช้อป Personal Color แนะนำการเลือกเฉดสีเสื้อผ้าให้เข้ากับโทนผิว โดยโค้ชมินท์ อังเกตุ งามนิมิตรธรรม และมีบูธกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุก พร้อมเหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ขนทัพมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ ตู่ Soundtiss, Heidi, Hermionink, Minton เป็นต้น

เกี่ยวกับมอนเดลีซ ประเทศไทย

บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นส่วนหนึ่งของมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ซึ่งจำหน่ายสินค้าในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เรามีพันธกิจหลักในการส่งเสริมการบริโภคของว่างอย่างเหมาะสม โดยเราเป็นผู้นำด้านขนมและของว่างในประเทศไทยด้วยแบรนด์ดังมากมาย อาทิ ลูกอมฮอลล์ หมากฝรั่งเดนทีน ลูกอมคลอเร็ท คุกกี้โอรีโอ แครกเกอร์ริทซ์ ช็อกโกแลตแคดเบอรี ช็อกโกแลตทอปเบอโรน แทงก์ กัมมี่ส์ และชีสฟิลาเดลเฟีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล ได้ที่ www.mondelezinternational.com หรือกดติดตามทวิตเตอร์ www.twitter.com/MDLZ

Share:

ฟรีสแลนด์คัมพิน่า เดินหน้าสานต่อโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย” ปีที่ 4 ส่งต่อโภชนาการที่ดีเริ่มต้นจากนม พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการเด็กไทย สู่การเปลี่ยนสังคมอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ 16 สิงหาคม 2567 - บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ในประเทศไทยและอินโดจีน ร่วมกับพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี, บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) และมูลนิธิกระจกเงา รวมถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ จัดงานแถลงข่าว “Foremost Happy Power เสริมพลังกาย เติมพลังใจไปกับโฟร์โมสต์” เดินหน้าสานต่อโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย” (Foremost For Million Smiles) ส่งมอบนมพร้อมดื่มยูเอชที โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 จำนวน 1 ล้านกล่องให้แก่เด็กและกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโภชนาการที่ดีที่สุดให้กับเด็กไทยผ่านผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มคุณภาพสูง 
พร้อมมุ่งหวังที่จะเติมเต็มโอกาสและส่งเสริมศักยภาพด้านโภชนาการและสารอาหารที่ดีให้แก่เด็กไทยอย่างเต็มกำลัง ภายในงานมีการเสวนาภายใต้หัวข้อ “กินเป็น เล่นเพลิน เรียนรู้ไว เติมเต็มศักยภาพเด็กไทยด้วยโภชนาการจากนม” โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชะลอวัย, พญ.วิสารัตน์ ธีระโกเมน รองผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาสมอง พัฒนาการ และการเรียนรู้ และ นางสาวตวงรัตน์ วุฒิชาญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มาร่วมพูดคุยให้ความรู้ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายสัตวแพทย์ไค๊ส์ เตอนิสเซิ่น อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ                                   

นายวิภาส ปวโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ได้ตระหนักถึงปัญหาภาวะทุพโภชนาการที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็กไทย และมุ่งหวังที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จึงทำให้โครงการโฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยเกิดขึ้น ซึ่งเราจับมือร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา ส่งมอบนม 1 ล้านกล่องให้แก่เด็กและครอบครัวกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ โดยต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านๆ มา และดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ทั้งนี้โฟร์โมสต์ต้องการส่งเสริมการดื่มนมทุกเช้า เพื่อให้เด็กๆ ได้รับโภชนาการอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้มี Happy Power หรือ พลังแห่งความสุข ไม่ว่าจะเป็นจากร่างกาย จิตใจที่แข็งแรง สู่ความสุขอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยในปัจจุบันยังคงมีเด็กจำนวนมากได้รับผลกระทบจากภาวะทุพโภชนาการดังกล่าว ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและโอกาสในชีวิต เราเชื่อว่านมเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารครบถ้วนและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นเด็กทุกคนมีสิทธิในการได้รับโภชนาการที่ดีเพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจในการมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโภชนาการที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาเพื่อเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด”

“ในปีนี้โฟร์โมสต์ได้ยกระดับโครงการโฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การสนับสนุนจากพันธมิตรจากองค์กรต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา  แต่เรายังมีโครงการวิจัยที่ทำร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสำรวจภาวะโภชนาการในเด็กแบบเจาะลึก จากโครงการ SEANUTS II ที่ได้วิจัยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางโภชนาการของเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 12 ปี ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย พบว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับสารอาหารสำคัญเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินดี  ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการทางโภชนาการของแต่ละท้องถิ่นอย่างตรงจุด ทั้งนี้เราได้พัฒนาและปรับปรุงสูตรนมโฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 ซึ่งเป็นสูตรที่ขายดีของเรา เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องโภชนาการ โดยเติมเต็มสารอาหารที่หลากหลาย รวมถึงใยอาหาร ที่ช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้านทั้งสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ๆ เพื่อส่งมอบพัฒนาการที่ดีที่สุดให้กับเด็กไทย ส่งผลต่อความพร้อมในด้านร่างกายและจิตใจที่ดีในอนาคต รวมถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนต่อไป”

โครงการโฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย ปีที่ 4 (Foremost For Million Smiles) ขอเชิญชวนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันและเสริมสร้างโภชนาการที่ดีให้เด็กไทย ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง ผ่านช่องทางของร้านค้าผู้จัดจำหน่ายที่ร่วมรายการและโฟร์โมสต์ออนไลน์ โฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 หรือ โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 สมาร์ท ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ถึงวันที่ 17 กันยายน 2567 เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน สูงสุดจำนวน 1,000,000 กล่อง ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊ค ForemostThailand

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก