“พิพัฒน์" มุ่งสร้างสวัสดิการให้เงินทดแทนการขาดรายได้ แรงงานอิสระและอาสาสมัครแรงงาน ในพื้นที่ กทม. กว่า 1.72 ล้านคน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดโครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมให้กับแรงงานอิสระและอาสาสมัครแรงงานในพื้นที่ กทม. โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม อาสาสมัครแรงงาน เครือข่ายประกันสังคมมาตรา 40 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการดังกล่าว ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดา กรุงเทพมหานคร

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าการอบรมโครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคม ในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นดำเนินการตามเป้าหมาย ภายใต้นโยบาย “หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัย คนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจแรงงานไทยมั่งคง” ที่ถือเป็นส่วนสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครแรงงาน เครือข่ายประกันสังคมในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สิทธิประโยชน์ รวมทั้ง ส่งเสริมให้แรงงานอิสระได้รับสวัสดิการในทุกด้าน อาทิ การคุ้มครองด้านสุขภาพ ให้ได้รับค่าชดเชยตั้งแต่วันแรกเมื่อแพทย์สั่งหยุดงาน เมื่อจ่ายเงินสมทบครบตามเงื่อนไข ด้านสังคม 

ด้านอาชีพ และด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ขยายสิทธิการกู้ซื้อบ้านให้ครอบคลุมกับผู้ประกันตนทุกมาตรา จึงอยากให้ส่งเสริมการสร้างการรับรู้ให้กับอาสาสมัครแรงงาน เครือข่ายประกันสังคม ในพื้นที่สามารถนำไปขยายถึงผู้อาศัยในชุมชนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 1.72 ล้านคน โดยผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 5 กรณี  เช่น กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุดถึง 90 วัน กรณีทุพพลภาพรับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500 – 1,000 บาทต่อเดือน ได้รับสูงสุดตลอดชีวิต กรณีเสียชีวิตได้รับเงินค่าทำศพสูงสุด 50,000 บาท กรณีชราภาพได้เงินบำเหน็จ และกรณีสงเคราะห์บุตรได้รับเงินรายเดือนตั้งแต่บุตรแรกเกิดจนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมยังมีโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง/มีสิทธิ์ได้วงเงินกู้ซื้อบ้านหรือซื้อที่ดินปลูกบ้านได้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี 

มีความมั่งคงและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจต่อไป

                             

        นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวนกว่า 11 ล้านคน มีตัวแทนเครือข่ายประกันสังคม จำนวนกว่า 25,000 คน และเครือข่าย “บวร” กลุ่มสมาชิกบ้าน วัด โรงเรียน และโรงงาน จำนวน 247,000 คน ทั่วประเทศ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร การสร้างการรับรู้และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภารกิจด้านการประกันสังคมให้ประชาชน อาสาสมัครแรงงาน เครือข่ายแรงงานในพื้นที่ได้รับทราบ จึงได้จัดให้มีโครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมในวันนี้


          ด้าน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเสริมว่า สำนักงานประกันสังคมต้องการเน้นย้ำความสำคัญของประกันสังคมมาตรา 40 ที่ให้การคุ้มครองแก่แรงงานนอกระบบ และเพิ่มพูนศักยภาพของเครือข่ายประกันสังคมให้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ ให้สามารถขยายผล รณรงค์ให้แรงงาน ภาคอิสระเข้าสู่ระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้น สำหรับการจัด “โครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคม” ถือเป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของเครือข่ายประกันสังคม เช่น การให้บริการรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 การรับสมัครเครือข่ายประกันสังคม การอภิปรายร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการประกันสังคมมาตรา 40 การออกร้านจำหน่ายสินค้าของเครือข่ายประกันสังคม การจัดนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของภาคีเครือข่ายอีกด้วย

-------------------------------------------

ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน


Share:

เวเบอร์ ตราตุ๊กแก ลุยสื่อสารผลิตภัณฑ์ ครบทั้งงานปูกระเบื้อง งานกันซึม และ เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง สร้างความเชื่อมั่น เติบโตอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ, 26 พฤศจิกายน 2567 - เวเบอร์ ตราตุ๊กแก ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ กาวยาแนว กันซึม และ เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดตัวโฆษณาใหม่ ลุยสื่อสารกลุ่มผลิตภัณฑ์ครบ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้ง ช่าง ผู้รับเหมา สถาปนิก และเจ้าของบ้าน ให้ได้มากที่สุด โดยเพิ่มความหลากหลายของช่องทางการสื่อสาร และกิจกรรมด้านการตลาด สร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ภายใต้แบรนด์ เวเบอร์ ตราตุ๊กแก ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 

นางสาวศิวารยา ศรีติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แซง-โกแบ็ง ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทเน้นการสื่อสาร และเร่งทำกิจกรรมด้านตลาดใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับงานปูกระเบื้อง งานกันรั่วซึม และ เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยชูเรื่องผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ได้รับมาตรฐานยุโรป พร้อมขยายตลาดให้เข้าถึงกลุ่มของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆของที่อยู่อาศัยให้แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยต่อทุกคนให้มากที่สุด ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย ช่องทางโมเดิร์นเทรด กลุ่มผู้รับเหมา และกลุ่มโครงการ รวมถึงในช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีและมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับแผนการสื่อสารการตลาดในปีนี้ เวเบอร์ ตราตุ๊กแก ได้วางแผนปูพรมสื่อสารทุกช่องทาง ทั้งการสื่อสารทางการตลาดออฟไลน์และออนไลน์ โดยใช้สื่อโฆษณา “ทุกพื้นที่ เชื่อมั่น มั่นใจ เวเบอร์ ตราตุ๊กแก” ควบคู่กับ กิจกรรมชิงโชค ภายใต้ ชื่อแคมเปญ ช้อปถูกใจ รวยลุ้นล้าน แจกทองทุกสัปดาห์ มูลค่าของรางวัลมากกว่า 2.4 ล้านบาท และใช้ KOL / Influencer เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ในหลายช่องทาง เช่น TikTok พร้อมทั้งจัดโรดโชว์ในสถานที่ต่างๆ สร้างความจดจำด้านคุณภาพของสินค้า และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ที่มีมามากกว่า 38 ปี ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ กาวซีเมนต์ เวเบอร์ไทล์ ฟิกซ์ สำหรับงานปูกระเบื้อง พื้น ผนัง สระว่ายน้ำ , กาวยาแนว เวเบอร์คัลเลอร์ พาวเวอร์ สูตร 3 พลังป้องกัน ราดำ แบคทีเรีย ตะไคร่น้ำ และ กันซึม เวเบอร์ดราย ซีล อะคริลิคกันรั่วซึม 100% สำหรับดาดฟ้า หลังคา ผนัง ใช้งานง่าย สะท้อนความร้อน ทนต่อรังสี UV เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯมองเห็นโอกาสในการทำตลาดเพื่อสนับสนุนยอดขายในปีนี้ โดยได้วางแผนการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า นอกเหนือจากประเทศไทยที่เป็นประเทศหลัก ทำให้มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้

Share:

51Talk ส่งเด็กไทยเข้าร่วม COP29 การประชุมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บทพิสูจน์การสนับสนุนเยาวชนก้าวสู่เวทีระดับโลก

ธาร ธีรภาสิริ (มียู) วัย 12 ปี ตัวแทนของ 51Talk จากประเทศไทย ร่วมงานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 

(the United Nations Climate Change Conference) หรือ COP29 

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567: 51Talk (ไฟฟ์วันทอล์ก) แพลตฟอร์มหลักสูตรการศึกษาภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับเยาวชนระดับโลก ครอบคลุมการให้บริการมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 40 ล้านคน ส่งนักเรียนดาวเด่นจากสี่ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย และไทย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานครั้งสำคัญระดับโลกอย่างการประชุมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 (the United Nations Climate Change Conference) หรือ COP29 ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2567 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน พร้อมเปิดโอกาสให้ทัศนศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมงาน โดยการประชุมที่จัดขึ้นนี้มีผู้นำและตัวแทนจากทั่วโลกมากมายมาร่วมเสวนาเพื่อหาแนวทางจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ธาร ธีรภาสิริ หรือ มียู วัย 12 ปี ตัวแทนของ 51Talk ประเทศไทย เป็นผู้ชนะจากโครงการ “เสียงเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนโลก LITTLE VOICE FOR A BETTER WORLD: 51Talk English Speech Contest 2024 For UN Climate Change Conference" ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยอายุระหว่าง 6-12 ปี ได้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ ส่งเสริมความมั่นใจ และกล้าแสดงออกทางความคิดเห็น นำไปสู่การเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่เชื่อมต่อกับผู้คนทั้งโลก โดยธารได้ถ่ายทอดวิธีแก้ปัญหาของตนเองเพื่อช่วยลดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงผลลัพธ์ของการเริ่มจากตนเองว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้อย่างไร

บรรยากาศในงาน “เสียงเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนโลก LITTLE VOICE FOR A BETTER WORLD”

ภายในงาน COP29 นักเรียนที่มีศักยภาพโดดเด่นของ 51Talk จากจีน ญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย และไทย ได้รับเชิญในฐานะตัวแทนเยาวชนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีองค์การสหประชาชาติ ทำให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะอุทิศตนเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งปัจจุบันและอนาคต ปัญหาหรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงรณรงค์สร้างสำนึกรับผิดชอบร่วมกันต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสืบไป 

ธาร เยาวชนชาวไทยหนึ่งเดียวได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีระดับโลก COP29 ว่า “ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ หากเราทำลายโลกได้ เราก็รักษาโลกได้เช่นกัน ธารจึงขอเสนอแนวทาง SEEDS โดย S ย่อมาจาก Save หมายถึง การพยายามประหยัดให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ หรือไฟฟ้า เช่น ปิดไฟและเครื่องปรับอากาศทุกครั้งก่อนออกจากห้อง E ย่อมาจาก Earth ให้คิดถึงโลกทุกครั้งเมื่อก้าวเดิน ควรมีการใช้ซ้ำ ลดการใช้ นำกลับมาใช้ใหม่ และปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ E ย่อมาจาก Encourage เป็นการบอกต่อและสนับสนุนให้คนอื่น ๆ ช่วยกันดูแลโลก D ย่อมาจาก Don’t Wait เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ทุกคนลงมือทำได้ทันที และ S ย่อมาจาก Sustainability เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แยกขยะนำไปรีไซเคิล เป็นต้น เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้อย่างยั่งยืน แม้ SEEDS จะเป็นการกระทำเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่หากช่วยกันปลูกคนละไม้คนละมือมันจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่คอยปกป้องเราและพาเราไปสู่โลกที่ดีกว่า”

นอกจากเข้าร่วมเวทีใหญ่ของสหประชาชาติแล้ว ธารยังได้รับเชิญให้แสดงทรรศนะด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้หัวข้อ “Youth Leadership in Climate Action” ณ Thailand Pavilion จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อีกด้วย 

นับแต่ปี 2562 เป็นต้นมา 51Talk ได้สนับสนุนให้เยาวชนเข้าร่วมงานของสหประชาชาติผ่านการกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีที่ได้รวบรวมผู้มีความรู้และประสบการณ์ไว้อย่างคับคั่ง ด้วยทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียน 51Talk ที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และพรแสวง ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ ตรงประเด็น ทั้งยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว จึงสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงาน COP29 ได้อย่างไร้ข้อกังขา เป็นนิมิตหมายอันดีว่าเยาวชนเหล่านี้เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง และสามารถนำความเข้าใจไปต่อยอดให้เป็นรูปธรรมได้

นอกจากนี้ 51Talk ได้จัดกิจกรรมล่าลายเซ็น “Our planet, Our responsibility. We speak for the world!” กระตุ้นให้ผู้ร่วมงานได้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน โดย กนกพร สิมะพิเชฐ เจ้าของเพจ 2madames อีกทั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ตัดสินโครงการ “เสียงเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนโลก LITTLE VOICE FOR A BETTER WORLD” พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมกับเหล่าเยาวชนในงาน COP29 ครั้งนี้

นักเรียนทั้งสี่ประเทศจาก 51Talk ร่วมสนับสนุนโครงการ “Our planet, Our responsibility. We speak for the world!”

โครงการจาก 51Talk เพื่อสร้างความตระหนักในการแก้ปัญหาโลกร้อน “Our planet, Our responsibility. We speak for the world!”

ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์เท่านั้น โครงการของ 51Talk ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เห็นประโยชน์ของการฝึกฝนภาษาอังกฤษเพื่อนำไปใช้ได้จริง ส่งต่อความกระตือรือร้นที่จะสื่อสารกับผู้คนต่างชาติต่างภาษา โดยแพลตฟอร์ม 51Talk ได้มีการพัฒนาและออกแบบหลักสูตรให้เหมาะกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน จึงมั่นใจได้ว่าทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนจะได้รับการยกระดับขึ้นแน่นอน พิสูจน์ได้จากการส่งเยาวชนเข้าร่วมเวทีระดับโลกของสหประชาชาติที่ผ่านมา

เอมิลี่ หลี่ ผู้จัดการทั่วไป 51Talk Thailand กล่าวว่า “ที่ 51Talk เราเชื่อมั่นว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน ผู้เรียนสามารถค้นพบศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ เรารู้สึกดีใจและขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเด็ก ๆ เข้าเรียนภาษาอังกฤษกับ 51Talk รวมทั้งให้เด็ก ๆ ได้เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสั่งสมประสบการณ์และรับโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการของสหประชาชาติในปีนี้ หัวข้อเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับอนาคตของเราทุกคนทั่วโลก เราเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ที่ประเทศไทย หรือบนเวทีระดับโลกอย่าง COP29 จะช่วยให้นักเรียนของเราทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเรียนและการแข่งขันกลับไป ทีม 51Talk ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันที่จะสนับสนุนให้นักเรียนได้พัฒนาความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษของตนเอง และการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะอย่างมีเหตุผล และได้เป็นหนึ่งในกระบอกเสียงเพื่อส่งสัญญาณให้คนมากมายได้รับรู้ถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต”

เอมิลี่ ผู้จัดการทั่วไป 51Talk 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน 51Talk ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อเปิดโลกกว้างไปกับเรา ทดลองเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูผู้สอนชาวต่างชาติฟรีได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่เว็บไซต์ 51Talk Thailand หรือกด https://wap.51talk.com/landing/unonlinecampaign.html ได้เลย

Share:

ดร.พงศ์พิพัฒน์ พงษ์ตน ประธานฝ่ายวิชาการ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการบรรยายพิเศษ [ทีทอล์ค] ในหัวข้อ "อ่านใจคนฟัง 101 วิธีการเข้าใจคนให้คล่องก่อนการสื่อสาร"

โดย ดร.ธีร์ธวัช เจนวัชรรักษ์ 

ผู้ก่อตั้ง PRACT (Presentation Academy Thailand) สถาบันสอนทักษะการสื่อสาร การพูดในที่สาธารณะ และการนำเสนอ อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเร็วๆนี้ 

ที่สมาคม โดยมี ฐิติภูมิ จามิกรานนท์, กมลวัน บุณยัษฐิติ, ดร.ลาวัณย์ฉวี สุจริตตานนท์, ณัฐพัชร รัตนกนกวัฒน์,

จันทิมา-ภาวิณี นะวิโรจน์, เอิร์ธ สายสว่าง และดร.จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา เข้าร่วม



Share:

“โค้ก” เปิดมหกรรมอาหาร “Coca-Cola Food Fest” จัดเต็ม 138 ร้านเด็ดมาให้คุณฉลองส่งท้ายปี 5 - 10 ธ.ค. นี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ 11 - 15 ธ.ค. ที่นครราชสีมา และภูเก็ต

กรุงเทพฯ 25 พฤศจิกายน 2567 – กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วยบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) จำกัด เตรียมเปิดมหกรรมความอร่อยส่งท้ายปีกับ ‘Coca-Cola’ Food Fest รวมร้านเด็ดสุดปังกว่า 138 ร้านจากแคมเปญ Foodmarks มาไว้ในงาน พร้อมกิจกรรมความสนุกแบบจัดเต็ม ให้คุณฉลองเทศกาลแห่งความสุขได้พิเศษยิ่งขึ้นเมื่อมี “โค้ก” ตั้งแต่ 10 ธ.ค. นี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ 11 - 15 ธ.ค. ที่เซ็นทรัล โคราช และสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จังหวัดภูเก็ต

 

วิกเตอร์ หว่อง รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว กล่าวว่า “ ‘Coca-Cola’ Food Fest ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ “โค้ก” ในการเติมเต็มช่วงเวลาที่มีความหมายของผู้บริโภค ผ่านการนำเสนอประสบการณ์ความอร่อยใหม่ ๆ ซึ่งภายในงาน นอกจากจะได้ลิ้มลองความอร่อยจากร้านชื่อดังในแคมเปญ Foodmarks ที่สร้างปรากฏการณ์ร้านอร่อยปักหมุดทั่วไทยไปแล้ว ยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมความสนุก เพื่อให้ทุกคนมาฉลองเทศกาลแห่งความสุขกับเพื่อนและครอบครัวได้อย่างเต็มอิ่ม และเตรียมพร้อมเปิดรับสิ่งดี ๆ ที่กำลังจะมาถึงในปีต่อไป”

  

มหกรรม ‘Coca-Cola’ Food Fest

กรุงเทพฯ - พบกันที่ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ D ตั้งแต่วันที่ 5 - 10 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00 - 22.00 น. รวมร้านเด็ดกว่า 46 ร้าน พร้อมเอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยการตกแต่งในธีมคริสมาสต์สุดอลังการ โดยบริเวณโซนรถไฟพบกับไฮไลท์ COKE’ Train to Deliciousness ขบวนรถไฟที่ส่งตรง “โค้ก” ซีโร่ มามอบความอร่อยซ่าชื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน นอกจากนี้คุณยังสามารถดื่มด่ำบรรยากาศโดยรอบของงานคริสมาสต์ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มาพร้อมกองทัพ Art Toys และต้นคริสต์มาสอาร์ตทอยที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกด้วย

 

นครราชสีมา จัดขึ้นที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช หนึ่งในไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 ธันวาคม 2567 เวลา 16.00 - 22.00 น. รวมร้านอร่อยกว่า 30 ร้านมาให้เลือกสรร พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษจาก “โค้ก” และชมการแสดงจากศิลปิน อาทิ เต้ย อภิวัฒน์, Whal & Dolph และอีกมากมาย ที่จะมาสร้างสีสันให้กับมื้ออร่อยของทุกคนตลอดงาน

 

ภูเก็ต - จัดขึ้นที่ ลานมังกร สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี พ.ศ.2547 จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 ธันวาคม 2567 เวลา 16.00 - 22.00 น. พบกับร้านเด็ดกว่า 62 ร้าน ทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม อาหารพื้นเมือง และอาหารนานาชาติ พร้อมสนุกสนานกับกิจกรรมไฮไลท์ เช่น การแสดงดนตรีของศิลปินชื่อดังในพื้นที่ ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงคาบาเร่ต์ และการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้ทุกเจเนอเรชั่นเพลิดเพลินกับโมเมนต์แห่งความสุขส่งท้ายปี

 

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกมาร่วมงาน สามารถสั่งอาหารที่ชื่นชอบผ่านบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ พร้อมรับส่วนลดสุดคุ้มได้ เพียงมองหาสัญลักษณ์ ‘Coca-Cola’ Food Fest บนแอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ที่เข้าร่วมในแคมเปญ

 

อย่าลืมมาเช็คอินความอร่อยที่สายกินต้องไม่พลาด ในมหกรรม ‘Coca-Cola’ Food Fest และติดตามข่าวสารและกิจกรรมล่าสุดจาก “โคคา-โคล่า” ได้ทาง เฟซบุ๊ค หรือเข้าชมที่เว็บไซต์ www.Coca-Cola.co.th

 


กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้รับผิดชอบในกิจกรรมการตลาด และสองบริษัทพันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่าย บจ. ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบ 63 จังหวัด ทั่วประเทศ และ บมจ. หาดทิพย์ รับผิดชอบใน 14 จังหวัดภาคใต้    

 

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทยเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ นอกเหนือจากแบรนด์ โคคา-โคล่า แล้วผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย ยังประกอบไปด้วย โค้ก”, “แฟนต้า”, “สไปรท์”, “ชเวปส์”, “เอแอนด์ดับบลิว” รูทเบียร์ รวมถึงน้ำส้ม ”มินิทเมด สแปลช”, “มินิทเมด พัลพิ”, “น้ำดื่มน้ำทิพย์”, น้ำแร่ “บอน อควา” และอู-ฮ่า   

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ 

บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทยจำกัด 

ชนกภัทร ยศวัฒนานนท์              โทร. 061-403-6656 

Share:

Recent Posts

ค้นหาบล็อกนี้

Contact Us ::

📲 (+66) 081 4345154
✉️ Insightoutstory@gmail.com

Add Line📲 Click 👇👇

Translate

🚉 ช.ส.ท.พาเที่ยว นครฯ

Review By Nichapa

POPULAR NEWS

Fanpage Facebook

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก